โขดศิลาแห่งหวงซาน(黃山石) : มหัศจรรย์แห่งขุนเขาแผ่นดินจีน
สีเหลือง.............เปล่าครับ ไม่ใช่กีฬาสีระดับชาติ
ที่แบ่งคนไทยเป็นฝักเป็นฝ่ายแทบจะตายไม่เผาผีกันแร้ว
ขอเสียทีเถิดครับ พ่อแม่พี่น้องไทย
คนชาติไทยมีเลือดสีแดงรักชาติเหมือนกันถ้วนหน้า
คนชาติไทยเคารพสีขาวแห่งพระศาสนาอันบริสุทธิ์
คนชาติไทยรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐสีของธงไตรรงค์เท่านั้นที่จะรวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียวนี่คือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกเราต้องตระหนัก สำเหนียก ยึดมั่น
อย่าให้เศษสวะที่เป็นอาสวกิเลสของคนกระหายอำนาจบางคนบางกลุ่ม
มาเป็นเหตุปัจจัยแห่งความร้าวฉาน เผาผลาญความรักใคร่ของเรา
อ้างเอากระพี้ขี้ผงแห่งความริษยาและหวาดระแวง
มาตระแบงบ่อนทำลายสามัคคีธรรมของคนไทย
หนักแน่นเข้าไว้ครับ
หนักแน่นเข้าไว้ครับ
หนักแน่นเข้าไว้ครับ ...........................................................................สีเหลืองที่ผมจะกล่าวถึงวันนี้คนจีนเรียกว่า "หวงซาน" (黄山) แปลว่า "ภูเขาเหลือง" นั่นเอง
ดังได้กล่าวไว้ในเอ็นทรี่ที่แล้วว่า :
สองสิ่งที่จิตรกรจีนจักต้องได้ไปสัมผัสคือ
"สนแห่งไท่ซาน(泰山松)" กับ "โขดศิลาแห่งหวงซาน(黃山石)"
วันนี้ผมจะพาท่านไปชมโขดศิลาครับ
...
...
หวงซาน เป็นเทือกเขาขนาดใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1,200 ตาราง กม.
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอำเภอ เส้อเสี้ยน(歙縣)
มณฑลอานฮุย(安徽) ซึ่งเป็นตอนใต้ของแม่น้ำฉางเจียง
ที่นี่นับเป็นสถานที่มีชื่อเสียงมากของจีน
นักท่องเที่ยวนิยมมาชมความงามของทัศนียภาพ
โดยเฉพาะความงดงามอย่างประหลาดของโขดศิลา
ทะเลเมฆ ต้นสนแก่คร่ำ และธารน้ำร้อน
นักทัศนาจรผู้ยิ่งใหญ่สมัยราชวงศ์หมิง : สวีเสียเค่อ(徐霞客) กล่าวไว้ว่า :"หากได้มาเยือนปัญจมหาคีรีแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปชมขุนเขาที่ใดอื่นอีก
แต่เมื่อกลับจากเที่ยวชมหวงซานแล้ว ก็ไม่เห็นจักต้องไปชมปัญจมหาคีรีอีกครา"มีกวีร่วมสมัยท่านหนึ่งกล่าวว่า :"หวงซานนั้นเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก
ที่บอกว่า ไท่ซานแสนวิเศษ, หัวซานนับเป็นเอก, หลูซานน้ำตกสวย,
เหิงซานมีเมฆโอบภู และศิลาประหลาดแห่งเอี้ยนต้าง....
