...............ถ่ายภาพโดย..........กัลยา.............
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
แม่โคกำลังดื่มน้ำขุ่นมัว จึงห้ามมัน ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นในภพหลังสุดนี้(แม้)เราจะกระหายน้ำก็ไม่ได้ดื่มน้ำตามความปรารถนาในชาติอื่นในกาลก่อน เราเป็นนักเลงชื่อปุนาลิ ได้กล่าวตู่พระปัจเจกพุทธเจ้าชื่อว่า{สุรภี} ผู้ไม่ประทุษร้าย(ตอบ)ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นเราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานาน ได้เสวย
ทุกขเวทนาแสนสาหัสหลายพันปีเป็นอันมาก ด้วยผลกรรมอันเหลือนั้น ในภพหลังสุดนี้ เราจึงได้คำกล่าวตู่เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา เพราะการกล่าวตู่พระเถระนามว่านันทะ สาวกของพระพุทธเจ้า ผู้ครอบงำอันตรายทั้งปวง เราจึงท่องเที่ยวอยู่ในนรกสิ้นกาลนาน เราท่องเที่ยวอยู่ในนรกเป็นเวลานานถึงหมื่นปี ได้ความเป็นมนุษย์แล้ว ได้การกล่าวตู่เป็นอันมาก ด้วยผลกรรมที่
เหลือนั้น{นางจิญจมานวิกา}มากับหมู่ชน ได้กล่าวตู่เราด้วยคำอันไม่เป็นจริงเมื่อก่อน เราเป็นพราหมณ์ชื่อสุตวา อันชนทั้งหลายสักการะสอนมนต์ให้กับมาณพประมาณ ๕๐๐ คนในป่าใหญ่ ก็เราได้เห็นฤาษีผู้น่ากลัว ได้อภิญญา ๕ มีฤทธิ์มากมาในสำนักของเรา เราจึงกล่าวตู่ฤาษีผู้
ไม่ประทุษร้าย โดยได้บอกกะพวกศิษย์ของเราว่า ฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม แม้เมื่อเราบอก(เท่านั้น)พวกมาณพก็เชื่อฟัง ครั้งนั้น มาณพทั้งปวง เที่ยวไปภิกษาในสกุล ๆ พากันบอกแก่มหาชนว่า ฤาษีพวกนี้มักบริโภคกาม ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้นภิกษุ ๕๐๐ เหล่านี้ ได้คำกล่าวตู่ทั้งหมด เพราะเหตุแห่งนางสุนทริกา ในกาลก่อน เราได้ฆ่าพี่น้องชายต่างมารดา เพราะเหตุแห่งทรัพย์ จับใส่ลงในซอกเขาและบด(ทับ)ด้วยหินด้วยวิบาก
แห่งกรรมนั้น พระเทวทัตจึงผลักก้อนหินก้อนหินกลิ้งลงมากระทบนิ้วแม่เท้าของเราจนห้อเลือดในกาลก่อน