ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 01, 2011, 05:24:30 pm »ชื่อ-สกุลซ้ำโดยบังเอิญ!โอน 2 แสนเข้าบัญชีใครไม่รู้
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 1 กุมภาพันธ์ 2554 17:02 น.
นายสุรศักดิ์ สุขสงวน อายุ 34 ปี ชาว จ.นครปฐม เข้าแจ้งความเป็นหลักฐาน
หนุ่มนครปฐมโร่ร้อง ตร.นำเช็คเงิน 2.5 แสน ให้ธนาคารโอนเข้าบัญชีแต่ดันลืมหมายเลขบัญชี เลยแจ้งชื่อจริง-นามสุกล ให้ธนาคารดำเนินการ สุดท้ายเงินในบัญชีกลับไม่มี แต่ดันไปพบอยู่ในบัญชีของพนักงานห้องแล็ป ร.พ.แห่งหนึ่ง ที่มีชื่อและนามสกุลตรงกัน แถมยังมีการกดเงินออกไปใช้รวม 4.6 หมื่น ขณะที่ธนาคารแจงอยู่ระหว่างเชิญตัวคนกดเงินมาสอบข้อเท็จจริง หากไม่มาก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของกฏหมาย
วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายสุรศักดิ์ สุขสงวน อายุ 34 ปี ชาว จ.นครปฐม ประกอบอาชีพค้าจิวเวลรี่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พระราชวัง เพื่อแจ้งความว่า พนักงานธนาคารทหารไทย สาขาปากคลองตลาด นำเช็คเข้าบัญชีผิดพลาด เป็นบัญชีของคนที่ชื่อ-นามสกุลเดียวกับตัวเอง จนให้ถูกกดเงินออกไปใช้
นายสุรศักดิ์ ให้การว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา นำเช็คธนาคารทหารไทย สาขาราชประสงค์ ยอดเงิน 253,000 บาท ที่ได้มาจากลูกค้าไปเข้าบัญชีที่ธนาคารทหารไทย สาขาปากคลองตลาด แต่ตนจำเลขที่บัญชีตัวเองไม่ได้ พนักงานธนาคารจึงให้เขียนชื่อและนามสกุลใส่กระดาษ แล้วจากนั้นก็ดำเนินการให้จนเสร็จขั้นตอน ตนก็เดินทางกลับโดยไม่ได้เอะใจอะไร
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.วานนี้ (31 ม.ค.) ตนนำเช็คอีกใบไปเข้าบัญชีที่ธนาคารทหารไทย สาขารามคำแหง 2 และจะถอนเงินสดจากเช็คใบแรกออกมาใช้แต่ไม่สามารถถอนได้ โดยพนักงานแจ้งให้ทราบว่าไม่มีเงินอยู่ในบัญชี และเมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่า จำนวนเงินทั้งหมดจากเช็คใบแรกนั้นถูกโอนเข้าบัญชีลูกค้าอีกคนหนึ่งที่ชื่อและนามสกุลตรงกับตน โดยชายคนดังกล่าวเป็นพนักงานห้องแล็ป โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านนวนคร ซึ่งได้เปิดบัญชีไว้ที่สาขาศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ ในวันที่ 28 ม.ค.นั้น มีการเบิกเงินจากตูเอทีเอ็มออกไปถึง 3 ครั้ง แต่คนละช่วงเวลา ครั้งแรก 6,000 บาท ครั้งที่สอง 20,000 บาท และครั้งที่สาม 20,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46,000 บาท ตนจึงรีบอายัดเงินที่เหลือไว้ทันที และตนเชื่อว่านายสุรศักดิ์ เจ้าของบัญชีอีกคน น่าจะมีเจตนาเอาเงินไปใช้อย่างแน่นอน เพราะตามปกติแล้ว หากมีเงินจำนวนมากถูกโอนเข้ามาในบัญชีตัวเอง ก็ต้องมีการติดต่อสอบถามไปยังพนักงานของธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ว่ามีเงินเข้ามาได้อย่างไร แต่เจ้าของบัญชีคนดังกล่าวไม่ได้ติดต่อมาเลย
นายสุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารและทราบว่าเจ้าของบัญชีอีกคนเป็นใครแล้ว วันนี้ตนจึงเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งทางธนาคารก็ได้ติดต่อกับทางนายสุรศักดิ์แล้ว พร้อมทั้งจะเชิญตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกลับมา แต่หากเจ้าตัวไม่ติดต่อกลับมาก็คงปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000013923
.
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 1 กุมภาพันธ์ 2554 17:02 น.
