ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: rain....
« เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 11:49:04 am »


กราบน้อมส่งดวงวิญญาณหลวงตามหาบัว พระอริยะสิ้นแล้ว..แต่หากบารมีธรรมมิเคยสิ้น

ผมพึ่งรู้ตอนเช้าเหมือนกันครับ ผมอยู่ใกล้ๆแต่ไม่ได้ไปดูท่านเลยครับ ได้ยินว่าคนนับแสน
ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไปฟังธรรมที่วัดป่าบ้านตาดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ได้สัมผัสถึงบารมีธรรมหลวงตาจนถึงวันนี้ครับ

ผมขอเขียนกล่าวอโหสิกรรม เพื่อให้ท่านถึงนิพานอันสูงสุด

กรรมใดที่ผมได้เคยล่วงเกินหลวงตาไว้
จะด้วย กาย วาจา ใจ หรือความไม่รู้ และจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมขออโหสิกรรมและขอขมาซึ่งกรรมนั้นกับหลวงตาด้วยครับ
ขอหลวงตาโปรดอโหสิกรรมให้กับผมด้วย และจงคอยเกื้อหนุนเวไนยฯ
ให้พานพบนิพพานต่อไปในกาลอันสมควรด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ
:07: :07: :07: :07:
กรรมใดที่ลูก-หลานได้เคยล่วงเกินหลวงตาไว้
จะด้วย กาย วาจา ใจ หรือความไม่รู้ และจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ลูก-หลานขออโหสิกรรมและขอขมาซึ่งกรรมนั้นกับหลวงตาด้วยเจ้าค่ะ
ขอหลวงตาโปรดอโหสิกรรมให้กับลูก-หลานด้วย และจงคอยเกื้อหนุนเวไนยฯ
ให้พานพบนิพพานต่อไปในกาลอันสมควรด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุอ

 :07: :07: :07: :07:
สิ้นแล้ว...ซึ่งสังขาล  แต่มิเคยสิ้นแสงแห่งธรรม.
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 03:22:38 am »

สิ่งดีอยู่...เป็นธรรม...หอมเฟื่องฟุ้ง
ช่วยจรุง...จูงใจ...ผู้พบเห็น...
สร้างแรงใจ...เจริญตาม...ยังคนเป็น
เพื่อบำเพ็ญ...เพียรตาม...ความเป็นจริง

อันความดี...ยังคงอยู่...เป็นธรรมสอน
แม้จากจร...เราอยู่เอา...เข้ามาสิง
คอยช่วยแนะ...เตือนสติ...เพื่อพักพิง
สงบนิ่ง...ตามเวลา...อันสมควร... :07:
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: มกราคม 31, 2011, 01:55:21 am »


กราบน้อมส่งดวงวิญญาณหลวงตามหาบัว พระอริยะสิ้นแล้ว..แต่หากบารมีธรรมมิเคยสิ้น

ผมพึ่งรู้ตอนเช้าเหมือนกันครับ ผมอยู่ใกล้ๆแต่ไม่ได้ไปดูท่านเลยครับ ได้ยินว่าคนนับแสน
ตั้งแต่เล็กจนโต ผมไปฟังธรรมที่วัดป่าบ้านตาดเพียงไม่กี่ครั้ง แต่ได้สัมผัสถึงบารมีธรรมหลวงตาจนถึงวันนี้ครับ

ผมขอเขียนกล่าวอโหสิกรรม เพื่อให้ท่านถึงนิพานอันสูงสุด

กรรมใดที่ผมได้เคยล่วงเกินหลวงตาไว้
จะด้วย กาย วาจา ใจ หรือความไม่รู้ และจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ผมขออโหสิกรรมและขอขมาซึ่งกรรมนั้นกับหลวงตาด้วยครับ
ขอหลวงตาโปรดอโหสิกรรมให้กับผมด้วย และจงคอยเกื้อหนุนเวไนยฯ
ให้พานพบนิพพานต่อไปในกาลอันสมควรด้วยเทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

