ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: ตุลาคม 13, 2010, 08:30:24 pm »善男子,當知虛空非是暫有,亦非暫無,況復如來圓覺隨順,而為虛空平等本性
。 ดูก่อนกุลบุตร พึงทราบเถิดว่าความว่างนั้นหาใช่เพิ่งมี ทั้งมิใช่เพิ่งปราศจาก แล้วจักประสา ใดกับตถาคตปูรณโพธิ ที่อนุโลมตามอากาศสมตามูลภาวะ คือภาวะเดิมของความว่างเปล่าที่เสมอ ภาค ๒ พระองค์ตรัสเรื่องวัฏฏะ คือความหมุนเวียนไป ทั้งด้านสังสารวัฏ และโลกุตรวัฏ ว่ามิต่างกันในแง่ของการไร้ทวิบัญญัติเรื่องสังสารวัฏ และพระนิรวาณ หากยังไม่รู้แจ้ง จิตจักยิ่งปรุงแต่งไปตามเวทนา ๓ คือการเสวยอารมณ์ ความรู้สึกของอารมณ์ คือ
๑)สุขเวทนา ความรู้สึกสุข สบาย ทางกายหรือทางใจ
๒)ทุกขเวทนา ความรู้สึกทุกข์ ทางกายหรือทางใจ
๓)อทุกขมสุขเวทนา ความรู้สึกเฉยๆ ไม่สุข และไม่ทุกข์ เรียกอีกอย่างว่า อุเบกขาเวทนา
ซึ่งสภาวะแห่งสมปูรณโพธิ คือการปราศจากซึ่งบัญญัติทั้งปวง ๓ ประโยคนี้คือ เมื่อมายาที่ปกคลุมไว้ถูกกำจัดแล้ว ย่อมไม่มีการปรุงแต่งใดๆ อีก เช่นปรุงแต่งว่ามายายังอยู่ หรือมายาสิ้นไป หากยังมี บัญญัติว่าอยู่หรือสิ้นก็จักเป็นมายาทันที ในพระธรรมสูตรนี้ สอนเชิงปฏิเสธทวิบัญญัติ เพื่อละอุปาทานจิต หยั่งเห็นเอกภาพของ สังสารวัฏและพระนิรวาณ โดยอุปมาสิ่งอันปกคลุมเป็นมายา และอุปาทานเป็นอากาศบุปผา หรือดอกไม้ที่มีอยู่ในอากาศ
善男子,如銷金礦,金非銷有,既巳成金,不重為礦,經無窮時,金性不壞,不應說言本非成就,如來圓覺,亦復如是
。 ดูก่อนกุลบุตร ดุจการถลุงแร่ออกจากทองคำ อันทองก็หาต้องถลุงด้วยไม่ ก็เมื่อสำเร็จแต่ สุวรรณบริสุทธิ์แล้ว จึงมิต้องถลุงอีก เมื่อผ่านเพลาไปจิรกาล สภาวะแห่งทองนั้นก็หาได้เสื่อมไปไม่ อันมิพึงกล่าวว่ามูลภาวะมิได้สำเร็จมาก่อนแล้ว ตถาคตสมปูรณโพธิ ก็ดุจฉะนี้แล
善男子,一切如來妙圓覺心本無菩提及與涅槃,亦無成佛及不成佛,無妄輪迴及非輪迴
。 ดูก่อนกุลบุตร มูลภาวะเดิมของสมปูรณโพธิจิตอันประเสริฐของพระตถาคตทั้งปวงนั้น ไร้ซึ่ง โพธิแลนิรวาณ ทั้งไร้ซึ่งการสำเร็จพุทธะแลการมิสำเร็จพุทธะ ปราศจากซึ่งการลวงหลอกว่าสังสารจักรแลมิใช่สังสารจักร
善男子,但諸聲聞所圓境界,身心語言皆悉斷滅,終不能至彼之親證,所現涅槃,何況能以有思惟心,測度如來圓覺境界,如取螢火燒須彌山終不能著,以輪迴心生輪迴見,入於如來大寂滅海,終不能至。是故我說一切菩薩及末世眾生,先斷無始輪迴根本