นายสุรศักดิ์ สุขสงวน อายุ 34 ปี ชาว จ.นครปฐม เข้าแจ้งความเป็นหลักฐาน
หนุ่มนครปฐมโร่ร้อง ตร.นำเช็คเงิน 2.5 แสน ให้ธนาคารโอนเข้าบัญชีแต่ดันลืมหมายเลขบัญชี เลยแจ้งชื่อจริง-นามสุกล ให้ธนาคารดำเนินการ สุดท้ายเงินในบัญชีกลับไม่มี แต่ดันไปพบอยู่ในบัญชีของพนักงานห้องแล็ป ร.พ.แห่งหนึ่ง ที่มีชื่อและนามสกุลตรงกัน แถมยังมีการกดเงินออกไปใช้รวม 4.6 หมื่น ขณะที่ธนาคารแจงอยู่ระหว่างเชิญตัวคนกดเงินมาสอบข้อเท็จจริง หากไม่มาก็ต้องปล่อยเป็นหน้าที่ของกฏหมาย
วันนี้ (1 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. นายสุรศักดิ์ สุขสงวน อายุ 34 ปี ชาว จ.นครปฐม ประกอบอาชีพค้าจิวเวลรี่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ศักดิพัฒน์ พลิคามินทร์ พนักงานสอบสวน (สบ 2) สน.พระราชวัง เพื่อแจ้งความว่า พนักงานธนาคารทหารไทย สาขาปากคลองตลาด นำเช็คเข้าบัญชีผิดพลาด เป็นบัญชีของคนที่ชื่อ-นามสกุลเดียวกับตัวเอง จนให้ถูกกดเงินออกไปใช้
นายสุรศักดิ์ ให้การว่า เมื่อเวลา 09.30 น.ของวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา นำเช็คธนาคารทหารไทย สาขาราชประสงค์ ยอดเงิน 253,000 บาท ที่ได้มาจากลูกค้าไปเข้าบัญชีที่ธนาคารทหารไทย สาขาปากคลองตลาด แต่ตนจำเลขที่บัญชีตัวเองไม่ได้ พนักงานธนาคารจึงให้เขียนชื่อและนามสกุลใส่กระดาษ แล้วจากนั้นก็ดำเนินการให้จนเสร็จขั้นตอน ตนก็เดินทางกลับโดยไม่ได้เอะใจอะไร
นายสุรศักดิ์ กล่าวต่อว่า ต่อมาเวลาประมาณ 14.00 น.วานนี้ (31 ม.ค.) ตนนำเช็คอีกใบไปเข้าบัญชีที่ธนาคารทหารไทย สาขารามคำแหง 2 และจะถอนเงินสดจากเช็คใบแรกออกมาใช้แต่ไม่สามารถถอนได้ โดยพนักงานแจ้งให้ทราบว่าไม่มีเงินอยู่ในบัญชี และเมื่อทำการตรวจสอบก็พบว่า จำนวนเงินทั้งหมดจากเช็คใบแรกนั้นถูกโอนเข้าบัญชีลูกค้าอีกคนหนึ่งที่ชื่อและนามสกุลตรงกับตน โดยชายคนดังกล่าวเป็นพนักงานห้องแล็ป โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ย่านนวนคร ซึ่งได้เปิดบัญชีไว้ที่สาขาศูนย์ธรรมศาสตร์รังสิต
นายสุรศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญ ในวันที่ 28 ม.ค.นั้น มีการเบิกเงินจากตูเอทีเอ็มออกไปถึง 3 ครั้ง แต่คนละช่วงเวลา ครั้งแรก 6,000 บาท ครั้งที่สอง 20,000 บาท และครั้งที่สาม 20,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 46,000 บาท ตนจึงรีบอายัดเงินที่เหลือไว้ทันที และตนเชื่อว่านายสุรศักดิ์ เจ้าของบัญชีอีกคน น่าจะมีเจตนาเอาเงินไปใช้อย่างแน่นอน เพราะตามปกติแล้ว หากมีเงินจำนวนมากถูกโอนเข้ามาในบัญชีตัวเอง ก็ต้องมีการติดต่อสอบถามไปยังพนักงานของธนาคารที่เปิดบัญชีไว้ว่ามีเงินเข้ามาได้อย่างไร แต่เจ้าของบัญชีคนดังกล่าวไม่ได้ติดต่อมาเลย
นายสุรศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ธนาคารและทราบว่าเจ้าของบัญชีอีกคนเป็นใครแล้ว วันนี้ตนจึงเดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อเป็นหลักฐาน ซึ่งทางธนาคารก็ได้ติดต่อกับทางนายสุรศักดิ์แล้ว พร้อมทั้งจะเชิญตัวมาสอบถามข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดต่อกลับมา แต่หากเจ้าตัวไม่ติดต่อกลับมาก็คงปล่อยไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9540000013923
.