ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 10:05:54 am »

ขอบคุณครับพี่โอ
เป็นประสบการณ์ที่ผมเองก็ไม่อยากเจอครับ โชคดีที่ไม่มีเหตุการณ์อะไรร้ายแรงเน้อ
ข้อความโดย: Pure+
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 08:10:28 pm »

รับรู้ถึงความรู้สึก เพราะเคยเฉียด.... 55+
อ่านแล้วสงสารจัง..
ข้อความโดย: แปดคิว
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 07:04:39 pm »

 :46: :46: :46:
ข้อความโดย: mmm
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 02:52:41 pm »

ในบทความนี้อาจมีคำที่พิมพ์ผิดบ้างก็ขออภัยนะครับเพราะคัดมาจากของจริงที่ Post ไว้
แต่เนื้อหาใจความนั้นเหมืือนเดิมครับ
ข้อความโดย: mmm
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 02:40:18 pm »

หลังจากที่ลุกขึ้นเช็คยอดตอน ตี5 ครึ่ง ดิฉันแทบจะยืนไม่อยู่เพราะ ปวดหัวมากๆ แล้วก็นับเลขกันในห้องว่าอยู่กันครบรึป่าว มีคนมากระซิบบอกว่า
ให้นับดังๆไม่งั้นเค้าจะตีเอา เมื่อมาถึงดิฉันก็พยายามจะออกเสียงให้ได้ดังที่สุด แล้วก้ผ่านไป ทุกคนก็นั่งลง จากนั้นไม่นานเค้าก็เรียกชื่อดิฉันเพื่อที่จะให้ออกไปก่อน
ก็คือเค้าจะให้นักโทษใหม่ออกไปก่อน
ดิฉันก็เดินออกจากไปตูไปก็มีคนมายืนรอเรียกบอกว่าให้ไปต่อแถวตรงนู้นแล้วก็ชี้มือไปที่คนอื่นยืนต่อแถวรออยู่แล้วบอกให้ดิฉันรีบถอดเสื้อออกแล้วนุ่งกะโจมอกเดินไปยืนต่อแถว
เค้าเอาสบู่มาให้1ก้อนให้ใช้กันทั้งหมด12คนที่มาใหม่ แล้วให้ไปยืนตรงท่อเหล็กที่ต่อเป็นทางให้น้ำไหล ทำคล้ายๆฝักบัวแต่เป็นท่อเหล็กเจาะรูไม่แน่ใจว่าจะนึกกันออกหรือปล่าวนะคะ
สักพักนึงน้ำเย็นๆก็ไหลออกมาจากท่อเหล็ก... น้ำเย็นๆกับอากาศตอนเช้าตี5ครึ่งที่อากาศเย็นมากในวันนั้น อาบน้ำกลางแจ้ง ดิฉันสั่นไปทั้งตัวเมื่อเจอแบบนี้ มันเย็นจนไม่ไหว
แล้วก็รีบๆอาบน้ำให้เสร็จส่งสบู่กันไปมา สบู่ก็เป็นสบู่กลิ่นคล้ายๆสบู่ล้างจานซะด้วยซ้ำไป

พออาบน้ำเสร็จก็ให้ไปใส่เสื้อผ้า แล้วนั่งรอคนอื่นๆ ตอนนี้จะว่างมากๆทุกคนก็จับกลุ่มคุยกันมีแจ่ดิฉันคนเดียวที่พยายามนั่งนิ่งๆ ร้องไห้ไม่สามารถคุยกับใครได้
นั่งอยู่ตรงนั้นสักครู่นึกก็เรียกไปต่อแถวรับข้าวเข้าที่โรงเลี้ยง ทุกๆคนไปยืนต่อแถวยาวๆที่โรงเลี้ยง มีสองแถวสำหรับนักโทษอิสลามด้วยที่ไม่กินหมู
ดิฉันก็ต่อแถวไหนก็ได้อยู่แล้วก้เดินตามเค้าไป ก็เหมือนกับในทีวีที่เคยเห็นค่ะ มีถาดหลุม ให้ยืนถือ มีคนตักข้าวให้แล้วบอกว่าเอาไปต้องกินให้หมด ดิฉันบอกว่าเอาน้อยมากๆ
เค้าก็ตักให้แล้วดิฉันก็บอกว่าขอเอาออกอีก ทีนี้คนที่ตักข้าวมองหน้าดิฉันดิฉันเลยไม่พูดอีกแล้วเดินไปที่คนกักกับข้าว มื้อแรกของที่นี่คือตัมจับฉ่าย ดิฉันเดินถือถาดข้าวตามคนอื่นๆไปนั่งที่โต๊ะ
แล้วทุกคนที่ก็ลงมือกินข้าว ด้วยมือ...ย้ำนะคะว่าด้วยมือ เพราะนักโทษใหม่ยังไม่ได้ซื้อช้อน เค้าบอกว่าช้อนเนี่ยต้องซื้อเองแล้วเก็บเอาไว้ ดิฉันทานแบบนั้นไม่ได้ถึงได้ก็คงไม่กินเพราะดิฉันกินไม่ลงเลย
จับฉ่ายของที่นี่เหมือนเอาเศษผักมาต้มกับน้ำเปล่าเลยคะ ดิฉันเอานิ้วจิ้มไปที่น้ำแล้วมาแตะลิ้นชิมรสชาติขมมากๆๆ ดิฉันไม่แตะข้าวเลย มีนักโทษคนนึงชื่อเต้ย คดียาเข้ามาพร้อมกับดิฉันเอาข้าวของดิฉันไปกิน
แล้วบอกว่ากินเพื่ออยู่ถ้าไม่กินก็อดตาย ในนี้ไม่มีใครรักใครหรอกต้องรักตัวเอง นั่งร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดก็ไม่มีคนสนใจหรอก พอพูดแบบนี้น้ำตาก็เริ่มไหลอีก ดิฉันเหมือนคนสำออยขี้ร้องมั้ยคะ
อะไรๆๆดิฉันก็รองไห้หมด แต่ดิฉันเล่าตามจริงเลยดิฉันร้องไห้หนักจริงๆ ข้าวของดิฉันหมดไปเพราะเต้ยเป็นคนกิน แล้วเค้าก้อให้เราเดินเอาถาดไปเก็บแล้วไปที่ตึกเพชร คือตึกที่จะไปนั่งๆนอนๆรอเวลาที่เค้าเรียก
ที่จะทำอะไร เมื่อปล่อยเวลากินข้าวจนร้านอาหารและโรงเลี้ยงปิด ก็ทำการเช้คยอดที่ตึกเพชรอีก ทีนี้มีนักโทษนั่งรวมกันอยู่ที่ตึกนี้รวมๆ700คนได้ค่ะ ในแดนในนี้จะแบ่งนักโทษเป็นสองกลุ่มคือ
กลุ่มที่กระกำความผิดครั้งแรกกับกลุ่มผู้กระทำความผิดซ้ำ รวมๆนักโทษในแดนนี้ ก็ราวๆเกือบ2000คนค่ะ เมื่อเช็คยอดกันเสร็จทุกคนก็จะนั่งว่างๆ จับกลุ่มคุยบ้าง นอนบ้าง กินบ้าง(สำหรับผู้ที่มีคูปองเงินจะเอาเงินไปซื้อของใช้
หรือของกินที่ร้านค้าแล้วมานั่งกินได้ของที่ร้านค้ำจะอร่อยและดีกว่าโรงเลี้ยง)แต่นักโทษใหม่ยังไม่มีใครมาแจกคูปองให้ ดิฉันหลบมานั่งใกล้ๆเสานั่งพิงเสาร้องไห้ มันร้องออกมาอยู่ได้ไม่หมดสักที
มีคนต่อใครเดินผ่านมาผ่านไปก็มองบ้างบางคนก็เข้ามาปลอบแล้วนี่ก็ทำให้ดิฉันรู้จักกับป้าคนนึงเค้าเข้ามานั่งลูบหัวดิฉันบอกถามเป็นสำเนียงเหนือๆว่าลูกเป็นอะไร ลูกไม่ต้องร้อง ตอนนั้นดิฉันพูดออกไปว่า
"หนูไม่ผิด" แล้วก้มหน้าร้องไห้ ป้าคนนี้ชื่อแอ๊ด ก็บอกดิฉันว่า คนที่นี่ก็มีทังผิดและไม่ผิด ผิดมากผิดน้อย แต่เมื่อมาถึงที่นี่ทุกคนเท่ากันหมดมีความผิดเท่ากันหมดถุกปฏิบัติเหมือนกันหมด
แล้วป้าแอ๊ดก็ถามว่าได้กินข้าวมั้ย ดิฉันก็บอกว่ากินไม่ลงหรอก ป้าแกก็บอกว่าต้องกินนะ ยังไงก็ต้องกิน จำได้ว่าช่วงเช้าของวันนั้นพอคุยกับป้าแอ๊ดเสร็จแกก้เดินไปนอนที่ของแก
ดิฉันก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม คิดถึงบ้าน คิดถึงข้าวที่บ้าน เชื่อมั้ยดิฉันเคยเป็นเรื่องมากถึงขั้นที่ว่าไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไม่กิน ไม่ใช่ร้านดีๆไม่กิน ห้องน้ำไม่ใช่ห้องน้ำดีๆก็ไม่เข้า
ทุกๆคนรอบข้างรู้นิสัยข้อนี้ของดิฉันดี แต่นี่ดิฉันต้องมาเจอกับสิ่งที่เรียกได้ว่าต่ำกว่าคำว่าแย่ห้องน้ำรวมไม่ต่างอะไรกับห้องน้ำในห้องนอนคือไม่มีประตูปิด ดิฉันไปอยู่ที่นั่นสองวันสองคืนไม่เคยเข้าเลย
ดิฉันจะฉี่ตอนอาบน้ำเอาเลยค่ะ

