๗. ทรงเป็นพระศาสดาของเทวดา และมนุษย์ทั้งหลายอย่างไร
การที่พระพุทธเจ้าทรงกอปรด้วยพระมหากรุณา
ทรงแสดงธรรมเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่คนเป็นอันมาก
เพื่อความสุขแก่คนเป็นอันมาก เพื่อเป็นการอนุเคราะห์ต่อชาวโลกนั้น
ช่วยให้คนเหล่านั้นสมบูรณ์ด้วย
มนุษยสมบัติ สวรรค์สมบัติ และนิพพานสมบัติ
ตามกำลังความสามารถของตน
ทรงเป็นเหมือนนายกองเกวียน
ที่สามารถนำบริวารของตนให้ผ่านพ้นกันดารทั้งหลาย
ไปมาค้าขายโดยสวัสดีมีกำไร
แต่พระพุทธเจ้าทรงนำเทวดาและมนุษย์ให้ข้ามกันดารที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ
ผ่านพ้นชาติกันดาร การหมุนวนในสังสารวัฏ
แม้ท่านที่ยังต้องหมุนวนอยู่ ก็สามารถตบแต่งภพชาติของตนให้ประณีตขึ้น
ด้วยกุศลกรรมที่คนเหล่านั้นประพฤติกระทำตามคำสอนของพระองค์
ผลประโยชน์จากการเป็นศาสดาของพระองค์แพร่กระจายไปแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย
ทั้งที่เป็นมนุษย์ อมนุษย์ และสัตว์ดิรัจฉาน
ด้วยเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้รับเฉลิมพระนามว่า
ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย จนได้พระนามว่า โลกนาถ
ทรงเป็นที่พึ่งของชาวโลก โลกเชษฐ
ทรงเป็นพี่คนโตของชาวโลก โลกนายก ผู้นำชาวโลก เป็นต้น
๘. พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า พุทโธ คือ เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน อย่างไร
เพราะทรงรู้สิ่งที่ควรรู้ทั้งหมด
ด้วยอำนาจพระญาณอันเกิดขึ้นในที่สุดแห่งวิโมกข์
หรือพระสัพพัญญุตญาณ ทำให้ทรงเป็น ผู้รู้ทุกอย่าง
ที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พระสัพพัญญู
ทรงตื่นจากความหลับด้วยอำนาจของกิเลส จึงได้ชื่อว่า เป็นผู้ตื่น
ทรงเบิกบานด้วยพระมหากรุณาต่อสรรพสัตว์
ทำให้ทรงสอนให้คนเหล่าอื่นได้ตรัสรู้ตามพระองค์
๙. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่า ภควา อย่างไร
คำว่า ภควา นั้น มีความหมายหลายนัยเช่น เป็นผู้มีโชค
ทรงจำแนกแจกจ่ายธรรม เป็นผู้ประกอบด้วยภคธรรม
ทรงยินดีในที่สงัด ทรงมีส่วนแห่งปัจจัย มีส่วนแห่งธรรม ทรงจำแนกธรรม
ทรงหักกิเลสบาปธรรม ทรงเป็นครู
ทรงมีภาคยะคือบุญบารมี ทรงอบรมพระองค์ดีแล้ว
ทรงถึงที่สุดแห่งภพคือยุติการเวียนว่ายตายเกิดทุกรูปแบบ
เพราะทรงสลัดความเป็นไปในภพทั้งหลายได้เด็ดขาดแล้วเป็นต้น
พระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการนี้
อาจกล่าวได้โดยสรุปลงที่พระปัญญาคุณ
ที่ทำหน้าที่ขจัดสรรพกิเลสได้เด็ดขาด ทำให้เข้าถึงพระบริสุทธิคุณ
คือความบริสุทธิ์หมดจดจากสรรพกิเลสทั้งปวง
ทำให้พระทัยเต็มเปี่ยมด้วยพระมหากรุณาต่สรรพสัตว์
การแสดงตนถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึก
จนสามารถสัมผัสพระพุทธคุณได้ระดับใดระดับหนึ่ง
จึงเป็นเหตุให้เข้าถึงความสมบูรณ์
แห่งมนุษยสมบัติ สวรรคสมบัติ และนิพพานสมบัติ
ตามกำลังแห่งพระพุทธคุณที่ตนสัมผัสได้เสมอ
อนาคามีพรหมท่านหนึ่งได้กราบทูลต่อพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาค
ยืนยันจากประสบการณ์ตรงของตนรับรองความจริงส่วนนี้ว่า
"คนทั้งหลายพวกใดพวกหนึ่งถึงซึ่งพระพุทธเจ้าว่าเป็นที่พึ่งที่ระลึกเถิด
คนเหล่านั้นจักไม่ไปสู่อบายเลย เขาละกายที่เป็นมนุษย์แล้ว
จะยังกายที่เป็นเทวดาให้ปรากฏ คือจะบังเกิดเป็นเทพบุตร เทพธิดา"
(ที่มา : "กาลามสูตรพูดไว้อย่างไร?", หน้า ๒๔-๓๒
โพสต์ลงในอินเตอร์เนตโดยคุณ mayrin [๑ ต.ค. ๒๕๔๕]
ใน ลานธรรมเสวนา กระทู้ที่ ๐๐๖๕๙๕)
ตะมะหัง ภะคะวันตัง อภิปูชะยามิ
ข้าพเจ้าบูชาอย่างยิ่งเฉพาะพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ตะมะหัง ภะคะวันตัง สิระสา นะมามิ
ข้าพเจ้านอบน้อมพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า