ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: มีนาคม 01, 2011, 05:50:36 am »ตับ
หน้าที่หลักของตับ ผลิตน้ำดีให้ถุงน้ำดี
ช่วยกรองเลือด ส่งเลือดดีเข้าสู่ร่างกาย
และส่งเลือดไปที่ไต ล้างสารพิษ
และตับยังช่วยย่อยอาหาร ดูแลผม ขน เล็บ
ถ้าตับทำงานหนัก ไตก็มาช่วยทำงาน
เมื่อทำงานหนัก ตับก็จะเสีย ไตก็จะเสื่อม
ตับทำงานหนัก เพราะกินบ่อย กินผิดเวลา
คือมื้อที่ตับรอย่อยอาหาร เช่น อาหารมื้อเช้า
เราไม่ได้กินอาหารมื้อเช้าระหว่างเวลา07.00-09.00น.
แต่ไปกินอาหารเวลาที่ตับเลิกทำงานแล้ว
คือหลังจากเวลา 09.00 น. ตับจะย่อยผิดเวลา
กลายเป็นว่า ตับต้องทำงานหนัก หรือกินจุบจิบทั้งวัน
และการกินอาหารหนักแล้วเข้านอน...
โดยเฉพาะเวลา 01.00-03.00 น. ร่างกายต้องนอนหลับสนิท
และเป็นเวลาของตับ จะต้องขับสารพิษออกจากร่างกาย
ก็ไม่ควรกินอาหารในเวลานี้ ถ้าจะกินก็ควรจะให้เลย 03.00น.ไปแล้ว
ถึงแม้ไม่ได้กินอะไรจุบจิบ ตับก็ต้องรับอารมณ์โกรธ โมโห อิจฉา
หรือเครียด เมื่อมีอารมณ์เหล่านี้ เซลล์ในตับ...
ก็จะตายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ตับเสื่อมเร็วขึ้น
เพิ่มภาระให้ตับ คือ การโกรกสีผม ทาเล็บ ใช้ยาสระผม
ทาปากด้วยเครื่องสำอางที่มีสารเคมีเจือปนอยู่
สารเคมีจะส่งไปถึงตับโดยตรง แล้วสะสมอยู่เป็นเวลานาน
พอตับมีปัญหา ขอบใต้ตาจะดำ อาหารก็ไม่ค่อยย่อย
ท้องจะอืด ลมแน่นท้อง เลือดไม่ไปเลี้ยงกระดูกเชิงกราน
มดลูกเริ่มโต เจ็บตึงที่ส้นเท้า ผู้ชายก็จะเป็นต่อมลูกหมากโตได้เหมือนกัน
วิธีล้างสารพิษในตับ
- กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร ห้ามผัดน้ำมัน
แต่ใช้กะทิแทนน้ำมันจะได้ประโยชน์มากกว่า
(ต้มเห็ดแล้วกินแต่น้ำก็ได้) เพื่อชั้นไขมันขั้นต้น
-กินขมิ้นชันก่อนนอน(ไม่จำกัดจำนวน)
การดูแลตับให้แข็งแรง จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
งดใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับใบหน้า
งดใช้ยาสระผมี่มีสารเคมีกับหนังศรีษะ เพราะสารเคมี
จะเข้าไปถึงตับได้โดยตรง...
ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท จะตกค้างในตับ
ทำร้ายตับโดยตรง และทำให้เลือดหนืด
ไม่กินอาหารระหว่างตี1-ตี3 เพราะเป็นเวลาที่ตับต้องขับสารพิษ
ถ้ากินอาหารเวลานี้ ตับจะไม่ได้ทำหน้าที่หลัก คือ การขับสารพิษออกจากร่างกาย
"ถึงจะบำรุงอะไร แต่ถ้าสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย ก็ไม่เกิดประโยชน์"
หน้าที่หลักของตับ ผลิตน้ำดีให้ถุงน้ำดี
ช่วยกรองเลือด ส่งเลือดดีเข้าสู่ร่างกาย
และส่งเลือดไปที่ไต ล้างสารพิษ
และตับยังช่วยย่อยอาหาร ดูแลผม ขน เล็บ
ถ้าตับทำงานหนัก ไตก็มาช่วยทำงาน
เมื่อทำงานหนัก ตับก็จะเสีย ไตก็จะเสื่อม
ตับทำงานหนัก เพราะกินบ่อย กินผิดเวลา
คือมื้อที่ตับรอย่อยอาหาร เช่น อาหารมื้อเช้า
เราไม่ได้กินอาหารมื้อเช้าระหว่างเวลา07.00-09.00น.
แต่ไปกินอาหารเวลาที่ตับเลิกทำงานแล้ว
คือหลังจากเวลา 09.00 น. ตับจะย่อยผิดเวลา
กลายเป็นว่า ตับต้องทำงานหนัก หรือกินจุบจิบทั้งวัน
และการกินอาหารหนักแล้วเข้านอน...
โดยเฉพาะเวลา 01.00-03.00 น. ร่างกายต้องนอนหลับสนิท
และเป็นเวลาของตับ จะต้องขับสารพิษออกจากร่างกาย
ก็ไม่ควรกินอาหารในเวลานี้ ถ้าจะกินก็ควรจะให้เลย 03.00น.ไปแล้ว
ถึงแม้ไม่ได้กินอะไรจุบจิบ ตับก็ต้องรับอารมณ์โกรธ โมโห อิจฉา
หรือเครียด เมื่อมีอารมณ์เหล่านี้ เซลล์ในตับ...
ก็จะตายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ตับเสื่อมเร็วขึ้น
เพิ่มภาระให้ตับ คือ การโกรกสีผม ทาเล็บ ใช้ยาสระผม
ทาปากด้วยเครื่องสำอางที่มีสารเคมีเจือปนอยู่
สารเคมีจะส่งไปถึงตับโดยตรง แล้วสะสมอยู่เป็นเวลานาน
พอตับมีปัญหา ขอบใต้ตาจะดำ อาหารก็ไม่ค่อยย่อย
ท้องจะอืด ลมแน่นท้อง เลือดไม่ไปเลี้ยงกระดูกเชิงกราน
มดลูกเริ่มโต เจ็บตึงที่ส้นเท้า ผู้ชายก็จะเป็นต่อมลูกหมากโตได้เหมือนกัน
วิธีล้างสารพิษในตับ
- กินเห็ดสามอย่างขึ้นไปปรุงอาหาร ห้ามผัดน้ำมัน
แต่ใช้กะทิแทนน้ำมันจะได้ประโยชน์มากกว่า
(ต้มเห็ดแล้วกินแต่น้ำก็ได้) เพื่อชั้นไขมันขั้นต้น
-กินขมิ้นชันก่อนนอน(ไม่จำกัดจำนวน)
การดูแลตับให้แข็งแรง จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
งดใช้เครื่องสำอางที่มีสารเคมีกับใบหน้า
งดใช้ยาสระผมี่มีสารเคมีกับหนังศรีษะ เพราะสารเคมี
จะเข้าไปถึงตับได้โดยตรง...
ผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมท จะตกค้างในตับ
ทำร้ายตับโดยตรง และทำให้เลือดหนืด
ไม่กินอาหารระหว่างตี1-ตี3 เพราะเป็นเวลาที่ตับต้องขับสารพิษ
ถ้ากินอาหารเวลานี้ ตับจะไม่ได้ทำหน้าที่หลัก คือ การขับสารพิษออกจากร่างกาย
"ถึงจะบำรุงอะไร แต่ถ้าสารพิษตกค้างอยู่ในร่างกาย ก็ไม่เกิดประโยชน์"