เมื่อนั่งอยู่ถึงเวลาประมาณ11.30 ก็มีแม่เรนู(นักโทษผู้ดูแลนักโทษในตึกเพชรทุกคน) เรียกชื่อเอาคูปองมาให้ดิฉันเบิกเต็ม200 บาทคิดเอาไว้ว่าจะเอาไปซื้อน้ำเย็นๆดืมสักแก้วคงทำให้
รู้สึกดีขึ้นมาเมื่อได้คูปองมาแล้ว คนอื่นๆที่ได้คูปองมาก่อนหน้านี้ก้ไปรุมกันอยู่ที่ร้านค้า คนเยอะมากๆ และในตอนนี้เองมีมือนึงจับที่ข้อมือดิฉันแน่นมากๆจนเจ็มข้อมือแล้วลากดิฉันเดินไปลิ่วๆๆ
ตอนนั้นดิฉันพยายามยื้นตัวเองแต่สู้แรงไม่ได้ดิฉันโดนลากมาหลังราวตากผ้า เจอคนที่มารออยู่อีกสามคนรวมคนที่ลากดิฉันมาด้วยเป็นสี่คน ทุกคนน่าตาน่ากลัวมีคนนึงตัดผมสั้นเหมือนทอมฟันดำปี๋
ตัวดำๆใหญ่ๆ สภาพเหมือนคนเลวในหนังเลยค่ะไม่ได้ต่าง อีกสามคนเป็นผู้หยิงดูจัดๆ ทุกคนจะฟันหลอหมดคือสภาพเหมือนคนเล่นยากันทุกคน
ตอนนั้นดิฉันร้องไห้อีกแล้วก้มหน้าอย่างเดียวในใจคิดว่านี่แหละสิ่งที่กลัว มันจะเกิดขึ้นจริงๆใช่มั้ย กลัวจะโดนทำร้าย แล้วเราก็จะโดนทำร้ายหรอ
แล้วพวกนั้นคนนึงก้บอกว่ามึ_ชื่ออะไร ดิฉันก็ตอบไป ถามว่ามึ_มีคูปองเท่าไหร่ดิฉันบอกว่า200 พวกนั้นก็เอาไปหมดเลยแล้วก็ผหญิงคนนึงในนั้นก็ตบหน้าดิฉันอย่างแรง
แรงมากๆ แรงพอที่จะทำให้หน้าดิฉันชาไปเลย แล้วพวกนั่นก็บอกว่าเจอกันตรงนี้พรุ่งนี้เอาคูปองมาไม่ต้องให้ลากมาจะได้ไม่โดนตบ แ ล้วก้วิ่งไปเลย ดิฉันนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่
นั่งอยู่น้ำตาไหลร้องไห้ เครียดอยากตายมากๆ แต่อยู่ด้วยความหวังว่าพรุ่งนี้สามีมาประกันตัวแล้วต้องอยู่ให้ได้ ดิฉันไม่เห็นหน้าตัวเองตลอดสองวันเพราะไม่มีกระจกเลย
พอพะยุงตัวเองให้ลุกขึ้นได้ ดิฉันก็เดินมาที่ตึกเพชรมีคนมีคนหลายๆคนมองดิฉันที่เดินร้องไห้อยู่ ดิฉันเชื่อว่าหน้าดิฉันคงมีรอยโดนตบชัดเจนเราะดิฉันเป็นคนขาว
และโดนแรงขนาดนั้น ดิฉันอยากจะเป็นลมเสียให้ได้ และดิฉันก็เดินมานั่งที่เสาต้นเดิมแล้วกอดเข่าร้องไห้ คราวนี้ร้องหนักมากแทบจะลงไปนอนกลิ้งที่พื้นเลยค่ะ
แล้วป้าแอ๊ดคนเดิมก้เดินมาหาอีก แล้วถามว่าเกิดอะไรขึ้นดิฉันก็ยังไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ เหมือนว่าป้าแอ๊ดจะเดาเหตุการได้เลยบอกว่าใจเย็นๆเราตวคนเดียวก้แบบนี้โดนทำร้ายเอางง่าย
อย่าไปไหนคนเดียวไปเดินกับกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันหรือไม่ก็มาหาป้านะป้าแอ๊ดสอนว่า อยู่ที่นี่มีแต่จะมีคนมาเอาเปรียบยิ่งใครเห็นว่าเราอ่อนแอ
ก็จะเป็นการง่ายที่จะมาทำร้ายแล้วป้าแอ๊ดแกก็หายไป10นาที กลับมาพร้อมขนมปังกับน้ำมะพร้าวเย็นๆ1แก้ว บอกว่าป้าซื้อให้ กินเข้าไปกินซะกินให้มีชีวิตอยู่ เดี๋ยวพรุ่งนี้สามีมารับจะไม่มีแรงเดินออกไปไม่รุ้ด้วย
ป้าแกพูดแบบนี้ ตอนนั้นดิฉันเหมือนเจอที่พึ่งค่ะดิฉันกอดป้าแอ๊ดแล้วร้องไห้หนัก เหมือนดิฉันเจอแม่ที่ปลอบลูก้าแอ๊ดแกก้กอดแล้วลูบหัวลูบหลังว่าไม่เป็นไรๆแล้วพอสงบได้ป้าแกก้เดินไปนอนที่ของแกเหมือนเดิม
ดิฉันสังเกตได้ว่าคนในนี้มีแต่คนเดินหลบแกไม่ว่าแกจะไปทางไหนทำอะไรก้มีแต่คนเปิดทางให้ไม่กล้าขวางแต่ตอนนั้นก็ยังไม่ทราบข้อมูลอะไร

หลังจากนั้นช่วงบ่ายก็เหมือนช่วงเช้ามีแต่คนนั่งคุยนอนบ้างกินบ้างไม่ต้องทำอะไร คนที่จะต้องทำงานคือพวกที่ถูกลงโทษง่ายๆก็คือพวกที่จะมาทะเลาะตบตีกันจะโดน
ให้ไปทำงานหนัก แล้ววันนั้นดิฉันก็นั่งเฉยๆนิ่งๆ เจ็บหน้า ได้ยินนักโทาคุยกันชัดๆด้านหลัง เค้าคุยเกี่ยวกับเรื่องบนเตียงแบบไม่อายกันเลย ไม่ขอเล่าชัดเจน
บอกได้เลยว่าคนธรรมดาก็รับไม่ได้กับคำพูดพวกนั้น หรอกค่ะ บางคนก็อวดนั่นอวดนี่กันเหมือนพวกเก็บเลเวล บางคนก็เล่าเรื่องว่าเสพยาอะไรมาบ้างเหมือนใครเสพมาเยอะกว่าคนนั่นเจ๋งกว่า
ขนาดบางคนท้องอยู่ยังพูดว่า กูดูดลูกกุก็ดูดด้วย ซิ่งกันทั้งแม่ทั้งลูก ทำนองว่าไม่ได้ละอายใจหรือเป็นห่วงลูกในท้องเอาซะเลย ค่ะ
ดิฉันละถ้าจะให้เข้าไปพุดด้วยคงคุยกันไม่รู้เรื่อง คำพุดคำจาของแต่ละคนแย่มาก แถมยังนั่งเล็งทอมในเรือนจำด้วยกันว่าคนนั้นหล่อคนนี้หลออยากไปนอนด้วย แบบนั้นแบบนี้
สังคมในนั้นก็เป็นแบบนี้เลยค่ะ
พวกคนมีอายุก็จะนอนกันซะส่วนใหญ่ ยังมีพวกต่างด้าวพม่ากะเหรี่ยงที่มีกลุ่มของเค้าอยู่เหมือนกัน ดิฉันรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียวทั้งที่คนเด็มไปหมด หูอื้อคิดอะไรไม่ค่อยออก ได้แต่รอ
รอว่าเมื่อไหร่จะถึงพรุ่งนี้...

