แม้หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร จะได้ชื่อว่า เป็นพระอริยเจ้าผู้อยู่"เหนือ"และ"พ้น"จากโลกสงสารโดยเด็ดขาดไปแล้วก็ตาม แต่ด้วยเมตตาธรรมอันไม่มีประมาณแห่งพระคุณท่าน หลวงปู่สิมจึงยังคอย"แผ่เมตตา"อำนวยพรแก่ปวงเหล่าสรรพชีวิตและประเทศชาติอยู่โดยสม่ำเสมอ
ย่อมเป็นที่รับรู้แห่งบรรดาศิษย์ใกล้ชิดโดยทั่วไปว่า ในสมัยที่หลวงปู่สิมท่านยังดำรงสังขารอยู่ ทุกๆครั้งที่ประเทศไทยกำลังประสพสภาวะวิกฤติครั้งร้ายแรงใดๆ หลวงปู่สิมท่านจะให้เอาธงชาติมาแขวนคู่กับผ้ากาสาวพัตร์ ซึ่งเป็นธงชัยแห่งพระอรหันต์เป็นสื่อสัญลักษณ์ พร้อมกับนำพระภิกษุสามเณรสวดมนต์แผ่เมตตาสยบบรรเทาเหตุร้ายและเคราะห์กรรมแห่งประชาชาติไทยให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ด้วยระยะเวลาอันยาวนานเป็นพิเศษทุกคราวไป เป็นที่น่าซาบซึ้งประทับใจในความกรุณาแห่งหลวงปู่สิมท่านที่มีต่อสัตว์โลกผู้ยากอย่างหาที่สุดมิได้เป็นที่ยิ่ง......
และด้วยเหตุแห่งความเป็นพระขีณาสวเจ้าผู้ทรงอริยญาณอันบริสุทธิ์ล่วงส่วนสามัญวิสัย หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร จึงหยั่งรู้อธิวาสนาและพระบารมีอันยิ่งใหญ่แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ผู้ทรงเป็นหลักบ้านหลักเมืองของประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รองรับพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ตราบเท่า 5,000 พระวัสสาพระองค์นี้เป็นอย่างดี ในฐานะที่ทรงเป็น"พระโพธิสัตว์" ผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ ซึ่งจะได้ตรัสรู้เป็น"พระสุมังคลสัมมาสัมพุทธเจ้า" พระองค์ที่ 10 ในที่สุดแห่งอนาคตวงศ์ภายภาคหน้าไม่ผิดผัน หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรนั้น จึงได้ถวายความ"จงรัก"และ"ภักดี"ในองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์นี้เป็นอย่างยิ่ง และได้น้อมถวายอริยกุศลแด่พระองค์ตามฐานานุฐานะแห่งพระคุณท่านตลอดมา มิได้ว่างเว้นสักวันเวลาเลยทีเดียว....
จนกระทั่ง กาลได้ล่วงเลยมาถึงปีพุทธศักราช 2535 เหตุการณ์อันเป็นที่สุดแห่งความจงรักภักดีที่หลวงปู่สิมได้มีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ได้มาบรรลุถึงขีดขั้นอันสูงสุด เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร จากที่"พระครูสันติวรญาณ"เป็นพระราชาคณะที่"พระญาณสิทธาจารย์" เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถทรงเจริญพระชนมพรรษา 5 รอบ 60 พรรษาในวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2535....
แต่.....แท้จริงแล้ว ก่อนหน้าที่จะได้ทราบข่าวได้รับพระมหากรุณาธิคุณฯเลื่อนสมณศักดิ์ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 นั้น สรีรสังขารของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรท่านได้"อ่อน"ลงกว่าปกติอย่างน่าวิตก เรี่ยวแรงกำลังวังชาที่เคยมีอย่างสมบูรณ์มาแต่ก่อนก็กลับถอยลงไปอย่างน่าใจหาย เพียงแค่จะเดินเหินหรือทำการอันใด ก็ให้เป็นที่เหน็ดเหนื่อยลำบากขันธ์ไม่น้อยแล้ว......
และก่อนหน้าที่หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโรจะเข้าวังเพื่อรับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เพียงเดือนเศษๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิดขึ้น เมื่อหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ได้ประสพอุบัติเหตุ"ตกเหว"!!! ที่หลังกุฏิที่ถ้ำผาปล่อง ซึ่งมีความลึกถึงราว "5 เมตร" ซึ่งหากเป็นคนธรรมดา การกลิ้งตกลงไปลึกเพียงนั้น หากไม่โดยแง่หินภูเขาอันคมกริบแทงตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่ต้องสงสัยเป็นแน่นอน.....