ปราบน้ำปลา-กาแฟปลอม
พาณิชย์ลั่นดีเดย์ 1 ธ.ค. ชี้สินค้าระบาดรุนแรง
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ โดยมีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมสอบสวนคดีพิเศษ กรมศุลกากร และภาคเอกชน ร่วมกันดำเนินการปราบปรามกลุ่มสินค้าปลอมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพประชาชน อาทิ เครื่องสำอาง สุรา น้ำปลา ซอสปรุงรส กา แฟ ผงชูรส น้ำยาล้างจาน น้ำหวาน หลังจากขณะนี้พบสินค้าปลอมปนระบาดรุนแรง และยังปลอมคล้ายคลึงกับของจริงจนแยกไม่ออก โดยจะเริ่มกวาดล้างอย่างจริงจัง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้ ตั้งแต่ผู้ผลิต โกดังจัดเก็บ หรือร้านค้าทั้งห้างสรรพสินค้า ร้านตามปั๊มน้ำมัน ตลาดสด จนถึงตลาดนัด
“ปัญหาการปลอมสินค้าที่เกี่ยวกับสุขภาพน่ากลัวมาก เพราะตอนนี้มีการปลอมกันจนเหมือน ประชาชนแยกแยะไม่ออกอันไหนของจริงของปลอม ขนาดห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ดัง ๆ ยังมีของปลอมปนขาย อยู่เลย หากปล่อยใช้ไปจะเป็นบ่อเกิดโรคมะเร็ง และผลข้างเคียงต่อสุขภาพอื่น ๆ ได้ โดยสินค้าปลอมที่พบระบาดในกรุงเทพฯและหัวเมืองใหญ่ ส่วนมากเป็นเครื่องสำอางยี่ห้อหรู ที่ลักลอบนำเข้ามาตามชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน หรือบางส่วนปลอมขึ้นในประเทศ โดยนำแพ็กเกจของจริงมารีไซเคิลแต่ใส่ส่วนผสมปลอมลงแทน ขณะที่สินค้าปลอมตามต่างจังหวัด จะเน้นขายในตลาดนัด ตลาดสด เป็นสินค้ากลุ่มแม่บ้าน เช่น เครื่องประกอบอาหาร กาแฟ สินค้าอุปโภคบริโภค”
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ยังมอบหมายคณะทำงาน ให้ศึกษาการปรับปรุงกฎหมายให้มีบทลงโทษรุนแรงขึ้น จากเดิมที่มีโทษเบาอยู่ เช่น การปลอมเครื่องหมายการค้า จำคุก 4 ปี ปรับ 4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขณะที่โทษการจำหน่ายสินค้าปลอมจำคุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งให้ตรวจสอบงบการเงินและการเสียภาษีย้อนหลังแก่ผู้ผลิตและขายของปลอม ด้วย รวมถึง การออกใบอนุญาตสำหรับจำหน่ายเครื่องสำอางโดยตรง เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าซื้อสินค้าแล้วได้ของมีคุณภาพจริง
นอกจากนี้จะร่วมมือกับหน่วยงานพันธมิตร เช่น องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ทั้งอบต. และอบจ. เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลตลาดนัด และตลาดสดหลายหมื่นแห่งทั่วประเทศ ไม่ให้นำสินค้าปลอมมา จำหน่าย รวมถึงการปราบปรามการจำหน่าย ยารักษาโรค อาหารเสริม หรือไวอากร้า ตามเว็บไซต์อินเทอร์เน็ตที่มีการสั่งซื้อกันมากขึ้น
สำหรับสถิติการจับกุมสินค้าปลอมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพในรอบ 10 เดือน ตั้งแต่ ม.ค.-ต.ค. 53 มีการจับกุมได้ 78 คดี ยึดของกลางรวมได้กว่า 589,432 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 70 ล้านบาท แยกเป็นกลุ่มเครื่องสำอาง 74 คดี ของกลาง 152,285 ชิ้น มูลค่าความเสียหาย 65.4 ล้านบาท และสินค้าอุปโภคบริโภค 4 คดี ของกลาง 437,147 ชิ้น มูลค่ากว่า 5 ล้านบาท และสินค้าปลอมกลุ่มนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้านนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้เชื่อมโยงนำผักและผลไม้จากตลาดกลาง เช่น ต้นหอม ผักชี คะน้า ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม มะระ มาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาด 10-15% เพื่อบรรเทาปัญหาผักแพงที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ผ่านตลาดสดสีฟ้า 4 แห่งในกรุงเทพฯ ได้แก่ ตลาดยิ่งเจริญ ตลาดนัดศาลายา ตลาดมีนบุรี ตลาดอ่อนนุชเฟรชมาร์ท และหลังจากนี้คาดว่าราคาผักจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติภายใน 1-2 สัปดาห์.
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=310&contentID=101676