ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2011, 10:51:39 am »นิทานจีน : โชคดีทั้งสามชาติ
ตำนานเล่าขานกันมาว่า ในสมัยราชวงศ์ถัง ยังมีนักบวชรูปหนึ่ง ฉายา หยวนเจ๋อ
ได้บวชเรียนศึกษาพระธรรมจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงขอบเขตขั้นสูง
นักบวชหยวนเจ๋อมีสหายสนิทนามว่า หลี่หยวนซ่าน วันหนึ่งทั้งสองออกเดินทางท่องเที่ยว
ไปด้วยกัน เมื่อผ่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
พบหญิงสาวกำลังตักน้ำอยู่ริมลำธาร หญิงผู้นั้นท้องใหญ่โต เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์
นักบวชหยวนเจ๋อชี้มือไปยังหญิงตั้งครรภ์ พร้อมทั้งกล่าวกับหลี่หยวนซ่านผู้เป็น
สหายสนิทว่า “หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์มานานกว่า 3 ปีแล้วเพราะรอให้ข้าไปจุติในท้อง
ของนาง เนื่องจากตามชะตา ในชาติหน้าข้าต้องเกิดเป็นลูกของนาง
แต่ข้าพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด แต่บัดนี้เมื่อได้พบหน้ากันแล้ว จึงทราบว่า
ไม่อาจยื้อเวลาได้อีกต่อไป
“จากนี้อีก 3 วัน หลังจากที่หญิงผู้นี้คลอดบุตร ท่านจงเดินทางไปยังบ้านของนาง
เพื่อเยี่ยมทารก หากทารกยิ้มให้ท่าน นั่นแสดงว่าเป็นตัวข้าพเจ้า
จงให้รอยยิ้มเป็นเสมือนคำสัญญา และจากนั้นอีก 13 ปี ในคืนวันไหว้พระจันทร์
ข้าจะรอท่าน ณ วัดอินเดียในเมืองหางโจว วันนั้นเราจะได้พบกันอีกครั้ง”
กล่าวจบทั้งสองจึงร่ำลาและแยกย้ายกันไป
ในคืนนั้นเอง นักบวชหยวนเจ๋อก็ถึงแก่กรรม เป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงท้องแก่
ให้กำเนิดบุตรชาย หลังจากนั้นอีก 3 วัน เมื่อหลี่หยวนซ่านเดินทางไปเยี่ยมทารก
ทารกนั้นยิ้มให้เขาจริงๆ จากนั้น 13 ปีให้หลัง เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์
หลี่หยวนซ่านเดินทางไปยังวัดอินเดีย ณ เมืองหางโจวตามสัญญา เมื่อถึงประตูวัด
เขาพบเด็กเลี้ยงวัวผู้หนึ่ง นั่งอยู่บนหลังวัวพลางร้องเพลง
“วิญญาณทั้ง 3 ชาติสลักแน่นบนศิลา
ผ่านพบสิ่งใดมามิต้องเอ่ย
อาจมากมายจนละอายเมื่อถามไถ่
แม้รูปกายเปลี่ยนไป แต่จิตใจยังเป็นเช่นเดิม”
เมื่อได้ฟังเพลงดังกล่าว หลี่หยวนซ่านก็รู้ชัดว่า
ในที่สุดเขาได้มาพบสหายที่พลัดพรากกันไปอีกครั้ง
สำนวนดังกล่าว มักใช้เปรียบเปรยกับพรหมลิขิตบันดาลชักพา
หรือใช้ในกรณีที่มิตรสหายมาพบกันโดยบังเอิญ
หรือคนที่ได้รู้จักกันในสถานการณ์พิเศษแล้วกลายมาเป็นผู้รู้ใจ
สำนวนนี้ ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง มักใช้เพื่อขอบคุณ หรือแสดงไมตรี
