ธรรมะบนแคร่ไม้ พระมนตรี อาภัสสะโร ๕ มกราคม ๒๕๓๓
หวลรำลึกนึกถึงพระผู้ทรงคุณแห่งโลก พระปฐมบรมครูของพวกเรา พระองค์ทรงสละความสุขสะดวกสบาย
จากเวียงวังอันโอฬาร มุ่งสู่ป่าเปลี่ยวเพื่อแสวงหาโมกขธรรม แล้วความสำเร็จก็ได้บรรลุแก่พระองค์
โดยอาศัยความสงบสงัดแห่งธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพร เป็นเครื่องประกอบ
จึงใครอยากจะเตือนทุกท่าน ที่มุ่งเข้ามาเพื่อแสวงหาหนทางอันสูงสุดดังกล่าว จงดูพระองค์เป็นเยี่ยง
อย่าง ความสุขสะดวกสบายนี้ พวกเราจึงมิอาจจะก้าวเข้าถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้สักที ชาติแล้วชาติเล่า
ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่อย่างนี้...
แล้วก็คงจะเป็นไปในลักษณะนี้อีกนานแสนนาน ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ หากพวกเรายังไม่ยอมสลัดความเคย
ชิน ติดอยู่กับความสุขสะดวกสบายรอบข้าง ไม่พยายามที่จะปรับกระแสจิตให้ไหลทวนกระแสกิเลส
ที่มันแอบแฝงซ่อนเร้นมาในรูปของความอยากทั้งหลาย หากว่าต้องการจะพ้นทุกข์ต้องตัดความสุข
สะดวกสบายลงให้มาก ฝากญาติโยมหมั่นท่องให้ขึ้นใจไว้ด้วยหัดสร้างกำลังใจ และให้กำลังใจด้วยตัวเอง ดีกว่าที่จะไปคอยขอรับกำลังใจ หรือคำพร
จากผู้อื่น คนที่รู้จักเตือนตัวเอง สอนตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองนั้น ย่อมจะต้องได้รับผลสำเร็จ
ในสิ่งที่ตนตั้งเป้าหมายเอาไว้อย่างแน่นอน พระผู้มีพระภาคยังทรงตรัสไว้เลยว่า "อัตตนา โจทยัตตานัง"
จงเตือนตนเองด้วยตนเองนั่นแหละประเสริฐที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาธรรมสายที่เรากำลังเดินกันอยู่นี้จะต้องหันเข้ามามองข้างใน คือตรวจตัวเอง
เตือนตัวเอง และให้กำลังใจตัวเองอยู่ตลอดเวลาอย่าประมาท อย่าชะล่าใจ อย่าเหนื่อยหน่ายเป็นอันขาด
แล้วความเจริญงอกงามไพบูลย์ในอรรถในธรรม ก็จะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง เป็นลำดับๆดังเช่น เรามีความแก่ ความเจ็บไข้ ความตาย จะต้องพลัดพรากจากของรักด้วยกันทุกคน หรือที่ว่า
สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งๆนั้นจะต้องล่วงไหลสู่ความแตกดับเป็นธรรมดา ฯลฯ สัจจะธรรมเหล่านี้
จะต้องเป็นอมตะธรรมคู่โลกตลอดไป ใครก็ลบล้างไม่ได้ ธรรมะของพระพุทธเจ้าจึงเสมือนหนึ่ง..เปิด
ของที่ปิด..หงายของที่คว่ำ...ดับของที่ร้อน... ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ พระธรรมคำสอนของพระองค์จึงสว่าง
ไสว เจิดจรัส ดุจดวงประกายพฤกษ์ซึ่งมีรัศมีกระจ่างหล้า เหนือกว่าหมู่ดาราทั้งปวงในสากลจักรวาล
เป็นบุญบารมีอย่างยิ่งของพวกเราแล้ว ที่มีวาสนาได้มาเกิดทันศาสนาขององค์ประทีปแก้ว และได้เข้ามา
ประพฤติปฏิบัติธรรมกัน จงอย่ามัวรอช้าเสียเวลาอยู่กับของหลอกลวงอันเป็นสมมติอยู่เลย อาตมา
เคยพูดเคยเตือนอยู่บ่อยๆว่า พวกเราทุกคนมีเวลาอันน้อยนิดในโลกนี้ จึงไม่ควรปล่อยเวลาอันมี
ค่าดังกล่าวให้สูญสิ้นไป โดยที่พวกเรานำสิ่งที่มีค่า และเป็นประโยชน์สาระแก่ชีวิตติดตัวได้เพียง
น้อยนิด จะเป็นที่เสียใจอย่างยิ่ง หากว่ามรณะภัยมาถึงในขณะที่เราทำประโยชน์ทั้งสามกาล อันได้แก่
ประโยชน์ในปัจจุบัน ประโยชน์ในสัมปรายภพ และประโยชน์อันสูงสุดได้เพียงน้อยนิด ไม่สมค่าที่ได้เกิดมา พบพระพุทธศาสนา