ช่วงบ่ายล่วงเลยเวลามาถึงบ่ายสามโมง ก็มีเสียงเรียกเช็คยอดอีกครั้ง แล้วให้ไปยืนต่อแถวอาบน้ำดิฉันก็ยังงงๆอยู่เพราะเห็นทุกคนรีบวิ่งไปที่ราวตากผ้าเอาผ้าแห้งผ้าถุงและเสื้อมาเป็นของตัวเองดิฉันก็ทำตาม
คือเราต้องรีบไปเอาเสื้อผ้าที่แห้งแล้วมาเนของเราก่อนที่จะไปาบน้ำเพราะไม่เช่นนั้นจะต้องใส่ชุดเดิม
ดิฉันก็รีบไปเอาได้มาชุดนึ่งค่ะ แล้วก็ปฏิบัติเหมือนเดิม ไปยืนอาบน้ำที่ท่อเหล็กเจาะรู เค้าจะปล่อยนักโทษมารอบละประมาน70 คนได้ค่ะ ก็แย้งกันอยู่ตรงรูน้ำแล้วให้เวลา นับ1-30 ต้องอาบเสร็จค่ะ
แล้วเมื่ออาบน้ำเสร็จก็มานั่งที่ตึกเพชรรอกินข้าวเย็น แต่คราวนี้ดิฉันไม่ลุกเดินไปไหนไม่กินข้าว ได้แต่เดินไปกดน้ำเปล่าที่ตู้น้ำกินไป แล้วกลับมานั่งอยู่ที่เดิม จากนั้นสักพัก้ได้ยินเสียงเอะอะวุ่นวานที่ตรงโรงเลี้ยง
แล้วก็เห็นพวกคุณกับแม่ห้องต่างๆวิ่งวุ่นๆ มีคนวิ่งเอาเก้าอี้วีลแชร์ไปที่โรงเลี้ยง ก็รู้ทันทีว่าต้องเกิดเรื่องอะไรสักอย่าง แล้วทุกอย่างก้ดูวุ่นวายไปหมดค่ะ ดิฉันมีคนโดนเข็นออกนอนประตูแดนในไป
แล้วเมื่อคุณเอาไม้กระบองยางสีดำออกมาแล้วทุบหลังนักโทษที่วุ่งวุ่นวายให้กลับไปที่ตึกเพชร ดิฉันนึกภาพเหมือนที่เคยเห็นในหนัง แต่นี่คือเหตุการจริงอยู่ตรงหน้าค่ะ
แล้วทุกคนก็มาที่ตึกเพชร หลิน(คนที่เข้ามาพร้อมกัน)เล่าว่า มีนักโทษทะเลาะกันที่โรงเลี้ยงโดนจับเอาผ้าถุงรัดคอแล้วให้คนอื่นรุมกระทืบมันน่ากลัวมากๆ นักโทษคนที่โดนกระทำไม่รู้ว่าตอนนี้อาการหนักแค่ไหน
ดิฉันถามว่าแล้วเค้าจะถูกพาส่งไป รพ. มั้ย หลินบอกว่า ไม่หรอก ก็ไปที่ตึกพบ. ที่เราเข้ามาตอนแรกแค่นั้นแหละ ถ้าไม่ใกล้ตายจริงๆก้ไม่ได้ออกไปข้างนอกหรอก
มันน่ากลัวจริงๆนะคะ แล้วในตอนนั้นเลยนั่งคุยกับหลินและเพื่อนอื่นๆที่เป็นนักโทษ บางคนก็อยู่ในนี้มากว่า 10 ปี มีพี่คนนึงอยู่มาตั้งแต่อายุ20 ตอนนี้ 33 ปีแล้วก็มานั่งคุยด้วย ว่า
นักโทษที่ใส่ชุดสีน้ำเงินเข้มที่เราเห็นตนอเข้ามาประตูแรกก็คือนักโทษที่ใกล้จะพ้นโทษ ชุดสีขาวที่มีเขียนว่าผู้ช่วยงานคือนักโทษที่ติดมา 10 ปีขึ้นไป จะรู้อะไรๆในนี้ดีเลยเป็นผู้ช่วยผู้ดูแลได้
นักโทษชุดสีฟ้า คือนักโทษแดนนอก คือนักโทษที่ติดมา 2ปีขึ้นไปและถูกศาลตัดสินเรียบร้อยแล้ว ส่วนนักโทษชุดน้ำตาลอย่างพวกเราคือนักโทษใหม่ เลือดร้อน บ้างก็ฝากขังแบบดิฉันเพื่อรอประกันตัว
บ้างก็ เข้ามาอยู่เพื่อรอเป็นนักโทษแดนนอก เค้าว่ากันว่า นักโทษแดนนอกไม่ค่อยมีปัญหาหรอกเพราะอยู่กันว่านักโทษแดนนอนไม่ค่อยมีปัญหาตบตีหรือทำร้ายกันเพราะอยู่มานานแล้ว
แต่พวกแดนในเนี่ยแหละ พวกพึ่งทำผิดมาแล้วเข้ามาอยู่ใครมีความเก๋าเท่าไหร่ก็ใส่กันหมด

ห้องนอนที่ดิฉันนอน เป็นห้องพิเศาทำหลับคนไม่สบาย เลยรวมนักโทษแดนนอกด้วยไม่ค่อยมีพวกก่างๆเท่าไหร่ แล้วพี่คนนึงที่ติดว่าตั้งแต่อายุ20 ก็บอกว่า คุยกับป้าแอ๊ดว่าอะไรบ้าง ดิฉันก็บอกว่า
ป้าแอ๊ดแนะนำทุกอย่างดูแลดิฉันอย่างดี พี่คนนั้นเล่าว่า ถือว่าโชคดีมากนะที่ป้าแอ๊ดเข้ามาคุยด้วย เพราะแกคือนักโทษประหารชีวิต(ตอนที่เข้ามานอนในห้องนั้นคืนแรกมีคนแซวแล้วชี้ไปที่ป้าคนนึ่งแล้ว
บอกว่าคนนี้โดนประหารชีวิตก็คือป้าแอ๊ดนี่แหละคะ ป้าแอ๊ดแกนอนห้องเดียวกับดิฉัน) ไม่มีใครกล้ายุ่งด้วยเพราะแกไม่มีอะไรจะเสีย ถ้าเป็นไปได้ก็ระวังด้วยอย่าคิดว่าแกจะดีกับเราจริงๆ เพราะแต่ดดนคดีฆ่ามา8ศพ
ดิฉันตกใจมากเมื่อได้ฟังไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเหมือนป้าแอ๊ดเป็นที่พึ่งเดียวของดิฉัน แล้วดิฉันควรจะอยู่ใกล้แกมั้ย แต่แกไม่ได้คิดร้ายเลยมีแต่จะเข้ามาปลอบลูบหัวและช่วยเหลือให้คำแนะนำ
ดิฉันก็สับสนไปหมดเลยค่ะ หลังจากที่ทุกคนกินข้าวเย็นเรียบร้อยก็มายืนเข้าแถวเช็คยอด และเดินเข้าห้องนอนของตัวเอง แล้วไปยังที่ที่ตัวเองนอน ดิฉันก็เดินไปที่เดิมเมื่อคืน แล้วนั่งลง ป้าแอ๊ดแกก็อยู่ไม่ไกล
พอเข้ามาถึงแกก็นอนลงไปเลยไม่พุดไม่จา

คนอื่นๆก็มีนั่งคุยกันบ้าง ผู้หญิงที่ขาขาด ที่นอนตรงข้ามดิฉันเมื่อคืน ก็เข้ามาคุยถามไถ่แล้วนะนำชื่อว่า เราชื่อบุศนะ แล้วก็คุยกันไปมาจึงรู้ว่าเธอขาขาด
1ข้างตอนประสบอุบัติเหตุเมื่อสองปีที่แล้ว และตอนนี้เธอท้องอยู่ด้วย โอ้โห... ผู้หญิงคนนึง มีขาข้างเดียว ท้องอยู่4 เดือนแถมยังต้องมานอนพื้นเย็นๆในคุก กินอาหารที่ไม่ได้บำรุงเลย
จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกมั้ย? ดิฉันสงสารบุศมากๆ แล้วยังรู้อีกว่า สามีของบุศก็ติดคุกอยู่ที่นี่แหละ อยู่ฝั่งของผู้ชาย สงสารเด็กจัง ในใจคิดแบบนี้ พ่อแม่ติดคุกคนละ5ปี คดียาเสพติดอีกแล้ว....