ข้อความโดย: Siranya
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 09:59:21 pm »

เกิด...ด้วยแรง.......แห่งธรรม......กระทำก่อน
แก่...ก็สอน.......ให้เห็นผล......รูปโฉมว่า
เจ็บ...คือกาย.......ที่รับรู้......โลกมายา
ตาย...ละกาย.......อันอ่อนหล้า......สู้ผืนดิน

ลูกขอกราบองค์หลวงปู่สู่พระนิพานสาธุ
ข้อความโดย: แปดคิว
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:25:48 pm »

สิ้นแสงธรรมส่องโลกไปอีกดวงแล้ว


อนิจสังสังขารวันวานแว่ว

จากไปแล้ววันนี้ไม่มีเชื้อ

ทิ้งธรรมะและคำสอนไว้จุนเจือ

สิ่งที่เหลือไม่ดับคือความดี

ขอน้อมส่งหลวงตาผู้ชัวยชาติ

สู่นิวาสถึงนิพพานอันสุขขี

ไม่มีเกิดไม่มีดับดวงชีวี

เพราะดวงใจดวงนี้หมดเชื่อเอย


สาธุ

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 05:11:39 pm »





:13:      :45: :07: :45:




ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 03:50:02 pm »

ปชช.เรือนแสนแห่กราบสังขาร “หลวงตามหาบัว” เตรียมเคลื่อนตั้งศาลาใหญ่รับคลื่นมหาชน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์    30 มกราคม 2554 15:09 น.

อุดรธานี - ประชาชนเรือนแสนแห่กราบสังขารหลวงตามหาบัว คณะสงฆ์เตรียมย้ายตั้งศาลาใหญ่หน้าวัดป่าบ้านตาด รองรับคลื่นมหาชนจากทั่วประเทศ ขณะที่เย็นนี้จะมีพิธีน้ำหลวงอาบศพ ด้านพระอาจารย์อินถวายอ่านพิกรรมหลวงตา
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค.) ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี เนืองแน่นไปด้วยประชาชนญาติธรรมหลวงตามหาบัว และพระชั้นผู้ใหญ่ พระสงฆ์จากทั่วประเทศที่เดินทางมากราบศพหลวงตา โดยศพหลวงตา ตั้งอยู่บนศาลาการเปรียญ กำหนดการเบื้องต้นในเวลาประมาณ 18.00 น.วันเดียวกันนี้ จะมีพิธิน้ำหลวงอาบศพและหลังจากนั้นจะมีการสวดพระอภิธรรม
       
       พระมหาธีรนาถ ธีรธัมโม พระอุปฐากหลวงตามหาบัว กล่าว ว่า ในช่วงบ่ายวันนี้ จะมีการประชุมคณะสงฆ์พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอฯ เกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายศพองค์หลวงตามหาบัว ไปยังศาลาใหญ่หน้าวัดป่าบ้านตาด เพื่อรองรับประชาชนที่คาดว่าจะเดินทางมากราบศพหลวงตาอีกมาก เพราะศาลาภายในวัดป่าบ้านตาดมีขนาดเล็ก อาจทรุดตัวได้
       
       โดยพิธีการในช่วงเช้า คณะสงฆ์ได้ทำพิธีขอขมาศพหลวงตา จากนั้นพระอาจารย์อินถวาย สนฺตุสฺโก ได้อ่านพินัยกรรมของหลวงตามหาบัว ซึ่งพินัยกรรมของหลวงตามีดังนี้คือ "พินัยกรรมฉบับนี้ทำที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ทำเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ.2543 ข้าพเจ้าพระธรรมวิสุทธิมงคล (พระมหาบัว ญาณสัมปันโน) อายุ 87 ปี พำนักอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ขอทำพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้ทราบว่า เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้ว ให้จัดการทรัพย์สินและทำงานศพข้าพเจ้าดังนี้
       
       บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้วในขณะที่ข้าพเจ้ามรณภาพ และบรรดาทรัพย์สินต่างๆ ที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้ ส่วนที่เป็นทองคำให้หลอมเป็นทองคำแท่ง ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าจะเป็นเงินสกุลใดให้นำเข้าซื้อทองคำแท่ง และให้นำทองคำแท่งไปมอบให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อใช้เป็น เงินทุนสำรองเงินตราของฝ่ายบำบัดธนาคารแห่งประเทศไทย
       
       พินัยกรรมฉบับนี้ ข้าพเจ้าไม่มีเจตนาที่ใช้บุคคลใด หรือคณะบุคคลใดนำไปใช้ในกานอันใด นอกจากใช้เป็นเงินทุนสำรองของประเทศ และให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นจัดงานศพและจัดการดูแลทรัพย์สินทั้งปวงที่มีอยู่ใน ขณะมรณภาพ ส่วนเงินที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้า ให้ดำเนินการอย่างเปิดเผย และดำเนินการตามเจตนาของข้าพเจ้า
       
       ให้แต่งตั้งคณะกรรมการ 9 คน ประกอบด้วย พระอาจารย์ฝัก สันติธรรมโม (มรณภาพแล้ว) , พระอาจารย์อินทร์ถวาย สันตุสสโก, พระปัญญา วัตโก, พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต องคมนตรี ดร.เชาวน์ ณ ศีลวัน, นายศิริ คูสกุล, ม.ร.ว.ทองศิริ ทองแถม, พ.ต.อ.กฤษดา บูรณพานิช และพ.ต.ประชัย นาวินรัตน์
       
       ข้าพเจ้าขอตั้งให้พระสุดใจ ทันตมโน เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้า พินัยกรรมฉบับนี้ทำไว้ 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน เก็บไว้ 3 แห่ง คือ ฉบับแรกที่วัดป่าบ้านตาด ฉบับที่ 2 เก็บไว้ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาอุดรธานี ฉบับที่ 3 เก็บไว้ที่ธนาคารกสิกรไทยสาขาอุดรธานี
       
       พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้าและข้าพเจ้ายังมี สติสัมปชัญญะดีทุกอย่างจึงลงชื่อไว้ต่อหน้าพยาน ลงชื่อ พระมหาบัว ญาณสัมปัญโญ (พระธรรมวิสุทธิมงคล)
       
       ลงชื่อพระปัญญา วัตโก พยาน และ พระสุดใจ ทันตมโน พยาน



สมเด็จพระเจ้าลูกเธอฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ฯ ทรงเฝ้าศพหลวงตามหาบัว



คณะสงฆ์ทำพิธีขอขมาศพหลวงตามหาบัว




http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9540000012834


.
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 01:25:48 pm »





:13:     :45: :07: :45:


ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 01:11:54 pm »

“ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์” เสด็จฯ แทนพระองค์พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ “หลวงตามหาบัว” 18.00 น.

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 มกราคม 2554 10:27 น.

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จฯ แทนพระองค์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด เวลา 18.00 น โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 3 วัน

วันนี้ (30 ม.ค.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ ในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ต.บ้านตาด ในช่วงเวลา 18.00 น. โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานโกศโถ และทรงรับศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ 3 วัน

โดยในการนี้ได้พระราชทานพวงมาลาพระราชทาน พวงมาลาประทานของพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ วางที่หน้าโกศศพของหลวงตามหาบัว ซึ่งในช่วง 09.00 น.เป็นเวลาที่ทางวัดจัดให้มีการเคลื่อนย้ายศพหลวงตามหาบัว ไปให้ศิษยานุศิษย์ได้ทำความเคารพ

Manager Online -

.

[url]http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9540000012758


.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มกราคม 30, 2011, 07:11:46 am »

"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.