。 ดูก่อนกุลบุตร แต่วิสัยของบรรดาสาวกนั้น มีกายจิตและวาจาที่ล้วนเป็นสมุทเฉท ที่สุดก็มิ อาจเข้าถึงวิสัยนั้นโดยใกล้ชิด อันที่สำแดงเป็นพระนิรวาณ แล้วจักประสาใดกับการสามารถมีจิต คิดจินตนา หยั่งวัดสมปูรณโพธิวิสัยของพระตถาคตได้อีกเล่า อุปมาดั่งการนำไฟของตัวหิ่งห้อยมา เผาผลาญสุเนรุบรรพต อันมิสามารถแม้นที่สุด เมื่อใช้จิตแห่งวัฏจักรจึงเกิดวัฏจักรทัศนะ เมื่อจัก เข้าสู่มหานิโรธสาครของพระตถาคต ที่สุดก็มิอาจเข้าถึง เหตุดั่งฉะนี้แล ตถาคตจึงกล่าวว่าโพธิสัตว์ และสรรพสัตว์ในอนาคตทั้งปวง พึงต้องปหานมูลฐานแห่งวัฏจักรอันหาจุดเริ่มมิได้เสียประการ แรก
善男子,有作思惟從有心起,皆是六塵妄想緣氣,非實心體,已如空華,用此思惟辯於佛境,猶如空華復結空果,輾轉妄相,無有是處
。 ดูก่อนกุลบุตร เมื่อมีการนึกคิดอันเกิดจากภวจิต ซึ่งล้วนคือความหมายรู้ที่ลวงหลอก ของสฬายตนะ หาใช่จิตสังขารที่จริงแท้ไม่ ดุจอากาศบุปผา เมื่อใช้การนึกคิดประการนี้ตรึกตรอง พุทธวิสัยแล้วไซร้ ย่อมดุจบุปผาแห่งความว่างเปล่าเกิดเป็นผลไม้แห่งความว่างเปล่า เป็นมุสา ลักษณะที่สับสน ซึ่งมิใช่ในสถานนี้
善男子,虛妄浮心,多諸巧見,不能成就圓覺方便,如是分別,非為正問
。 ดูก่อนกุลบุตร ก็มุสาจิตอันไร้สาระ แม้นจักมีอุปายทัศนะอยู่มากประการ ก็มิอาจสำเร็จซึ่ง สมปูรณโพธิอุปายะ ด้วยการจำแนกเช่นนี้ จึงมิใช่การปุจฉาที่ถูกต้อง.
爾時世尊欲重宣此義,而說偈言
: ในครั้งนั้น สมเด็จพระโลกนาถเจ้าทรงปรารถนาจักย้ำในอรรถนี้
จึงตรัสเป็นโศลกว่า...
金剛藏當知,如來寂滅性
。 วัชรครรภ์พึงทราบเถิด อันนิโรธสภาวะของตถาคต
未曾有始終,若以輪迴心
。 มิเคยมีซึ่งการเริ่มต้นแลอวสาน หากใช้จิตแห่งวัฏจักร
思惟即旋復,但至輪迴際
。 ตรึกคิดย่อมวกวน จนลุถึงวัฏจักรอาณา
不能入佛海,譬如銷金礦
。 มิอาจเข้าสู่พุทธสาคร อุปมาการถลุงแร่จากทองคำ
金非銷故有,雖復本來金
。 อันทองนั้นเล่าเมื่อมิได้ถลุงก็มีอยู่ แม้เป็นทองอันมีแต่เดิม
終以銷成就,一成真金體
。 ที่สุดเมื่อถลุงแล้วจึงปรากฏ สำเร็จเป็นบริสุทธิสุวรรณ
不復重為礦,生死與涅槃
。 อันมิต้องถลุงอีก ก็สังสารวัฏและนิรวาณ
凡夫及諸佛,同為空華相
。 บุถุชนแลพุทธะทั้งปวง ล้วนคือลักษณะแห่งอากาศบุปผา
思惟猶幻化,何況詰虛妄
。 การจินตนาก็อุปมามายาการ แล้วจักเกิดเป็นความโป้ปดอีกได้เช่นไร
若能了此心,然後求圓覺
。 หากสามารถแจ้งซึ่งจิตนี้แล้วไซร้ จากนี้จงปรารถนาซึ่งสมปูรณโพธิเถิด.
จบวรรคที่ ๔
Credit by : http://agaligohome.fix.gs/index.php?topic=201.0
Pics by : Google
กราบขอบพระคุณ คุณ miracle of love ผู้นำมาแบ่งปัน..
อนุโมทนาสาธุ.. ที่มาทั้งหมดมากมาย..
พุทธะบูชา ธรรมะบูชา สังฆะบูชา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ถวายอานิสงส์ใดๆที่พึงมี.. กราบบูชาพระคุณผู้มีพระคุณทุกๆท่านค่ะ...