คนที่นอนข้างๆดิฉัน ที่ชื่อจ๋าบอกว่าได้ข่าวว่าวันนี้เจอรับน้องหรอ โดนแย้งคูปองหรอดิฉันบอกว่าใช่ แล้ว พี่จ๋าแกเลยบอกว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้แกไปซื้อให้เอาเอาคูปองมาฝากแกไว้แล้วถามดิฉันว่า
อยากได้อะไรอยากกินอะไร ดิฉันบอกว่าไม่เอาอะไรหรอก แค่อยากได้น้ำเย็นๆ น้ำปล่าวเย็นๆสักขวดพอ แกบอกว่าเดี๋ยวซื้อมาให้ แล้วมีป้าอีกคน ก็บอกบอกว่าซื้อขนมให้ป้าหน่อยได้มั้ย
ป้ากินข้าวดรงเลี้ยงมา เป็นปีๆไม่มีคนมาเยี่ยมอยากกินขนมบ้างไม่มีเคยมีคูปองกินขนมเลย ดิฉันเลยบอกพี่จ๋าไปว่าให้ซื้อขนมมาให้ป้าคนนี้ด้วย(แกชื่อป้าช้อน)
แล้วคืนนั้นก็จบลงด้วยการสวดมน เช็คยอด แล้วนอนลงที่เดิม กลิ่นเหม็นลอยมาเหมือนเดิม คนเข้าห้องน้ำทั้งคืน ดิฉันก็ร้องไห้จนเหนื่อยแล้วหลับไปเหมือนเดิม....

เวลาตี5 ครึ่งเหมือนเดิมตื่นขึ้นมาเช้คยอดเหมือนเดิม เดินแถวไปอาบน้ำ แต่วันนี้ดิฉันไม่ได้โดนให้ออกไปก่อนแล้ว เพราะถือเป็นนักโทษเก่าดิฉันได้ออกไปพร้อมๆกับ
คนในห้อง และคนเยอะมากๆ ดิฉัน งง ไปหมดเพราะเมื่อวานมีคนให้สบู่แต่วันนี้ไม่มี แล้วก็อาบน้ำแบบไม่มีสบู่ อาบน้ำเย็นๆหนาวๆเหมือนเดิม พออาบน้ำเสร็จก็มานั่งเฉยๆที่ตึกเพชร
รอพี่จ๋าที่เอาคูปองไปแล้วบอกว่าจะซื้อน้ำมาให้ ดิฉันนั่งเฉยๆไม่ลุกไปไหน ซักพักพี่จ๋าแกก้ซื้อของมาให้ แกซื้อน้ำปล่าวเย็นๆมาหนุ่งขวดแล้วก็ขนมปังใส้กรอกหนึ่งอัน แล้วถามว่าดิฉันอยากได้อะไรเพิ่มมั้ย
ดิฉันบอกไปว่าไม่แล้ว ค่ะเท่านี้พอแล้ว แล้วถามว่าซื้อของให้ป้าช้อนหรือยัง แกบอกว่าซื้อแล้ว ซื้อของให้ป้าช้อนไป50บาท ซื้อของให้ดิฉัน 20 บาทเหลือ 130 บาทเอาอะไรมั้ย
ดิฉันบอกว่าไม่หรอกเพราะวันนี้ดิฉันจะประกันตัวแล้ว
บอกว่าให้เอาไปซื้อของให้ป้าช้อนเถอะ พี่จ๋าแกบอกว่าโอเค แล้วก็ไป ดิฉันทราบมาว่าญาติจะมาเยี่ยมได้และทำเรื่องประกันตัว ตั้งแต่08.00-15.30 ให้รอฟังชื่อเค้าจะประกาศ
ดิฉันนั่งรอฟังชื่อตัวเองด้วยความใจจดใจจ่อ เมื่อไหร่นะ สามีจะมาถึง มาเยี่ยม แล้ว บอกว่าออกไปได้แล้ว เวลาล่วงเลยไปจนถึงบ่ายโมง ดิฉันนั่งร้องไห้ ไม่มีชื่อดิฉันเลย
จนแม่เรนู เข้ามาคุยแล้วถามว่าทำไมร้องไห้เก่งขนาดนี้ ชั้นเห็นเธอร้องตั้งแต่เมื่อวานทั้งวัน แล้วมาวันนี้อีก ดิฉันบอกว่าดิฉันรอสามี ไม่มาสักทีไม่มีชื่อสักที
แม่เรนูบอกว่า เธอจะมาร้องได้ไง นี่มันหยุดไป2วัน คนเค้ามารอเยี่ยมญาติตั้งแต่ตี4 เธอรู้มั้ย คนมันเยอะ แล้วถ้าสามาเธอทำเรื่องประกันตัวอยู่คงมายังไม่ได้หรอกเพราะถ้ามารุเรือนจำช้า อาจจะไม่ได้เข้าเยี่ยมเลย
ดิฉันฟังไปก็เครียดไป ในใจคิดว่าไม่รู้แหละยังไงๆก็ต้องมา ไม่ว่ายังไง ก็ต้องมาให้ได้

เวลาประมาณบ่ายสองโมงมีชื่อดิฉันที่ถูกประกาศว่าญาติมาเยี่ยม ดิฉันตื่นเต้นดีใจมากๆ เรียบวิ่งไปที่ฝ่ายปกครองบอกชื่อแล้วมีคนตรวจอยู่หน้าประตูแล้วให้เดินออกไปตามกันไป ที่ตึกเยี่ยมญาติ
เมื่อไปถึงเป็นห้องกระจกแคบๆยาวๆ หน้ากระดานเรียงหนึ่งแล้วมีเก้าอี้ให้นั่ง มีกระจกหนาๆ กั้นอีกฝั่งหนึ่งมีเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามสำหรับญาติ ดิฉันเห็นแล้วน้ำตาไหล เราจะไม่ได้สำผัสไม่ได้กลิ่น แถมยังได้ยินกันผ่าน
ไมค์ และลำโพง ดิฉันนั่งรอใจจดใจจ่อ ดิฉันเชื่อว่าสภาพของดิฉันคงแย่มากๆ ในตอนนั้น เวลาผ่านไปกี่นาทีไม่รู้ แต่ดิฉันรู้สึกว่ามันนานมากๆ ไม่เห็นใครเดินมาสักที
และแล้วดิฉันก็ร้องไห้หนักอีกครั้งเพราะคนที่มาไม่ใช่สามี แต่เป็นคุณพ่อกับคุณแม่.... ดิฉันเครียดไปเลยพูดไม่ออกนั่งปิดหน้าร้องไห้ พ่อแม่ของดิฉันนั่งลง
ยังไม่ใครพูดอะไรอยู่สักพักนึง ดิฉันก็เริ่มที่จะพูดออกมา เพราะมีเวลาแค่20 นาที พ่อของดิฉันความจริงแล้วป่วย นอนอยู่ที่ รพ มาสักสามอาทิตแล้วเป็นโรคความดันโรหิต ดิฉันนึกไม่ถึง
ว่าท่านจะขอ ทาง รพ ออกมา คุณแม่ดิฉันเป็นคนพูดว่า ทำไมไม่บอกแม่ละลูก ทำไมไม่บอก ปล่อยให้เป็นแบบนี้ได้ยังไง กัน ฉันแเห็นพ่อกับแม่ร้องไห้แล้วยิ่งร้องตาม
แม่บอกว่า ตอนนี้สามีดิฉันอยู่ที่ศาล เค้ากลัวว่าจะไม่มีใครไปเยี่ยมกลัวว่าดิฉันจะเครียดมากเลยตัดสินใจบอกพ่อกับแม่ให้มาหาดิฉันก่อน เพราะสามีคงมาไม่ทัน ที่ศาลคนเยอะมากๆ ติดวันหยุดสองวัน
คนมาทำเรื่องกันเยอะ ดิฉันถามว่าแล้วประกันตัวเสร็จหรือยังพ่อบอกว่ายังไม่รู้เลย ตอนนี้ทนายกับสามีเดินเรื่องอยู่ เพราะคนเยอะ ไม่แน่ใจจะทันมั้ยแต่สามีดิฉันก็ไปศาลไปรอตั้งแต่ตี5
พ่อกับแม่บอกว่าไม่ต้องพูดหรอกพ่อแม่รู้ว่าดิฉันเป็นยังไง เค้ารู้ว่าดิฉันอยู่ไม่ได้หรอก แล้วสามีดิฉันก็รู้ว่าดิฉันคงรอเรียกชื่อเยี่ยมญาติแน่ๆ และถ้าไม่มีชื่อดิฉันวันนี้ดิฉันคงเครียดตาย
เลยบอกพ่อกับแม่ให้มา ก่อนที่พ่อกับแม่จะไป พ่อพูดเหมือนกับที่สามีพูดว่า ลูกต้องใจเย็นๆ นะ ไม่มีใครทิ้งลูก ลูกต้องออกไปได้แน่ๆ อดทนนะลูก.....

