ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2011, 04:17:43 pm »ย้อนรอย กลับไปถ้ำพญานาค การผจญภัยอีกครั้ง เมื่อ 2551
ย้อนรอย ถ้ำพญานาค ริมฝั่งโขง
เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม
ในหน้าที่ผ่านมา พูดอย่างรวบรัดเกี่ยวกับการ ผจญภัย ในวัยหนุ่ม เมื่อกลางปี2535 ช่วงหน้าฝน หลังจากนั้น อีก 16 ปี ต่อมาได้กลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 มีพี่ชายไปด้วย 1 คน คือ ผอ.อำพร ผาดโผน ไม่ได้ตั้งใจไปสำรวจโดยตรง แต่ไปร่วมงานฌาปณกิจรุ่นพี่ ซึ่งมีบ้านอยู่อำเภอนั้น จึงถือโอกาสไปพิสูจน์คำพูด ที่ผมเคยเล่าให้ใครต่อใครฟัง รวมทั้ง ผอ.อำพร
ไปสอบถาม เส้นทางจากชาวบ้าน ที่พักอยู่บริเวณนั้น เขาก็ใจดี วางมือจากการเกี่ยวข้าว เป็นไกด์ ช่วยนำทาง ในทันที
ลำธาร ที่ไหลลงสู่ ลำห้วย ซึ่งไหลสู่ แม่น้ำโขงอีกที
ทางลง สู่ลำห้วย ซึ่งจะมี ปากถ้ำ ซ่อนอยู่ข้างล่าง
ไกด์ใจดี ผู้นำทาง บอกว่า ไม่ขอเข้าไปในถ้ำโดยเด็ดขาด มาอยู่ที่นี่ 10 ปี ไม่เคยเข้าไปเลย และไม่เคยคิดที่จะเข้าไปด้วย เนื่องจากช่วงหน้าฝน น้ำจะท่วมสูงขึ้นมาปิดปากถ้ำ และครั้งหนึ่ง เขาเคย เอาเรือหาปลาลำใหญ่ มาจอดขวางหน้าถ้ำ โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฎว่า มีวัตถุใต้น้ำชนผ่านลำเรือ เข้าไปที่ปากถ้ำ เรือขนาดใหญ่โครงเครง เขากระโจนขึ้นฝั่งในทันใด และไม่เข้าไปใกล้เรือ อยู่เป็นเกือบ 10 วัน เขาบอกว่า ถ้าเป็นสัตว์น้ำก็จะมีขนาดใหญ่มาก
และที่ถ้ำแห่งนี้ บางวันในวันพระ ช่วงเย็น จะเห็น ผู้หญิงแต่งชุดขาวเดินออกมาจากถ้ำ เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา เคยมี ชาวบ้านจากถิ่นอื่น 4-5 คน เข้าไปในถ้ำ และ ติดอยู่ข้างใน เป็นเวลา 2 วัน ทางอำเภอต้องระดม นักประดาน้ำ และกู้ภัยเกือบ 200 คน เข้ามาช่วย จึงนำตัวออกมาได้
เขาเล่าว่า วันนั้นฟ้าสว่าง หลังจากมีคนเข้าไปในถ้ำ จู่ๆก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่ มาลอยนิ่งอยู่เหนือบริเวณนั้น ฝนก็ตกแบบฟ้ารั่ว เพียง2 ชั่วโมง น้ำในลำห้วย ขึ้นสูงเป็น เมตร จากปากถ้ำที่ มองเห็น ก็ถูกน้ำท่วม คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกตกใจวิ่งหน้าตา ตื่นตระหนกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทางอำเภอได้นำกระสอบทรายมากั้น และใช้เครื่องสูบน้ำ ออก ซึ่งก็โชคดีที่รอดออกมาได้หมด ติดอยู่ใต้ดิน 2 วัน 2 คืน น่าเสียดาย ที่ผมยังตามหา คนกลุ่มนั้นยังไม่เจอ จะได้ให้เขาเล่าถึง นาทีชีวิต ให้ฟัง
ลำห้วย ที่อยู่หน้าถ้ำ พญานาค
ปากถ้ำพญานาค จะสังเกตเห็น ธารน้ำ เล็กๆ ไหลลงสู่ลำห้วย
