ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2011, 11:19:06 pm »กำหนดดูที่ตั้งของตัวเราของเรา
* และนอกจากนี้ยังได้ตรัสสอน ให้มากำหนดดูที่ตั้งของตัวเราของเราทั้งหลาย อันเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ อันจะทำให้ตัวเราของเรานี้เบ่งโตเป็นตัวกิเลสใหญ่โตดังที่กล่าวมาแล้ว ให้เห็นว่านั่นคือเป็นตัวมานะ คือความสำคัญมั่นหมายยึดถือว่าเป็นตัวเราของเรา เป็นเหตุสร้าง อหังการ คือสร้างตัวเรา มมังการ สร้างของเราขึ้นมา ซึ่งโดยตรงก็คือเป็นตัวตัณหาเป็นตัวอุปาทานนั้นเอง ** ไม่มีสัจจะคือความจริงอยู่ในตัณหาอุปาทาน
เพราะทั้งหมดที่ยึดถือนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เป็นอนิจจะไม่เที่ยง ต้องเกิดดับ เป็นสิ่งที่เป็นทุกข์ตั้งอยู่คงที่ไม่ได้ ต้องแปรปรวนเปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งที่เป็นอนัตตา คือไม่ควรที่จะมีความเห็นยึดถือว่า
เอตํ มม นี่เป็นของเรา
เอโสหมสฺมิ เราเป็นนี่เราเป็นนั่น
เอโส เม อตฺตา นี่มันเป็นอัตตาตัวตนของเรา ดั่งนี้
[ * "และนอกจากนี้ยังได้ตรัสสอน ให้มากำหนดดูที่ตั้งของตัวเราของเราทั้งหลาย"
ที่ตั้งของตัวเราก็คือกายกับใจ หรือ รูปกับนาม
** "ไม่มีสัจจะคือความจริงอยู่ในตัณหาอุปาทาน"
ไม่มีความเที่ยงแท้มั่นคง ให้น่ายึดถือ ให้น่ายินดีพอใจ มีแต่ความแปรปรวน
มีแต่ความเป็นทุกข์ เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในความยินดี พอใจนั้นๆ ]
ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง
เมื่อได้ปัญญารู้แจ้งเห็นจริงขึ้นดั่งนี้ อันนี้แหละเป็นตัววิปัสสนาปัญญา ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง ซึ่งเกิดจากจิตใจที่เพ่งพินิจ ดูให้รู้จักขันธ์ ๕ ให้รู้จักนามรูป ให้รู้จักกายที่มีวิญญาณมีใจครองนี้ ให้รู้จักนิมิตคือเครื่องกำหนดยึดถือในภายนอกทั้งหลายทั้งหมด ว่าตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือลักษณะที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ดั่งนี้ เมื่อได้ปัญญารู้แจ้งขึ้นก็เป็นตัววิปัสสนาปัญญา จิตใจที่เพ่งพินิจก็เป็นตัวสมาธิ มีศีลเป็นภาคพื้นหรือเป็นฐานรองรับ เป็นอันว่าผู้ปฏิบัติธรรม เมื่อปฏิบัติอยู่ในหลักของศีลของสมาธิของปัญญา ย่อมจะทำให้ได้ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริง
และเมื่อได้ปัญญาที่รู้แจ้งเห็นจริงเป็นตัววิปัสสนาปัญญาขึ้นดั่งนี้ ก็ย่อมจะได้ วิมุติ คือความหลุดพ้น คือจิตจะพ้นจากความยึดถือ ก็จะดับตัวตัณหาได้ เมื่อเป็นดั่งนี้แล้วภาวะที่บริสุทธิ์ ก็ย่อมจะปรากฏเป็นความสงบ เป็นความหลุดพ้น และแม้ว่าจะยังไม่สามารถบรรลุถึงอย่างสูงสุดได้ ก็จะได้ไปโดยลำดับ จะทำให้รักษาตนได้โดยสวัสดีอยู่ในโลก คือจะพ้นโลกที่เป็นส่วนชั่วขึ้นโดยลำดับ จนถึงสุดโลก สุดโลกเมื่อใดก็จะทะลุโลกเป็นมรรคเป็นผลเป็นนิพพานขึ้นไปเอง โดยไม่ต้องไปกลัว โดยไม่ต้องไปขวนขวาย แสวงหา อยากจะได้ ปีนป่าย ให้ปฏิบัตินี่แหละไปโดยลำดับ แล้วก็ได้ก็ถึงเอง ตามภูมิชั้นของการปฏิบัติ ต่อจากนี้ขอๆ ให้ตั้งใจฟังสวด และตั้งใจทำความสงบสืบต่อไป
จบบริบูรณ์
คัดลอกเนื้อความทั้งหมดจาก:
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-237.htm
ขอกราบนมัสการสมเด็จพระญาณสังวร ฯ
และขออนุโมทนากับสาธุชนและผู้มีส่วนร่วมทุกๆท่าน ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ
ผู้รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปัน : ใจพรานธรรม
http //www pantip.com/cafe/religious/topic/Y10212766/Y10212766.html
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
คัดลอกเนื้อความทั้งหมดจาก:
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/somdej/sd-237.htm
ขอกราบนมัสการสมเด็จพระญาณสังวร ฯ
และขออนุโมทนากับสาธุชนและผู้มีส่วนร่วมทุกๆท่าน ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ
ผู้รวบรวมข้อมูลนำมาแบ่งปัน : ใจพรานธรรม
http //www pantip.com/cafe/religious/topic/Y10212766/Y10212766.html
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