ดิฉันเดินกลับมาที่แดนในด้วยความเครียดน้ำตานองหน้ามา แล้วกลับมาที่ตึกเพชร ป้าแอ๊ดแกเดินเข้ามาถามว่าเป็นไงบ้างประกันได้มั้ย
ดิฉันบอกว่ายังไม่ทราบเพราะสามีทำเรื่องอยู่ เมื่อกี้พ่อกับแม่มาเยี่ยม ป้าแอ๊ดแกเลย บอกว่างั้นอาจจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไปอีกวันรึปล่าว ถ้างั้นเดี๋ยวแกหาของให้
ของที่แกว่าก็คือ ขัน สบู่ ผ้าเช็ดตัว ยาสีฟัน ช้อนกินข้าว ของใช้ครบเซ็ท แกไปหามาจากไหนไม่รู้ บอกว่าให้หนุเก็บไว้ใช้ไม่ต้องไปไปแย้งกับใคร
ดิฉันพูดไม่ออก มองหน้าป้าแอ๊ดร้องไห้แล้วคิดว่า นี่หรือนักโทษประหาร ป้าคนนี้หรือที่เคยฆ่าคนมาแล้ว8ศพ.... ดิฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ป้าแอ๊ดพาดิฉันไปนั่งข้างๆที่แกนอนเป็นประจำที่ตึกเพชร
คนมองฉันเป็นตาเดียว เหมือนไม่มีใครจะกล้าเข้ามายุ่งกับดิฉันแล้ว ตอนนี้มีความอุ่นใจบอกไม่ถูกเหมือนได้รับการปกป้อง ป้าแอ๊ดบอกว่าอยู่กับป้าไม่ต้องกลัว มีอะไรบอก มีอะไรถามป้า อย่าร้องไห้
อย่าคิดสั้น หนูมีชีวิตอีกนานข้างนอกนู้น แต่ป้าไม่มีวันได้ออกไป.... ดิฉันตัดสินใจถามไปว่า ทำไมป้าถึงช่วยหนูขนาดนี้ (ทั้งที่ในใจอยากทำว่าป้าฆ่าคนมาแปดคนจริงๆหรอ แล้วทำไมต้องฆ่า)

ป้าแกตอบว่า ตอนที่ศาลตัดสินประหารชีวิตป้า แล้วเข้ามาเรีอนจำนี้ ป้าก็เครียดอยากฆ่าตัวตายแต่ก็ทำไม่สำเร็จ เลยคิดจะหาความสุข(ที่ยากมาก)ในคุกไปวันๆ เพราะงอลมาคิดดีๆ มันก็ไม่ต้องทำอะไรเลยวันๆ
กินๆนอนๆ ให้เวลาหมดไป1 วัน อีกอย่างไม่มีคนกล้ามายุ่งด้วย ป้าก็ไม่เคยยุ่งกับใคร ดิฉันสังเกตมาตลอดว่าป้าแก จะไม่ทำอะไรนอกจากจะเดินมานอนตรงนี้ ป้าบอกว่า คืนแรกที่ดิฉันเข้ามา
เค้าลุกเข้าห้องน้ำกี่รอบๆก็ยังเห็นดิฉันนอนร้องไห้สะอึกสะอื้น ป้าบอกว่า ก่อนจะตื่น แกลุกเข้าห้องน้ำ แล้วหันมามองดิฉันที่หลับไปแล้วแต่น้ำตายังเต็มหน้า
ป้าเลยสงสาร เพราะคนในนี้ไม่ค่อยจะมีคนที่อ่อนแอขนาดร้งไห้ได้ทั้งวันทั้งคืนข้าวปลาไม่กินห้องน้ำไม่เข้าแบบดิฉัน ป้ากล้วว่าดิฉันจะฆ่าตัวตาย อีกอย่างดิฉันยังมีอนาคตอยู่ข้างนอก ไม่อยากให้ต้องมาจบแบบนี้
ป้าอยากทำความดีก่อนตายไปเผื่อว่าบุญกุศลจะส่งให้แกมีชีวิตที่ดีในชาติหน้า.....

ดิฉันนั่งฟังแล้วอึ้งกับผู้หญิงแก่ตรงหน้า แน่นอนสิ ในนี้มีคนที่แย่กว่าเราเยอะแยะ ป้าแอ๊ดก็เป็นคนนึงที่หมดทางเลือก ดิฉันรู้สึกเข้มแข็งขึ้นมาจริงๆ นะคะ
คิดว่าโอเค ถ้าวันนี้ประกันไม่ได้ไม่เป็นไร รอได้ รอได้ รอได้ คิดแบบนี้เลย แล้วป้าแอ๊ดแกก็นอนกลางวันเหมือนเดิม เวลาผ่านไปถึงช่วงเย็น รอเข้าห้องนอน
ป้าช้อน คนที่ดิฉันฝากให้ซื้อขนมแอบมาบอกว่า ลูก จ๋ามันซื้อขนมให้ป้า แค่10 บาทนะ .... ดิฉันก็ งง แลวบอกว่า เค้าบอกว่า ซื้อให้ป้า 50 ไง ป้าบอกว่าไม่นะ เค้าซื้อให้ป้า 10 บาท
นี่เราคุยกันสองคนนะ ป้ารักหนูถึงได้มาบอกว่าจ๋าเอาคูปองไปหมด ซื้อให้ป้าแค่10 บาท ดิฉันเลย บอกไป ว่าหนูขอโทษนะหนูไม่รู้ จะทำไง ป้าแกก็บอกว่าไม่เป็นไร
ในนี้ก็แบบนี้ทั้งนั้น บางคนทำเหมือนหวังดีแต่จริงๆ ก็จ้องจะเอาเปรียบดิฉันเลยเห็นจริงตามนั้น เชื่อใครไม่ได้จริงๆ แล้วยังคิดอีกนะคะว่าเมื่อก่อนเรากินทิ้งกินขว้างไม่ได้เสียดายข้าวของ
แต่ใครหลายๆคนอยากจะกินเพียงขนมเล้กๆน้อยๆยังไม่มี ดิฉันรู้สึกเสียดายกับเงินที่โดนพี่จ๋าหลอกไปไม่กี่ตัง ....


มาถึงเวลาเข้าห้องดิฉันถูกย้ายมานอนข้างๆป้าแอ๊ด(ป้าแกคงไปขอแม่ห้องให้) ไปห้องน้ำออกมาอีกหน่อย คืนนั้นคิดว่าจะต้องนอนอีกคืนก็จัดแจงทำใจ ป้าแอ๊ดเอาหนังสือ ธรรมะ มาให้อ่าน
ก็นอนอ่านไปแบบปลงๆ ว่าอีกคืนก็ไม่เป็นไร และก็นั่งคุยกับน้องคนนึงอายุน่าจะสัก23ปีได้ค่ะ เค้าบอกว่าหนูเห็นพี่ร้องไห้ทุกวันเลย อย่าร้องเลยนะ
หนูอยากจะบอกว่า ในนี้เราไม่มีค่ากับใครแต่เรามีค่าสำหรับพ่อแม่ และคนที่รักเราเสมอ พี่ต้องอดทนนะ ดูหนูสิหนูเป็นคนเลว แต่พ่อกับแม่ก็ยังรักหนู หนูไม่มีค่ากับใครแต่หนูมีค่ากับพ่อแม่เสมอ...
คำพูดของเด็กคนนี้ดิฉันตื่นตันเมื่อนึกถึงว่าวันนี้พ่อแม่มาหา
ดิฉันกำลังจะนอนลงพร้อมอ่านหนังสือธรรมะ
แต่มาปรากฏว่าประมาณสองทุ่มครึ่ง มีคุณมาประประตูแล้วเรียกชื่อดิฉันบอกตะโกนบอกว่า "ปล่อยตัว" ......
ดิฉันหูอื้อคิดไม่ออก เลย ยิ่งกว่านางสาวไทยได้รับตำแหน่งแน่ๆค่ะ ความรู้สึกมันหยุดไปวูบนึงก่อนจะดึงมันกลับมาได้
ดิฉันหันไปหาป้าแอ๊ดแล้วกอดแก ยิ้มได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน ป้าปกบอกว่าไปเถอะลุกไปเร็วๆเดี๋ยวเค้าว่า ดิฉันกราบเท้าป้าแอ๊ดแล้วบอกแกว่าหนูจะมาเยี่ยมป้า
หนูสัญญา ... แล้วดิฉันก็วิ่งออกไปด้านนอก มีคนมารอรับตัว

พาไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้ว ให้เดินแถวตามหลังนักโทษที่ถูกปล่อยตัว ประมาณ 7 คนค่ะวันนั้น เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปเช้คประวัติว่าออกมาถูกคนรึป่าว
แล้วเดินออกผ่านไปทีละประตู ทีละประตู จนมาถึงหน้าสุด เปิดออกมา สายตาดิฉันพยายามมองไป แล้วก็เป็นอย่างหวัง..
สามีดิฉันมายืนรออยู่ ดิฉันวิ่งเข้าไปกอดแบบไม่ต้องพูดอะไรเลยค่ะ กอด น้ำตาไหล ร้องไห้ อยู่นานมากๆ ดิฉันได้กลิ่นของเค้าแล้วรู้สึกได้ว่านี่คือที่พักของเรา
นี่ไม่ได้ฝันไปเราออกมาแล้วจริงๆ แล้วเมื่อตั้งสติกันได้ดิฉันถามว่า ตัวดิฉันเหม็นมั้ย กลิ่นนักโทษเหม็นมั้ย เค้าบอกว่า เค้าไม่ได้กลิ่นนักโทษแต่ได้กลิ่นของภรรยาของเค้าเท่านั้น
มันเหมือนโลกมันหยุดเหมือนเราเป็นนางเอกหนังไทยตอนจบแบบแฮ๊ปปี้เอนดิ้ง ดิฉันถามว่าแล้วพ่อกับแม่ละ สามีบอกว่ากลับไปรพ แล้ว หลังจากนั้น ดิฉันก็กลับมาที่บ้าน

กลับมนอนเตียงเดิม สามีทำอาหารให้ทาน แต่ก็ยังกินอะไรไม่ได้อยู่นาน เพราะ สามวันไม่ได้กินอะไรเลยนอกจากน้ำปล่าว
ร่างกายยังต้องปรับตัวอีกเยอะ และดิฉันก็คิดว่าอยากจเอาเรื่องที่เจอมาเล่าในเว็ปนี้ดู ว่าในความจริงมันเหมือนกับในละครที่ได้ดูกันหรือไม่

เรื่องราวของดิฉันอาจจะไม่ร้ายแรงมากมาย แต่ในนั้น ถ้าอยู่นานๆไปคงมีอะไรมากไปกว่า ถ้าดิฉันไม่เจอป้าแอ๊ดก็คงแย่ไปกว่านี้
ตอนนี้ก็สอง สามวันที่ออกมา ดิฉันยัง ไม่หายผวา ภาพเหตุการข้างในยังคงชัดเจน
ที่นำมาเขียนในนี้ดิฉันขอโทษเรื่องพิมผิดๆถูกๆด้วยนะคะ ขอบคุณทุกกำลังใจค่ะ




ขอขอบคุณที่มา จาก  http://www.pantip.com/cafe/social/topic/U10009226/U10009226.html
 :07: :07: :07: :07: :07:
ข้อความโดย: mmm
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 02:39:42 pm »

พอมาถึงเรือนจำ ประตูแรกที่เปิดเข้าไปก็เจอคุณ สามสี่คนกับนักโทษชุดสีน้ำเงินเข้ม มายืนรอรับ และเรียกชื่อเหมือนเช็คชื่อนักโทษ
จากนั้นก็ให้เข้าไปตรงห้องแคบๆ ที่ยืนเรียกเป็นหน้ากระดานได้แถวเดียว เป็นห้องกระจก คุณบอกว่าให้นำสิ่งของทั้งหมดทั้งเงินกระเป๋าสตางค์
อะไรที่มีติดตัวมาทั้งหมดไปฝากไว้กับเค้า ดิฉันมีเงินติดตัวมา500 บาทเท่าที่สามีให้มา ไม่ได้เอากระเป๋าหรือของอื่นใดมาเลย
คนอื่นๆ ก็บางคนมีเงินบางคนก็ไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว เมื่อเสร็จกิจจากตรงนี้ ก็ให้มาเข้าแถวอยู่ด้านนอก จากนั้นประดูบานใหญ่ๆ
บานแรกเปิดออก เป็นแสงแรงๆที่ส่องมาจากอีกฝั่งนึงจนแสบตา มองเข้าเป็นเห็น นักโทษเต็มไปหมด ส่วนใหญ่แล้วจะใส้เสื้อสีขาวและสีฟ้า

เดินมาถึงอีกตึกที่คนที่นี่เรียกกันว่าตึก พบ. มาถึงก็มีเสื้อสีน้ำตาลอ่อนกับผ้าถุงสีน้ำตาลเข้มพับเอาไว้รออยู่ แล้วก็ให้ถอดเสื้อผ้าออกหมด
รวมถึงกางเกงในเสื้อในด้วย แล้วให้นุ่งกระโจมอกแล้วเดินไปหาคุณ อีกกลุ่มที่จะมาตรวจว่าเรามีอะไรที่ผิดเข้ามาด้วยรึปล่าว
แล้วก็ เดินต่อแถวไปตรวจสุภาพ รวมถึงตรวจภายในด้วย(ขึ้นตอนนี้เจ็บมากๆ) ดิฉันน้ำตาซึมออกมาอีกแล้ว จากตึก พบ.นี้ ใช้เวลา ชม กว่า
กว่าจะตรวจสุขภาพ และก็สักประวัติ ถ่ายรูป (ถ่ายเหมือนนักโทษที่เคยเห็นในทีวีเลยค่ะ ยืนถือป้ายชื่อตัวเองและความผิด)
ตอนแรกดิฉันไม่ทราบเลยนะคะว่าคนที่มาสักประวัติพวกเราเป็นนักโทษเหมือนกัน คนพวกนี้ทำตัวเหมือน จนท มากกว่า เสื้อสีขาวด้านหลัง
จะเขียนว่าผู้ช่วยงาน ดิฉันเลยเข้าใจว่าเป็น จนท มาช่วยงาน ตอนหลังถึงรู้ว่าก็เป็นนักโทษด้วยกันนั่นแหละ แล้วยังจะมาวางท่าใส่ด้วยนะคะ
คือพูดจาเหมือนเราเป็นหมูเป็นหมา เลยค่ะ ไม่ให้เกียตรดิฉันกับคนอื่นๆเลย ดิฉันรู้สึกแย่มากๆที่เรายังไม่ตัดสินด้วยซ้ำ ยังไม่ได้เป็นผู้ซึ่งกระทำผิด
แต่คนพวกนี้พูดจาเหมือนดิฉันเป็นคนทำผิดร้ายแรง แต่พก็ต้องเข้าใจนะคะ ว่าเรามาในฐานะนักโทษ ในตอนสอบประวัติและตรวจสุขภาพนั้น
เค้าถามถึงเรื่องว่าประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ ดิฉันตอบไปว่าไม่มากว่าสามเดือนแล้ว แถมดิฉันยังมีสามีแล้ว เค้าเลยคิดไปว่า ดิฉันท้อง

เมื่อเสร็จแล้ว ก็เดินต่อแถวไป เรื่อยๆ ผ่านประตูประมาน สามสี่ประตู จนมาถึงประตูใหญ่มากๆ เขียนว่า "แดนใน" เข้าไปก็เงียบๆไม่มีใครเท่าไหร่แล้ว
มีแต่พวกใส่เสื่อสีขาว มาคอยบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง

พวกนักโทษเสื้อสีขาว ก็ตะโกนบอกให้รีบๆ อาบน้ำแล้วก็เตรียมขันสบู่ให้ ยังบอกอีกว่าวันนี้จะมีขันมีสบู่แค่วันเดียวเท่านั้น วันอื่นต้องหามาเอง ง่ายๆก็คือซื้อเองนั่นแหละ พวกเราได้อาบน้ำไม่น่าจะถึงสองนาทีค่ะ ดิฉันก็เหมือนเดิมค่ะ อาบไปร้องไป น้ำตาก็ไหล เมื่อต้องมาประสบเรื่องนี้ จากนั้นพออาบน้ำเสร็จก็ให้มาใส่เสื้อผ้าแบบรีบๆ ไม่ได้เช็ดตงเช็ดตัวอะไรหรอกค่ะ แต่คนละก็สภาพแย่ๆ ดิฉันทำอะไรค่อนข้างช้าก็โดนตะหวาดโดนว่า พวกนั้นรวามทั้งคุณก็มาจัดห้องนอนให้พวกเรา คนอื่นๆได้นอนรวมกันหมด ยกเว้นดิฉันค่ะ เพราะเค้าเข้าใจว่าดิฉันท้อง เลยให้ไปอยู่ห้องนอนที่มีแต่คนแก่กับคนท้อง(อันนี้เป็นความโชคดีของดิฉันค่ะ) ห้องนอนที่ดิฉันเข้าไป ทุกๆคนก็กำลังสวดมนกันอยู่ เมื่อดิฉันเดินเข้ามารู้สึกได้ว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่ดิฉัน มีเสียงพูดอื่นนอนจากเขียนสวดมนตามมา ดิฉันได้รู้จักกับแม่ห้อง(นักโทษผู้ดูแลนักโทษอื่นในห้องนอนส่วนใหญ่เป็นเป็นพวกที่ติดคุกตลอดชีวิต) แม่ห้องบอกว่าให้นั่งรอจนกว่าจะสวดมนเสร็จแล้วจะหาที่นอนให้ แล้วถามว่าท้องหรือ? ดิฉันก็เงียบไม่ตอบได้แต่นั่งน้ำตาไหล แต่แม่ห้องคุย พูดจากับดิฉันดีมากๆ ไม่ตะหวาดหรือขู่เลย ในห้องนี้ร้อนมากๆ ลักษณะเหมือนเป็นห้องเรียนขนาดไม่ถึงกับใหญ่มาก แต่ก้อไม่เล้ก จุคนรวมดิฉันทั้งหมด195 คน ดิฉันดูจากป้ายที่เขียนไว้หน้าห้อง คนค่อนข้างแอร์อัดมากๆ ร้อนมากๆ ดิฉันยังคิดว่า นั่งยังลำบากเลยแล้วจะนอนไปได้อย่างไร เมื่อพวกเค้าสวดมนเสร็จ แม่ห้องก็พาดิฉันเดินไปหลังสุดของห้อง มีคนแต่ละคนน่ากลัวกันทั้งนั้น แล้วให้ดิฉันนอนหลังห้องสุดที่ มีพื้นที่นอนน้อยมาก นั่งแทบจะไม่ได้ มีคนนั่งอยู่เยอะมากๆ ดิฉันเห็นแล้วร้องไห้เลย แล้วแม่ห้องก็พูดว่าฝากน้องเค้าด้วยนะ ดูแลน้องด้วยน้องดูเครียดมากๆ แล้วให้ดิฉันเดินเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น เมื่อดิฉันนั่งลงแล้วร้องไห้ พวกพี่ๆ พวกนั้นก้อเข้ามารุมถามว่าดดนคนดีอะไรมา เป็นมายังไง ดิฉันก็เล่าไป รอบข้างดิฉันมีผู้หญิงสองคนที่นอนอยู่แบบหลับไม่รู้เรื่อง คนนึงอ้วนมากนอนดิ้นเอาขามาทีบดิฉันที่นั่งคยกับพี่ๆเค้าอยู่ อีกคน เป็นคนขาขาด เค้าบอกว่าห้องนี้มีแต่คนไม่สบายคนแก่คนท้องแมดิฉันและคนพิการ แล้วทุกคนที่รุมล้อมดิฉันก็ช่วยกันปลอบว่าไม่ต้องกลัว อีกสองวันเค้าก็มาประกันแล้วอย่าเครียดอย่าร้องนอนซะนะ เราโดนแค่นี้ แล้วชี้ไปที่ป้าคนนึงว่าดูป้าคนนี้สิโดนโทษประหารยังไม่เครียดเลย แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะ ดิฉันก็ไม่รู้พูดเล่นพูดจริง คนที่พูดกับดิฉันแนะนำตัวว่าชื่อจ๋า โดนคดียา อายุก้อน่าจะสัก40แล้วค่ะ ดิก็รู้สึกดีขึ้นมานิดนึงที่ไม่มีใครมารุมทำร้าย ดิฉันอนใกล้ห้องน้ำ ซึ่งไม่อยากจะเรียกว่าห้องน้ำเลยค่ะ เพราะว่า มันไม่มีอะไรเลย ประตูไม่มี นั่งกันโจ้งๆแจ้งๆ แน่นอนค่ะ กลิ่นออกมาแบบรับไม่ได้ ดิฉันลุกขึ้นอาเจียนอยู่หลาบรอบ เพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่แย่ๆ คนอนหลับเบียดเสียดกันไป ข้างหน้าก็มีคนขาขาด ข้างๆ มองไปเจอคนเข้าห้องน้ำแล้วยังจะมามองหน้าดิฉันอีก
ดิฉันก็ไม่กลับสบตาใคร ไม่มองหน้าใคร เอาแต่ร้องไห้จนสะอึกสะอื้น ดิฉันร้องงไม่หยุดหยุดไม่ได้จริงๆนอนไม่หับหลับไม่ลง เหม็นไปหมด สะท้ายนอนเอาเสื้อปิดหน้าร้องไห้จนเหนื่อย พอเริ่มจะหลับคนก้อมานอนถีบบ้างปัดกันบ้าง รู้สึกตัวขึ้นมาได้ก็ร้องไห้อีก คิดถึงบ้านคิดถึงเตียงที่บ้าน คิดถึงสามี ภาพสามีที่เดินจากไป ภาพเสื้อของสามีคนอยู่ในสมอง และดิฉันคงเหนื่อยหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ รู้สึกอีกทีก็มีคนเรียกว่าต้องลุกแล้วเช็คยอด.....


ข้อความโดย: mmm
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 02:38:48 pm »

2 วัน 2 คืนที่ทัณฑสถานหญิง(เรือนจำกลางคลองเปรม) ประสบการจริงอยากจะเล่าเจอมากับตัวค่ะ


อื้มขอเริ่มเลยนะคะ ตั้งแต่ต้นจนจบแบบละเอียดมากๆ ...

ดิฉันโดนจับข้อหาปลอมแปลงเอกสารค่ะ เนื่องจากไปเซนเอกสารที่เป็นเท็จ คือดิฉันไม่ได้ตรวจสอบก่อน ง่ายๆก็คือโดนหลอกมาอีกทีนึง และดิฉันก็ไม่ทราบมาก่อนเลยค่ะ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวจนถึงขั้นนี้ เรื่องของเรื่องคือมีผู้เสียหายที่เป็นลูกค้าเข้าแจ้งความเกี่ยวกับเอกสารนี้ค่ะ เลยเป็นเรื่องขึ้นมา
พอเวลาไปที่ สน ก็มานั่งเคลียร์กันไม่รู้เรื่อง ตรเลยบอกว่าจะส่งขึ้นศาลพรุ่งนี้ (วันที่5 ธค .)ซึ้งศาลจะเปิดครึ่งวัน แล้วตรก็เขียนสำนวนส่งขึ้นศาล วันนั้นที่อยู่ที่สน.(วันที่4 ธค) ดิฉันถูกฝากขังอยู่ที่สนค่ะ แล้ว สามีดิฉันก็จะทำเรื่องประกันตัวแต่ปรากฏว่า ตอนนั้นประกันไม่ได้ ตร.ให้เหตุผลว่า จนท ทำเรื่องประกัน ไม่อยู่ (ตอนนั้นดึกมากแล้ว) เดี๋ยวก็ขึ้นศาลแล้วขอประกันพรุ่งนี้

พอมาตอนเช้า (5 ธค)
ดิฉันถูกส่งขึ้นศาล ตอนประมาณ 11.30 คนเยอะมากๆ ตอนนั้นกลัวมาก เพราะ คนที่มาขึ้นศาลแต่ละคนน่ากลัวจริงๆ ค่ะ
สามีดิฉันทำเรื่องประกันอยู่ด้านนอก เมื่อถึงเวลา ดิฉันถูกส่งเข้ามาที่ห้องเก็บตัวผู้ต้องหา(ขึ้นศาลเรียบร้อยแล้ว)
ดิฉันก็รอสามี ว่าจะประกันได้หรือไม่ นานมาก จนสามีเดินมาบอกว่า ทำเรื่องประกันไม่ทันเพราะ ทาง สน. มาส่งช้า ในส่งตัวขึ้นศาลก็มาช้าเลยติดต่อไม่ทัน อีกทั้งวันนี้ศาลเปิดครึ่งวันด้วยค่ะ