ผมเข้าไปในถ้ำ แล้วถ่ายภาพออกมา จะมองเห็น ผู้ที่อยู่ภายนอก
บรรยากาศภายในถ้ำเย็น มืด จะพบ กบถ้ำ ตุ๊กแก จิ้งจก ค้างคาว
ความสูงของถ้ำ เราใช้การเดิน แบบย่อตัว ผอ.อำพร ก็เข้าไปด้วยกัน
มองเห็นอยู่ด้านหน้า คือ ผนังถ้ำตัน และมีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ขวางกั้นเอาไว้ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
ภาพน้ำในแอ่งน้ำ ใส เย็น
การไปเยี่ยมครั้งนี้ ไม่อาจจะลงไปในแอ่งน้ำได้ เพราะเรากลัวชุดเปียก ด้วยจะต้องไปร่วมงานฌาปณกิจ ช่วง 3 โมงเย็น
นี่เป็นทางเข้า ช่วงที่ 2 เพื่อจะเข้าไปสู่ ถ้ำชั้นใน ซึ่งคนเรา สามารถเข้าไปได้ ด้วยมีอากาศ ที่ไม่เป็นพิษ และ ถ้าเจ้าของบ้าน (พญานาค) อนุญาต
อธิบายภาพ จากการผจญภัย เมื่อครั้ง ปี 2535
หมายเลข 1.เป็นลำธารภายในถ้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งมีน้ำ ตลอดทั้งปี
หมายเลข 2.แอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ที่ผมเคยลงไป และ มุดผ่านช่องทางใต้น้ำเข้าไป ร่วม 7 เมตร
หมายเลข 3.เป็นผนังถ้ำ เรียบเหมือนถูกตัด ที่ปิดกั้นทำให้มองดูเป็นทางตัน แล้วใช้แอ่งน้ำ อำพรางทางเข้า ซึ่งอยู่ใต้น้ำเอาไว้ ดูๆไปเหมือนในหนังผจญภัยของฮอลลีวู๊ด แต่ที่นี่ คือ เรื่องจริง และอยู่ ขอบชายแดน ริมแม่น้ำโขง คนไทย คนไหนจะมาสร้างไว้ และที่น่าสนใจก็คือ เขาจะปิดบังทางเข้าเพื่อซุกซ่อนอะไร
หมายเลข 4. คือ จุดแรกที่ พญานาค ตัวเล็ก โผล่ขึ้นมามองดูเรา และผมก็วิดน้ำใส่
หมายเลข 5.คือ จุดที่สอง ที่ พญานาค ดำน้ำจากจุดแรก ไปโผล่หัว มองดูเราอีกครั้ง ซึ่งผมก็ วิดน้ำใส่อีกครั้ง
จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะ วันนี้ วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 ไม่ใช่หน้าฝน นะ เมื่อตอนกลางวัน ช่วง บ่าย 2 โมง กว่าๆ
ขณะที่กำลังนำเสนองานชิ้นนี้ ในหน้าที่ 1 ฟ้าก็ครึ้ม และมีฝนโปรยปราย 5 วินาที พอช่วงพิมพ์หน้าที่ 2 ช่วง 4 ทุ่ม ก็มีฝนตกปรอยๆ มาร่วม 30 นาทีแล้ว คงเป็นความบังเอิญ รึจะเป็น ความยินดี ของ ชาวนาคา ที่ร่วมแสดงความยินดี ที่มีการเผยแพร่ ประสบการณ์ ที่เก็บมานับสิบปี
อีกอย่างหนึ่งนะครับ ที่เข้าไปสำรวจถ้ำ ไม่ได้อยากเข้าไปค้นหา ทรัพย์สมบัติอะไรนะ เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก ว่า แม้นว่าได้พบสิ่งของมีค่าอะไรก็ตาม จะไม่นำออกมา ขอเก็บเพียงภาพถ่าย และความทรงจำ ที่จะนำมาเล่าขาน ให้มนุษย์โลกได้รับฟัง ส่วนใครจะมีความคิดเห็นประการใด เป็นสิทธิส่วนตัว ของใครของเราครับ ผมเล่าในฐานะของ นักค้นคว้าทางการศึกษา
ครับ
ที่มา..