คมชัดลึก :"หลวงตาบัว"ละสังขารแล้วเวลา03.53น.สิริมายุรวม 98 ปี ทีมแพทย์แถลงอีกครั้งเช้านี้

รายงานข่าวจากวัดป่าบ้าน ตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่าเมื่อเวลา 03.53 น. หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ (วัดป่าบ้านตาด) ละสังขาร แล้ว สิริอายุรวม 98 ปี ซึ่งคณะแพทย์เตรียมแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งเช้านี้

สำหรับ หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน" แห่งวัดป่าเกสรศีลคุณ วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี นั้น นาม บัว โลหิตดี ชาติภูมิ ในครอบครัวชาวนาผู้มีอันจะกิน ณ บ้านตาด อุดรธานี  เกิดเมื่อ ๑๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน๙ ปีฉลู ณ บ้านตาด อำเภอหมากแข้ง จังหวัดอุดรธานี บิดา นายทองดี โลหิตดี    มารดา นางแพงศรี โลหิตดี พี่น้องทั้งหมด ๑๖ คน  สถานภาพ

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน   สมัยเด็ก เคารพเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โดยได้ร่วมทำบุญตักบาตรกับผู้ใหญ่อยู่เสมอ  วัยหนุ่ม เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัว ขยันขันแข็ง ทำงานอะไรทำจริงๆ จังๆ เป็นที่ไว้วางใจของพ่อแม่ในการงานทั้งปวงคู่ครอง เดิมไม่เคยคิดจะบวช เพราะอยากมีครอบครัว แต่มักมีอุปสรรคให้แคล้วคลาดทุกทีไป เหตุที่บวช เมื่ออายุครบ ๒๐ ปี พ่อแม่ขอร้องให้บวชตามประเพณีอยู่หลายครั้ง ท่านก็ทำเฉย ๆ ตลอดมา ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด ในครั้งสุดท้ายนี้ ด้วยความปรารถนาอย่างแรงกล้า หวังพึ่งใบบุญจากการบวชของลูกให้ได้ ถึงกับทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วง ครั้งนี้ท่านรู้สึกสะเทือนใจและเห็นใจพ่อแม่มาก จึงตัดสินใจ และยอมบวชตามประเพณี เพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ โดยตั้งใจไว้ในตอนต้นนี้ว่า จะบวชเพียงระยะสั้น ๆ เท่านั้น วันบวช ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๗๗ ณ วัดโยธานิมิตร อุดรธานี     

พระอุปัชฌาย์ ชื่อ ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม พันธุโล) วัดโพธิสมภรณ โดยมีท่านพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายานามว่า "ญาณสมฺปนฺโน" แปลว่า "ถึงพร้อมแล้วด้วยการหยั่งรู้"   เคารพพระวินัย ด้วยเดิมมีนิสัยจริงจัง จึงบวชเพื่อเอาบุญกุศลจริง ๆ และตั้งใจรักษาสิกขาบทวินัยน้อยใหญ่ ่อย่างเคร่งครัด ในพรรษาแรกท่านได้ตั้งสัจอธิษฐานว่า ในการทำวัตรเช้า-เย็นรวมและการบิณฑบาต จะไม่ให้มีวันใดขาดเลย และท่านก็ทำได้ตามที่ตั้งคำสัตย์ไว้  เรียนปริยัติ เมื่อได้เรียนหนังสือทางธรรม ตั้งแต่นวโกวาท พุทธประวัติ ประวัติพระสาวกอรหันต์ ที่ท่านมาจากสกุลต่างๆตั้งแต่พระราชา เศรษฐี พ่อค้า จนถึงประชาชน