ตอนนั้นดินฉันเครียดมากค่ะ แบบ น้ำตาไหลไม่คิดว่าดิฉันจะต้องเจอกับเรื่องราวที่แย่ขนาดนี้ ดิฉันจะต้องถูกส่งตัวเข้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมค่ะ

ในห้องพักที่อยู่ในตอนนี้มีผู้ต้องหาอยู่ด้วยอีก 11 คน รวมดิฉันเป็น12 คน
10คนเป็นผู้ต้องหาคดียาเสพติด อีก1 เป็นคดีฉ้อโกง และดิฉันโดนเรื่องปลอมแปลงเอกสาร ห้องตรงนั้นเป็นห้องใหญ่ๆ ร้อมไปด้วยกรง แล้วห่างออกไปด้านหน้าเป็นที่สำหรับญาติๆ
มายืนเพื่อนที่จะคุยด้วย ผู้ต้องหาแต่ละคนจะมายืนเกาะลูกกรงตะโกนคุยกับญาติ ต่างคนต่างคุย ต่างคนต่างตะโกน
เสียงดังลั่นห้องฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ตอนนั้นดิฉันร้องไห้สติแทบหลุดออกมา สามีดิฉันยืนถือเอกสารเป็นปึ้งๆที่จะพยายามประกันตัวแต่ทำไม่ได้
แล้วตอนนั้นสามีดิฉันบอกว่าให้รอแป๊บนึง เค้าหายไปสัก20นาที แล้วกลับมาพร้อมชุดชั้นใน เอามาฝากคุณ(เป็นศัพท์ที่คนในคุกเรียกผู้คุม ดิฉันก็เพิ่งรู้ตอนที่ผู้ต้องหาคนอื่นๆเรียก)
แต่คุณไม่ให้ฝากอะไรเลยค่ะ บอกว่าฝากได้แต่เงิน สามีดิฉันฝากเงินไว้2000 บาท แต่คุณก็ยังบอกว่าไม่ให้อีก เพราะในเรือนจำเบิกได้วันละ200 เท่านั้น
ดิฉันก็ยิ่งนั่งร้องให้ ข้าวที่สามีดิฉันซื้อมาดิฉันก็ทานไม่ลง ตอนนั้นสรุปว่าสามีดิฉันฝากเงินไว้500 บาท เพราะดิฉันต้องอยู่เรือนจำ 2 วัน
เนื่องจากวันนั้นเป็นพ่อ และอีกงันคือวันหยุดชดเชย จะทำเรื่องได้อีกทีคือวันอังคารเลย ประมาณบ่าย2 ดิฉันหันไปถามคนอื่นๆว่า เราจะไป
ที่เรือนจำกี่โมง เค้าบอกว่าประมาณ บ่าย2 ว่า ดิฉันตัดใจไล่สามีไป บอกให้กลับบ้านไปก่อน แล้วต้องเอาดิฉันออกไปให้ได้นะ
สามีดิฉันพูดขึ้นมาคำนึงว่า มั่นใจในตัวเขาเถอะนะที่รัก ผมไม่เคยทิ้งคุณ ดิฉันพูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ร้องให้ฟูมฟาย แล้วสามีตะโกนบอก
ดิฉันว่า อย่าร้องไห้นะ แต่ดิฉันเห็นว่าน้ำตาเค้าไหล แล้วเดินจากไป ดิฉัยนืยมอง หลังของสามีดิฉันไปใจหาย
ดิฉันซุดตัวร้องไห้อยู่ตรงนั้น จนมีคนอื่นๆมาปลอบแล้วบอกว่าไม่ต้องร้อง เราต้องยอมรับ
พอตั้งสติหยุดร้องไห้ได้แล้วดิฉันก็เริ่มสนทนากับคนอื่นๆ ว่าไปมายังไงกันบ้าง คนแรกที่ได้คุยชื่อเพ็ญพร (หลิน) ผิวจะคล้ำๆ
มีรอยแผลเป็นเต็มไปหมด โดนเรื่องครอบครองจำหน่ายยา อะไรเนี่ยแหละคะ แค่เค้าเคยติดคุกมาแล้ว ดิฉันถามเค้าว่า
ข้างในนั้นน่ากลัวเหมือนในหนังในละครมั้ย? หลินตอบว่าน่ากลัวขนาดเค้ายังกลัวเลย ... ในใจดิฉันคิดว่าแย่แล้ว จะทำยังไงดี
แถมยังมีการบอกอีกว่า หน้าตาแบบนี้เข้าไปโดนข่มขืนแน่ ดิฉันยิ่งกลัว แล้วร้องไห้แรงขึ้นกว่าเดิมจนแทบจะหายใจหายคอไม่ออก
แล้วทุกๆคนก็เริ่มรวมกลุ่มคุยกัน ในนี้มีผู้ต้องหาหลายๆคนที่เคยติดคุกมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็ได้เข้ามาปลอบใจดิฉันกัน
บอกว่า เรารวมกลุ่มกัน ไม่ทิ้งกันอยู่ด้วยกัน ไม่เป็นไรหรอก แล้วก็บอกให้ดิฉันกินข้าวเยอะๆ เพราะเดี๋ยวเข้าไปจะไม่ได้กินแล้ววันนี้
แต่ดิฉันก็กินไม่ลงอยู่ดี แล้วยังมีน้องผู้หญิงอีกคนที่ไม่ได้ดดนเรื่องคดียา แต่เป็นเรื่องฉ้อโกง ที่นั่งร้องไห้เหมือนดิฉัน
หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคนพาพวกเราไปขึ้นรถลูกกรง ในรถมีโซนแยกหญิงชายในคันเดียว น่าจะเคยเห็นกันนะคะ รถนักโทษ แบบนั้นเลย

ในรถเบียดเสียดกันจนแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ดิฉันก้อยังน้ำตาไหลอยู่ รถวิ่งผ่านตรงเมเจอร์รัชโยธินดิฉันยิ่งร้องไห้เพราะมาดูหนัง
กับสามีบ่อยมากๆ ค่ะ


ขอย้อนความถึงชีวิตดิฉันก่อนหน้านี้นะคะ เพื่อนเป็นการเปรียบเทียบถึงชีวิตในเรือนจำที่อยากจะเล่าต่อไป
บ้านดิฉันทำทุรกิจขายส่งอยู่ที่แถวดินแดงค่ะเป็นคนจีน ที่บ้านค่อนข้างมีฐานะดี และดิฉันก็ไม่เคยลำบากเลย ดิฉันก็ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไปค่ะ
เรียนจบจบ ทำงานด้านการเงินและแต่งงานกับแฟนที่คบกันมา4ปี ชีวิตเป็นสุขแบบเรียบง่ายทั่วไป มีเงินใช้ มีรถขับ โทรศัพไอโฟน4(อันนี้เป็นมุกพูดขำๆค่ะ)
จะสื่อว่าชีวิตโอเคแหละ ดิฉันแต่งงานมาได้7เดือนเองคะ ยังไม่มีลูก แต่ สามเดือนมานี้ประจำเดือนไม่มาเลย แต่ก็คิดว่าไม่ได้ตั้งครรภ์นะคะ
เอาละคะ มาเรื่องเข้าเรือนจำกันต่อ
ข้อความโดย: mmm
« เมื่อ: ธันวาคม 29, 2010, 02:37:40 pm »

<ข้อความจากผู้นำมาลง: mmm> ผมอยากให้ลองอ่านเรื่องนี้กันดูครับ ขึ้นชื่อว่ากรรม ซึ่งก็คือผลของการกระทำ เมื่อทำลงไปแล้ว เกิดแล้ว สำเร็จแล้ว ย่อมให้ผล มากบ้าง น้อยบ้าง ต่างกันไป แม้เจ้าของเรื่องนี้อาจจะโดนหลอก แต่ในเรื่องนี้สอนเราในหลายๆแง่ ทั้งเรื่องของความระมัดระวัง การวางตัว และสังคมในบางมุม ท่านเจ้าของเรื่องนี้ได้เผยแพร่ลงใน internet ผมเลยอยากนำมาลงต่อเพื่อสอนใจให้ ระมัดระวังในการทำกิจการงานต่างๆ และ เตือนใจว่าอย่าทำผิด หากท่านอ่านแล้วได้ข้อคิด แล้วขอผลบุญนั้นจกตกถึงเจ้าของเรื่องผู้นำมาเผยแพร่ครับ