เขาว่ากันว่า ลิงมันเลี้ยงลูก ลูกรักเอาไว้ข้างหลัง ลูกชังเอาไว้ข้างหน้า.. ธรรมชาติของลิงข้อนี้เป็นไฉน ? ตามปกติลิงมันอาศัยอยู่บนต้นไม้มากกว่าจะลงมาเดินบนแผ่นดินการอยู่บนต้นได้มันจะเคลื่อนไหวไปมา ก็ต้องกระโดดกระโจน.. จากกิ่งโน้น ไปกิ่งนี้ ตามเรื่องตามประสาของมัน แม้ยามที่มันมีลูกแล้วมันก็ยังพาลูกมันท่องเที่ยวไปตามยอดไม้อยู่อีก ทีนี้การกระโดดกระโจนโผนเผ่น แต่ละครั้งแต่ละที มันก็เสี่ยงต่อการกระทบกระทั่ง กิ่งก้านหนามไหน่ ต้องถูกเกี่ยวถูกรัดให้เกิดบาดเจ็บบ้าง เมื่อพลาดพลั้ง ฉะนั้นแม่ลิงจึงระวังรักษาลูก ด้วยความคิดลำเอียงของมัน ลูกตัวที่มันรักมันทะนุถนอม มันก็พยายามที่จะปกป้องประคับประคองจะอุ้มจะกอดก็ระมัดระวัง ยามจะโผนโจนไปแต่ละครั้ง มันก็เอาลูกตัวที่รักไขว้เกาะไว้ข้างหลัง เกรงจะกระทบกระทั่งกิ่งไม้ไหน่หนาม สู้เอาเรือนร่างของตนเป็นเสมือนเกราะเหมือนกำแพง ป้องภัยให้ลูกที่แสนรัก ส่วนเจ้าตัวที่เอาไว้ข้างหน้า มันจะกระทบกระแทก ถูกดีดรัดทิ่มตำจากกิ่งไม้อะไรอย่างไรก็ช่างมันเถอะ เพราะไม่สู้จะเวทนามันเท่าไร…!
อยู่ต่อมา จนแม่ลิงตัวนั้นสิ้นชีพ ผลทางนิสัยประจักษ์ขึ้น แก่ลูกลิงทั้งสอง ต่างกันราวกับจมูกกับท้ายทอย.. หรือดินกับฟ้า หน้ามือกับหลังมือ คือมันมีผลต่างกันมาก ลูกตัวที่แม่เฝ้ารัก เฝ้าถนอม กลายเป็นลิงที่อ่อนแอ โง่, เซ่อ, ไร้ความสามารถจะหากินในแต่ละมื้อก็ยากแสนยาก ยามเกิดภัยอันตรายก็หลบหลีกไม่พ้นต้องผจญทนกับความทุกข์ความทรมาน อยู่ตลอดชีวิต เพราะเหตุใด จึงโง่ จึงอ่อนแอ ก็เพราะมันได้รับความรักความทุนุถนอมเกินไป มีมือมีตีนก็เหมือนไม่มี มีสมองก็คิดอะไรไม่เป็น เหตุที่ตลอดเวลาที่มันเติบโตขึ้นมานั้นมันไม่เคยทำอะไรได้ด้วยตัวมันเองเลย แม่ที่ให้ความรักมัน ได้ทำแทนมันหมด มันจึงไม่ต่างอะไรกับลิงง่อยที่ไม่พิการ..
ส่วนเจ้าตัวที่แม่ชังนั้นกลับเป็นลิงที่แสนจะฉลาด คล่องแคล้วเล่ห์เหลี่ยมพลิกแพลง ดูพราวไปหมด มีเล่ห์เหลี่ยมมากจนเรียกได้ว่าไม่มีเหลี่ยม คือกลมกลิ้งได้รอบตัว หากินคล่อง เกิดภัยอะไรขึ้นมา ก็แก้ไขรักษาตัวรอดได้ทุกครั้ง ทั้งนี้เป็นผลมาจากแม่ส่งไปแนวหน้า อยู่ตลอดเวลา ผล จากการผจญภัยอันตรายอยู่ตลอดเวลานี่เองที่สะสมอบรมก่อเป็นนิสัยขึ้น ทำให้มีปกติ เป็นลิงฉลาดปราดเปรียว
ท่านผู้อ่าน สูตรจากการเลี้ยงลูกของแม่ลิงนี้ หากว่านำมาเปรียบกับการเลี้ยงลูกคน ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกัน ชี้ให้เห็นคุณประโยชน์ของอุปสรรค ความทุกข์ยากลำบาก ที่คนทั่วไปเกลียดกันนักหนานี่แหละหากมองกันให้ซึ้งแล้วความทุกข์ยากอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแต่ยังผลให้เป็นผู้มีนิสัยทรหดอดทน และเฉลียวฉลาด หากใครคิดได้ดังนี้ผู้นั้นจะเป็นผู้ต่อู้ชีวินที่ยิ้มแย้มแจ่มใสทรหดอดทนและเฉลียวฉลาด ไม่ถือคติที่ว่า รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง ซึ่งจะก่อนิสัยชนิดหนักไม่เอาเบาไม่สู้ และจะนำไปสู่ความเสื่อมอย่างประมาณมิได้
ดังคำโบราณว่า..
...มักง่ายจะได้ยาก เกรงลำบากจะได้ต่อภายหลัง
ถ้ากล้าร้อนก่อนเย็นเป็นจีรัง จะได้นั่งนอนเย็นเป็นแล้วดี
การเป็นโจรขอทานเป็นยาก ช่างหมองมัวลามกเหมือนซากผี
ถึงจะเป็นก็เหมือนตายวายชีวี ต้องต้องอาภัพอัปรีย์จนวายปราณ
http://www.dhammathai.org/dhammastory/story34.php