หลังจากฟังพระพุทธโอวาทแล้วต่างก็เข้าบำเพ็ญเพียร ในป่าเขาอย่างจริงจัง เดี๋ยวองค์นั้นสำเร็จเป็นพระอรหันต์ในป่า เดี๋ยวองค์นี้สำเร็จในเขา ในเงื้อมผาในที่สงบสงัด ท่านก็เกิดความเชื่อเลื่อมใสขึ้นมา อยากจะเป็นพระอรหันต์ พ้นจากทุกข์ทั้งปวงในชาตินี้อย่างพระสาวกท่านบ้าง สงสัย ช่วงเรียนปริยัติอยู่นี้ มีความลังเลสงสัยในใจว่า หากท่านดำเนินและปฏิบัติตามพระสาวกเหล่านั้นจะบรรลุถึงจุดที่พระสาวกท่าน บรรลุหรือไม่ และบัดนี้จะยังมีมรรคผลนิพพานอยู่ เหมือนในครั้งพุทธกาลหรือไม่  ตั้งสัจจะ ด้วยความมุ่งมั่นอยากเป็นพระอรหันต์บ้าง ท่านจึงตั้งสัจจะไว้ว่า จะขอเรียนบาลีให้จบแค่เปรียญ ๓ ประโยคเท่านั้น ส่วนนักธรรมแม้จะไม่จบชั้นก็ไม่เป็นไร จากนั้นจะออกปฏิบัติกรรมฐานโดยถ่ายเดียว จะไม่ยอมศึกษาและสอบประโยคต่อไปเป็นอันขาด  เรียนจบ ท่านสอบได้ทั้งนักธรรมเอก และเปรียญ ๓ ประโยคในปีที่ท่านบวชได้ ๗ พรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ และสถานที่แห่งนี้เอง เป็นที่แรกที่ท่านได้มีโอกาสพบเห็นท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

ต่อมา ได้กลายเป็นพระอาจารย์องค์สำคัญที่สุดในชีวิตของท่าน ออกปฏิบัติ เมื่อเรียนจบมหาเปรียญแล้ว แม้จะมีพระมหาเถระในกรุงเทพฯ สนับสนุนให้ท่านเรียนต่อในชั้นสูง ๆ ขึ้นไปก็ตาม แต่ด้วยท่านเป็นคนรักคำสัตย์ยิ่งกว่าชีวิต ดังนั้นเมื่อมีโอกาส ท่านจึงเข้ากราบลาพระผู้ใหญ่ และออกปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง โดยมุ่งหน้าไปทางป่าเขาแถบจังหวัดนครราชสีมา แล้วเข้าจำพรรษาที่ อำเภอจักราช นับเป็นพรรษาที่ ๘ ของการบวช พากเพียร ท่านเร่งความเพียรตลอดทั้งพรรษา ไม่ทำการงานอื่นใดทั้งนั้น มีแต่ทำสมาธิภาวนา-เดินจงกรมอย่างเดียวทั้งวันทั้งคืน จนจิตได้รับความสงบจากสมาธิธรรม  มุ่งมั่น แม้พระเถระผู้ใหญ่ท่านอุตส่าห์เมตตาตามมาสั่งให้กลับเข้าเรียนบาลีต่อที่ กรุงเทพฯอีก แต่ด้วยความมุ่งมั่นและตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ที่จะพ้นทุกข์ให้ได้ภายในชาตินี้ ท่านจึงหาโอกาสปลีกตัวออกปฏิบัติได้อีกวาระหนึ่ง   จิตเสื่อม

จากนั้นท่านกลับไปบ้านเกิดของท่าน เพื่อทำกลดไว้ใช้ในการออกวิเวกตามป่าเขาจิตที่เคยสงบร่มเย็น จึงกลับเริ่มเสื่อมลง ๆ เพราะเหตุที่ทำกลดคันนี้นี่เอง  เสาะหา..อาจารย์ เดือนพฤษภาคม ๒๔๘๕ เดินทางไปขออยู่ศึกษากับท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เหตุการณ์บังเอิญกุฏิที่พักเพิ่งจะว่างลงพอดี ท่านพระอาจารย์มั่นจึงเมตตารับไว้ และเทศน์สอนตรงกับปัญหาที่เก็บความสงสัยฝังใจมานานให้คลี่คลายไปได้ว่า ดินฟ้าอากาศแร่ธาตุต่างๆ เขาเป็นของเขาเอง เขาไม่ได้เป็นมรรคผลนิพพาน เขาไม่ได้เป็นกิเลส กิเลสจริง ๆ มรรคผลนิพพานจริง ๆ อยู่ที่ใจ หากกำหนดจิตจ่อด้วยสติที่ใจแล้ว จะเห็นความเคลื่อนไหวของทั้งธรรม ทั้งกิเลสในใจ