ทั้งหมดนี้รวมกันแล้วอยู่ที่หวงซาน"หวงซานมียอดเขาที่เด่นๆ 72 ยอด
มีชื่อเรียกขานตามรูปทรงปรากฏ
ยอดที่สูงสุด 1,800 เมตร
มีต้นสนโบราณงอกตามโขดศิลายอดเขาและไหล่เขา
ทั้งสองสิ่งนี้ไม่มีวันจะแยกจากกันได้
ดูแปลกประหลาด แต่ก็งดงามแสนสุดวิเศษนัก
บรรยากาศบนหวงซานนั้นไม่สามารถจะทำนายได้
สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะเป็นวันที่ท้องฟ้ากระจ่าง หลังฝน
เมฆหมอกคละคลุ้ม หรือลมพายุกรรโชก
ความลึกล้ำของหุบเหว ลี้ลับน่าสะพรึงกลัว
ต้นสนที่งอกจากโขดศิลาล้วนๆ ดูอัศจรรย์นัก บ้างเหมือนแขวนห้อย
บ้างเหมือนกระสาเหินบิน บ้างดังมังกรทะยานชล
โขดศิลานั้นเล่า มียอดหนึ่งสนงอกบนยอดแหลมยาวดูราวพู่กันผลิเพล็ดดอก
บ้างเหมือนดอกบัว บ้างเหมือนเกือกบู๊ท มีหน้าผาหนึ่งดูราวผืนม่านมโหฬาร
ทั้ง 3 สิ่ง คือ เมฆ สน ศิลา ของหวงซานนั้นผสมผสานกันลงตัวยิ่ง
ม่านเมฆที่โอบหุ้มยอดเขา บางคราวคล้ายเทพเริงร่าย
บัดเดี๋ยวกลายเป็นทะเลเมฆ สักครู่กลับกลายเป็นดังฝูงแกะ
ดูอีกทีกลายเป็นม้าควบกระโจน
สรรพสิ่งที่เราคิดไม่ถึงว่าจะมีจริงในโลกนี้
เห็นแต่ในภาพวาด
เชิญชมได้ครับ....ว่า " ห ว ง ซ า น " นั้น
มีจริง...เป็นจริง...งามจริง .....................................................................ผมมีอัลบัมภาพเขียนของหวงซานอยู่ส่วนหนึ่ง
อยากนำเสนอให้ท่านได้ชื่นชมกันบ้าง
ภาพวาด "หวงซาน" โดย หลิวไห่ซู่ (劉海粟)
(ภาพที่ 1-7)
ขอเล่าประวัติจิตรกรร่วมสมัยท่านนี้สักเล็กน้อย
มีชีวิตอยู่ระหว่าง คศ. 1896-1994
เป็นชาวเมืองฉางโจว มณฑลเจียงซู เรียนวาดรูปมาตั้งแต่ 6 ขวบ
ปี คศ.1912 ได้ร่วมกับศิลปินอื่นๆตั้ง "วิทยาลัยศิลปะซ่างไห่"
ท่านเป็นผู้ที่สนใจในศิลปะตะวันตก โดยเฉพาะแบบ โพสต์-อิมเพรสชั่นนิสม์ และโฟวิสม์
ได้เดินทางไปศึกษาต่างประเทศคือ ญี่ปุ่น 2 ครั้ง ยุโรป 2 ครั้ง(รวม 12 ปี)
หลิวไห่ซู่ขึ้นเขาหวงซานเพื่อทำงานศิลปะนับสิบครั้ง
ด้วยฝีมือและเท็คนิกทำให้ภาพชุด "หวงซาน" ของท่านมีชื่อเสียงที่สุด
ท่านสามารถกำหนดแสงเงา ตลอดจนไล่น้ำหนักสีได้อย่างเชี่ยวชาญลุ่มลึก
ปี คศ.1949 จีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสม์
ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอธิการบดีวิทยาลัยศิลปะหนานจิง
แต่เมื่อเกิดการปฏิวัติวัฒนธรรมของแก๊งส์ 4 คน
ท่านต้องไปทำงานตรากตรำในชนบทเช่นเดียวกับศิลปินอื่นๆ
กระทั่งปี คศ.1978 รัฐบาลจึงได้คืนชื่อเสียงเกียรติยศแก่ท่าน
-1-
-2-
-3-
-4-
-5-
-6-
-7-
...................................................
-8-
รูป หวงซาน โดย ยิงเย่ผิง(應野平)
..................................................
ภาพที่ 9-14 เป็นฝีมือจิตรกรชาวไต้หวัน ที่ยังมีความผูกพันกับมาตุภูมิเดิม
ความรักและภาคภูมิใจในจีนแผ่นดินใหญ่ปลุกเร้าให้เกิดผลงานเหล่านี้
บทกลอนที่ประพันธ์ขึ้นประกอบภาพเขียนบรรยายถึงความประทับใจ
ในขุนเขาและธารน้ำอันสุดแสนงดงามอย่างหาที่ใดเปรียบมิได้
คนจีนแยกกันอยู่ 2 แผ่นดิน ยังโหยหาอาวรณ์มาสร้างสานสัมพันธ์
ไฉนไทยเราเคยรักใคร่ผูกพันมาสะบั้นไมตรีแตกแยกถึงเพียงนี้???
[/COLOR]
-9-
โดย หมี่จี๋เถียน(弭菊田)
-10-
โดย จางเติงถาง(張豋堂)
-11-
โดย หมี่จี๋เถียน(弭菊田)
-12-
โดย หมี่จี๋เถียน(弭菊田)
-13-
โดยหวูเจ๋อเฮ่า(吴澤浩)
-14-
โดย จางเติงถาง(張豋堂)