ขอบพระคุณที่มาจาก : ผู้จัดการออนไลน์
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
ตำนานเล่าขานกันมาว่า ในสมัยราชวงศ์ถัง ยังมีนักบวชรูปหนึ่ง ฉายา หยวนเจ๋อ
ได้บวชเรียนศึกษาพระธรรมจนเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ถึงขอบเขตขั้นสูง
นักบวชหยวนเจ๋อมีสหายสนิทนามว่า หลี่หยวนซ่าน วันหนึ่งทั้งสองออกเดินทางท่องเที่ยว
ไปด้วยกัน เมื่อผ่านไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
พบหญิงสาวกำลังตักน้ำอยู่ริมลำธาร หญิงผู้นั้นท้องใหญ่โต เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งครรภ์
นักบวชหยวนเจ๋อชี้มือไปยังหญิงตั้งครรภ์ พร้อมทั้งกล่าวกับหลี่หยวนซ่านผู้เป็น
สหายสนิทว่า “หญิงผู้นั้นตั้งครรภ์มานานกว่า 3 ปีแล้วเพราะรอให้ข้าไปจุติในท้อง
ของนาง เนื่องจากตามชะตา ในชาติหน้าข้าต้องเกิดเป็นลูกของนาง
แต่ข้าพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด แต่บัดนี้เมื่อได้พบหน้ากันแล้ว จึงทราบว่า
ไม่อาจยื้อเวลาได้อีกต่อไป
“จากนี้อีก 3 วัน หลังจากที่หญิงผู้นี้คลอดบุตร ท่านจงเดินทางไปยังบ้านของนาง
เพื่อเยี่ยมทารก หากทารกยิ้มให้ท่าน นั่นแสดงว่าเป็นตัวข้าพเจ้า
จงให้รอยยิ้มเป็นเสมือนคำสัญญา และจากนั้นอีก 13 ปี ในคืนวันไหว้พระจันทร์
ข้าจะรอท่าน ณ วัดอินเดียในเมืองหางโจว วันนั้นเราจะได้พบกันอีกครั้ง”
กล่าวจบทั้งสองจึงร่ำลาและแยกย้ายกันไป
ในคืนนั้นเอง นักบวชหยวนเจ๋อก็ถึงแก่กรรม เป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงท้องแก่
ให้กำเนิดบุตรชาย หลังจากนั้นอีก 3 วัน เมื่อหลี่หยวนซ่านเดินทางไปเยี่ยมทารก
ทารกนั้นยิ้มให้เขาจริงๆ จากนั้น 13 ปีให้หลัง เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์
หลี่หยวนซ่านเดินทางไปยังวัดอินเดีย ณ เมืองหางโจวตามสัญญา เมื่อถึงประตูวัด
เขาพบเด็กเลี้ยงวัวผู้หนึ่ง นั่งอยู่บนหลังวัวพลางร้องเพลง
“วิญญาณทั้ง 3 ชาติสลักแน่นบนศิลา
ผ่านพบสิ่งใดมามิต้องเอ่ย
อาจมากมายจนละอายเมื่อถามไถ่
แม้รูปกายเปลี่ยนไป แต่จิตใจยังเป็นเช่นเดิม”
เมื่อได้ฟังเพลงดังกล่าว หลี่หยวนซ่านก็รู้ชัดว่า
ในที่สุดเขาได้มาพบสหายที่พลัดพรากกันไปอีกครั้ง
สำนวนดังกล่าว มักใช้เปรียบเปรยกับพรหมลิขิตบันดาลชักพา
หรือใช้ในกรณีที่มิตรสหายมาพบกันโดยบังเอิญ
หรือคนที่ได้รู้จักกันในสถานการณ์พิเศษแล้วกลายมาเป็นผู้รู้ใจ
สำนวนนี้ ใช้ในตำแหน่งภาคแสดง มักใช้เพื่อขอบคุณ หรือแสดงไมตรี
ขอบพระคุณที่มาจาก : ผู้จัดการออนไลน์
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