ขณะเดียวกันจะเห็นมรรคผลนิพพานไปโดยลำดับ  ปริยัติ..ไม่เพียงพอ จากนั้นท่านพระอาจารย์มั่นเมตตาแนะต่อว่า ธรรมที่เรียนมาถึงขั้นมหาเปรียญมากน้อยเพียงใด ยังไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้ได้ แต่กลับจะเป็นอุปสรรคต่อการภาวนา เพราะอดจะเป็นกังวล และนำธรรมที่เรียนมานั้น มาเทียบเคียงไม่ได้ในขณะที่ทำใจให้สงบ และยังจะกลายเป็นสัญญาอารมณ์ คาดคะเนไปที่อื่น จนกลายเป็นคนไม่มีหลักได้ ดังนั้น เพื่อให้สะดวกในเวลาทำความสงบหรือจะใช้ปัญญาคิดค้น ให้ยกธรรมที่เรียนมานั้นขึ้นบูชาไว้ก่อน ต่อเมื่อถึงกาลอันสมควร ธรรมที่เรียนมาทั้งหมด จะวิ่งเข้ามา ประสานกันกับด้านปฏิบัติ และกลมกลืนกันได้อย่างสนิท       

การศึกษาและปฏิบัติ ท่านได้ศึกษาธรรมอยู่กับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จนกระทั่งหลวงปู่มั่นมรณภาพเป็นระยะเวลา ๘ ปี และถึงที่สุดแห่งธรรมที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร

ประวัติศาสตร์ช่วยชาติ เมื่อวันที่ ๑๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นวันเปิดโครงการช่วยชาติ โดยมีเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ เสด็จไปเป็นประธานเปิดที่สวนแสงธรรม  หลวงตาพูดว่า "(เวลานี้) น่าจะเป็นประวัติศาสตร์ก็ได้ในเมืองไทยของเรา ที่ว่าพระเป็นผู้นำนี่ไม่เคยมีนะ เริ่มมีหลวงตาบัวคน เดียวนี้แหละออกประกาศตนทีเดียว โดยไม่มีใครชักชวน ไม่มีโครบอกเล่า ด้วยอำนาจแห่งความเมตตาชักชวนเอง ดูสภาพของเมืองไทยแล้วพี่น้องชาวไทยทั้งหลายต่างคนต่างมีความทุกข์ร้อนทุก หย่อมหญ้ากันไปโดยลำดับลำดาไม่ว่าสถานที่ใด ก็ทนใจอยู่ไม่ได้ จึงต้องออกความคิด ความเห็นในแง่ต่าง ๆ ที่จะนำชาติไทยของเราให้เป็นไปด้วยความแคล้วคลาด ปลอดภัย หาทางใดก็ไม่เจอ ตามความสามารถความคิดอ่านของตัวเอง หาแล้วหาเล่า หาไม่เจอ สุดท้ายก็เลยต้องเอาหลวงตาบัวเป็น ตัวประกัน นำพี่น้องทั้งหลายเพื่อจะบริจาคทรัพย์ที่มีอยู่ของตนเข้าช่วยชาติของเราด้วย ความบริสุทธิ์ใจ นี้แหละเริ่มต้นเหตุเป็นอย่างนี้จึงได้ออกประกาศตน"

http://www.komchadluek.net/detail/20110130/87363/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B203.53%E0%B8%99..html

.



.