http://www.vcharkarn.com/vblog/89133/2
ย้อนรอย ถ้ำพญานาค ริมฝั่งโขง
เล่าประสบการณ์โดย ยรรยง สินธุ์งาม
ในหน้าที่ผ่านมา พูดอย่างรวบรัดเกี่ยวกับการ ผจญภัย ในวัยหนุ่ม เมื่อกลางปี2535 ช่วงหน้าฝน หลังจากนั้น อีก 16 ปี ต่อมาได้กลับไปที่ถ้ำนั้นอีกครั้ง เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2551 มีพี่ชายไปด้วย 1 คน คือ ผอ.อำพร ผาดโผน ไม่ได้ตั้งใจไปสำรวจโดยตรง แต่ไปร่วมงานฌาปณกิจรุ่นพี่ ซึ่งมีบ้านอยู่อำเภอนั้น จึงถือโอกาสไปพิสูจน์คำพูด ที่ผมเคยเล่าให้ใครต่อใครฟัง รวมทั้ง ผอ.อำพร
ไปสอบถาม เส้นทางจากชาวบ้าน ที่พักอยู่บริเวณนั้น เขาก็ใจดี วางมือจากการเกี่ยวข้าว เป็นไกด์ ช่วยนำทาง ในทันที
ลำธาร ที่ไหลลงสู่ ลำห้วย ซึ่งไหลสู่ แม่น้ำโขงอีกที
ทางลง สู่ลำห้วย ซึ่งจะมี ปากถ้ำ ซ่อนอยู่ข้างล่าง
ไกด์ใจดี ผู้นำทาง บอกว่า ไม่ขอเข้าไปในถ้ำโดยเด็ดขาด มาอยู่ที่นี่ 10 ปี ไม่เคยเข้าไปเลย และไม่เคยคิดที่จะเข้าไปด้วย เนื่องจากช่วงหน้าฝน น้ำจะท่วมสูงขึ้นมาปิดปากถ้ำ และครั้งหนึ่ง เขาเคย เอาเรือหาปลาลำใหญ่ มาจอดขวางหน้าถ้ำ โดยไม่ได้ตั้งใจ ปรากฎว่า มีวัตถุใต้น้ำชนผ่านลำเรือ เข้าไปที่ปากถ้ำ เรือขนาดใหญ่โครงเครง เขากระโจนขึ้นฝั่งในทันใด และไม่เข้าไปใกล้เรือ อยู่เป็นเกือบ 10 วัน เขาบอกว่า ถ้าเป็นสัตว์น้ำก็จะมีขนาดใหญ่มาก
และที่ถ้ำแห่งนี้ บางวันในวันพระ ช่วงเย็น จะเห็น ผู้หญิงแต่งชุดขาวเดินออกมาจากถ้ำ เมื่อ 2-3 ปี ที่ผ่านมา เคยมี ชาวบ้านจากถิ่นอื่น 4-5 คน เข้าไปในถ้ำ และ ติดอยู่ข้างใน เป็นเวลา 2 วัน ทางอำเภอต้องระดม นักประดาน้ำ และกู้ภัยเกือบ 200 คน เข้ามาช่วย จึงนำตัวออกมาได้
เขาเล่าว่า วันนั้นฟ้าสว่าง หลังจากมีคนเข้าไปในถ้ำ จู่ๆก็มีเมฆฝนก้อนใหญ่ มาลอยนิ่งอยู่เหนือบริเวณนั้น ฝนก็ตกแบบฟ้ารั่ว เพียง2 ชั่วโมง น้ำในลำห้วย ขึ้นสูงเป็น เมตร จากปากถ้ำที่ มองเห็น ก็ถูกน้ำท่วม คนที่เฝ้ารออยู่ข้างนอกตกใจวิ่งหน้าตา ตื่นตระหนกไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน ทางอำเภอได้นำกระสอบทรายมากั้น และใช้เครื่องสูบน้ำ ออก ซึ่งก็โชคดีที่รอดออกมาได้หมด ติดอยู่ใต้ดิน 2 วัน 2 คืน น่าเสียดาย ที่ผมยังตามหา คนกลุ่มนั้นยังไม่เจอ จะได้ให้เขาเล่าถึง นาทีชีวิต ให้ฟัง
ลำห้วย ที่อยู่หน้าถ้ำ พญานาค
ปากถ้ำพญานาค จะสังเกตเห็น ธารน้ำ เล็กๆ ไหลลงสู่ลำห้วย
ผมเข้าไปในถ้ำ แล้วถ่ายภาพออกมา จะมองเห็น ผู้ที่อยู่ภายนอก
