ข้อความโดย: Plusz
« เมื่อ: ตุลาคม 08, 2010, 01:40:58 pm »ในวงการบันเทิงฮอลลีวู้ด ฟาร์ราห์ ฟอว์เส็ตต์ คือสาวในโปสเตอร์ดาราอมตะที่ขายดิบขายดีไปทั่วโลก นับจากละครชุด นางฟ้าชาร์ลี ออกฉายและโด่งดังในยุค 70 
ส่วนวงการแพทย์ ฟาร์ราห์เป็นสาวในโปสเตอร์ที่สะกิดเตือนให้คนทั่วโลกตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งทวารหนัก ที่มักไม่มีใครพูดถึง สาเหตุของมะเร็งทวารหนักเชื่อมโยงกับเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ จากข้อมูลของสมาคมมะเร็งอเมริกัน มะเร็งทวารหนักเป็นโรคที่ไม่พบบ่อยนัก ในอเมริกามีผู้ติดเชื้อเพียงปีละ 5,000 ราย และเสียชีวิต 700 รายต่อปี ปกติคนทั่วไปจะได้ยินว่า มะเร็งชนิดนี้จะติดต่อในหมู่ชายชาวเกย์ที่มีเพศสัมพันธ์กัน แต่จริงๆ แล้วผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งของโรคนี้ในอเมริกาเป็นผู้หญิง "การป่วยเป็นโรคมะเร็งทวารหนักของฟาร์ราห์ ฟอว์ เส็ตต์ จุดประเด็นว่าโรคนี้พบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชาย และตัวฟาร์ราห์เองได้กระตุ้นให้ผู้หญิงตระหนักถึงโรคนี้" ดร.โมนา ซาไรยา จากกรมควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ กล่าว
ดร.บาร์รอน เลอร์เนอร์ แพทย์ประจำโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย สหรัฐ กล่าวว่า แม้จะพูดคุยกับคนไข้บ่อยๆ ถึงความแตกต่างของมะเร็งชนิดต่างๆ ความเสี่ยงที่จะเป็น แต่สำหรับมะเร็งทวารหนัก ไม่เคยพูดถึงมาก่อน เพราะเป็นหัวข้อที่อาจจะทำให้วงแตก อย่างไรก็ตาม หลังการเสียชีวิตของฟาร์ราห์ คนไข้เริ่มตั้งคำถามถึงมะเร็งชนิดนี้แล้ว ก่อนจากโลกไปในวัย 62 ปี ฟาร์ราห์และครอบครัวจัดทำสารคดีชีวิต ฟาร์ราห์ สตอรี่ การป่วยและขั้นตอนการบำบัดรักษาที่ถ่ายทำจากชีวิตจริงของดาราหญิง ออกฉายทางโทรทัศน์ ซึ่งมีเรตติ้งผู้ชมสูงมาก 
"เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นมะเร็งทวารหนัก เธอคงจะไม่มีทางหายขาด จึงตัดสินใจทิ้งเรื่องราวที่จะกระตุ้นให้สังคมตระหนักเท่าที่เธอจะทำได้" ดร.ลอว์เรนซ์ ไพโร แพทย์ผู้รักษาดาราหญิงกล่าว เจ้าหน้าที่การแพทย์หลายคนกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักโรคชนิดนี้ หรือแม้แต่จะพูดถึง เพราะอาการของโรคบางทีทำให้เข้าใจผิดไปว่าเป็นริดสีดวงทวาร แต่เมื่อหนังสือพิมพ์เริ่มลงข่าวการป่วยของฟาร์ราห์ ที่พบว่าติดเชื้อตั้งแต่ปี 2549 ฟาร์ราห์และครอบครัวจึงทำสารคดีในเรื่องนี้เพื่อให้ข้อมูลกับสังคม ความเสี่ยงของโรค ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติว่ามีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมาก่อน เป็นเหตุให้ติดเชื้อ ไวรัสเอชพีวี (human papilloma virus) นอกจากนี้การใช้ยาหรือสภาวะที่กดภูมิคุ้มกันในระยะยาวก็มีส่วนเพิ่มความเสี่ยง เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ การติดเชื้อจะเริ่มก่อตัวที่เนื้อเยื่อที่ทวารหนัก จากบริเวณผิวหนังชั้นนอก หรือจากส่วนของลำไส้ ส่วนการรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนมะเร็งและการกระจายตัวของเนื้องอก ระดับความรุนแรงของเชื้อ ปกติจะใช้การผ่าตัดเอาเนื้องอกออก แต่ปัจจุบันนิยมใช้การฉายรังสีและกินยาต้านมะเร็ง สำหรับเรื่องราวของฟาร์ราห์ รวมถึงนายแพทย์ไพโร ผู้รักษา แม้ยังไม่ได้ชี้ชัดไปว่าคนทั่วไปควรฉีดวัคซีนการ์ดาซิล (Gardasil) เพื่อป้องกันเชื้อเอชพีวี ที่ปกติเป็นเชื้อไวรัสของมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงรู้จักเชื้อโรคนี้มากขึ้น
ส่วนวงการแพทย์ ฟาร์ราห์เป็นสาวในโปสเตอร์ที่สะกิดเตือนให้คนทั่วโลกตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งทวารหนัก ที่มักไม่มีใครพูดถึง สาเหตุของมะเร็งทวารหนักเชื่อมโยงกับเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ จากข้อมูลของสมาคมมะเร็งอเมริกัน มะเร็งทวารหนักเป็นโรคที่ไม่พบบ่อยนัก ในอเมริกามีผู้ติดเชื้อเพียงปีละ 5,000 ราย และเสียชีวิต 700 รายต่อปี ปกติคนทั่วไปจะได้ยินว่า มะเร็งชนิดนี้จะติดต่อในหมู่ชายชาวเกย์ที่มีเพศสัมพันธ์กัน แต่จริงๆ แล้วผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตกว่าครึ่งหนึ่งของโรคนี้ในอเมริกาเป็นผู้หญิง "การป่วยเป็นโรคมะเร็งทวารหนักของฟาร์ราห์ ฟอว์ เส็ตต์ จุดประเด็นว่าโรคนี้พบในผู้หญิงได้มากกว่าผู้ชาย และตัวฟาร์ราห์เองได้กระตุ้นให้ผู้หญิงตระหนักถึงโรคนี้" ดร.โมนา ซาไรยา จากกรมควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ กล่าว
"เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นมะเร็งทวารหนัก เธอคงจะไม่มีทางหายขาด จึงตัดสินใจทิ้งเรื่องราวที่จะกระตุ้นให้สังคมตระหนักเท่าที่เธอจะทำได้" ดร.ลอว์เรนซ์ ไพโร แพทย์ผู้รักษาดาราหญิงกล่าว เจ้าหน้าที่การแพทย์หลายคนกล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับคนที่ไม่ค่อยรู้จักโรคชนิดนี้ หรือแม้แต่จะพูดถึง เพราะอาการของโรคบางทีทำให้เข้าใจผิดไปว่าเป็นริดสีดวงทวาร แต่เมื่อหนังสือพิมพ์เริ่มลงข่าวการป่วยของฟาร์ราห์ ที่พบว่าติดเชื้อตั้งแต่ปี 2549 ฟาร์ราห์และครอบครัวจึงทำสารคดีในเรื่องนี้เพื่อให้ข้อมูลกับสังคม ความเสี่ยงของโรค ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย ช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป มีประวัติว่ามีเพศสัมพันธ์หรือมีคู่ที่มีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักมาก่อน เป็นเหตุให้ติดเชื้อ ไวรัสเอชพีวี (human papilloma virus) นอกจากนี้การใช้ยาหรือสภาวะที่กดภูมิคุ้มกันในระยะยาวก็มีส่วนเพิ่มความเสี่ยง เช่นเดียวกับการสูบบุหรี่ การติดเชื้อจะเริ่มก่อตัวที่เนื้อเยื่อที่ทวารหนัก จากบริเวณผิวหนังชั้นนอก หรือจากส่วนของลำไส้ ส่วนการรักษาขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนมะเร็งและการกระจายตัวของเนื้องอก ระดับความรุนแรงของเชื้อ ปกติจะใช้การผ่าตัดเอาเนื้องอกออก แต่ปัจจุบันนิยมใช้การฉายรังสีและกินยาต้านมะเร็ง สำหรับเรื่องราวของฟาร์ราห์ รวมถึงนายแพทย์ไพโร ผู้รักษา แม้ยังไม่ได้ชี้ชัดไปว่าคนทั่วไปควรฉีดวัคซีนการ์ดาซิล (Gardasil) เพื่อป้องกันเชื้อเอชพีวี ที่ปกติเป็นเชื้อไวรัสของมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ทำให้คนทั่วไป โดยเฉพาะผู้หญิงรู้จักเชื้อโรคนี้มากขึ้น