บรรยากาศภายในถ้ำเย็น มืด จะพบ กบถ้ำ ตุ๊กแก จิ้งจก ค้างคาว
ความสูงของถ้ำ เราใช้การเดิน แบบย่อตัว ผอ.อำพร ก็เข้าไปด้วยกัน
มองเห็นอยู่ด้านหน้า คือ ผนังถ้ำตัน และมีแอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ขวางกั้นเอาไว้ อย่างที่ผมเคยเล่าให้ฟัง
ภาพน้ำในแอ่งน้ำ ใส เย็น
การไปเยี่ยมครั้งนี้ ไม่อาจจะลงไปในแอ่งน้ำได้ เพราะเรากลัวชุดเปียก ด้วยจะต้องไปร่วมงานฌาปณกิจ ช่วง 3 โมงเย็น
นี่เป็นทางเข้า ช่วงที่ 2 เพื่อจะเข้าไปสู่ ถ้ำชั้นใน ซึ่งคนเรา สามารถเข้าไปได้ ด้วยมีอากาศ ที่ไม่เป็นพิษ และ ถ้าเจ้าของบ้าน (พญานาค) อนุญาต
อธิบายภาพ จากการผจญภัย เมื่อครั้ง ปี 2535
หมายเลข 1.เป็นลำธารภายในถ้ำ ที่ไหลลงสู่ลำห้วย ซึ่งมีน้ำ ตลอดทั้งปี
หมายเลข 2.แอ่งน้ำรูปครึ่งวงกลม ที่ผมเคยลงไป และ มุดผ่านช่องทางใต้น้ำเข้าไป ร่วม 7 เมตร
หมายเลข 3.เป็นผนังถ้ำ เรียบเหมือนถูกตัด ที่ปิดกั้นทำให้มองดูเป็นทางตัน แล้วใช้แอ่งน้ำ อำพรางทางเข้า ซึ่งอยู่ใต้น้ำเอาไว้ ดูๆไปเหมือนในหนังผจญภัยของฮอลลีวู๊ด แต่ที่นี่ คือ เรื่องจริง และอยู่ ขอบชายแดน ริมแม่น้ำโขง คนไทย คนไหนจะมาสร้างไว้ และที่น่าสนใจก็คือ เขาจะปิดบังทางเข้าเพื่อซุกซ่อนอะไร
หมายเลข 4. คือ จุดแรกที่ พญานาค ตัวเล็ก โผล่ขึ้นมามองดูเรา และผมก็วิดน้ำใส่
หมายเลข 5.คือ จุดที่สอง ที่ พญานาค ดำน้ำจากจุดแรก ไปโผล่หัว มองดูเราอีกครั้ง ซึ่งผมก็ วิดน้ำใส่อีกครั้ง
จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกอยู่นะ วันนี้ วันอาทิตย์ ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2553 ไม่ใช่หน้าฝน นะ เมื่อตอนกลางวัน ช่วง บ่าย 2 โมง กว่าๆ
ขณะที่กำลังนำเสนองานชิ้นนี้ ในหน้าที่ 1 ฟ้าก็ครึ้ม และมีฝนโปรยปราย 5 วินาที พอช่วงพิมพ์หน้าที่ 2 ช่วง 4 ทุ่ม ก็มีฝนตกปรอยๆ มาร่วม 30 นาทีแล้ว คงเป็นความบังเอิญ รึจะเป็น ความยินดี ของ ชาวนาคา ที่ร่วมแสดงความยินดี ที่มีการเผยแพร่ ประสบการณ์ ที่เก็บมานับสิบปี
อีกอย่างหนึ่งนะครับ ที่เข้าไปสำรวจถ้ำ ไม่ได้อยากเข้าไปค้นหา ทรัพย์สมบัติอะไรนะ เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรก ว่า แม้นว่าได้พบสิ่งของมีค่าอะไรก็ตาม จะไม่นำออกมา ขอเก็บเพียงภาพถ่าย และความทรงจำ ที่จะนำมาเล่าขาน ให้มนุษย์โลกได้รับฟัง ส่วนใครจะมีความคิดเห็นประการใด เป็นสิทธิส่วนตัว ของใครของเราครับ ผมเล่าในฐานะของ นักค้นคว้าทางการศึกษา
ครับ
ที่มา..
http://www.vcharkarn.com/vblog/89133/2