ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 10:10:40 am »

127 ชั่วโมง รอดเพราะสติ


127 HOURS คือเรื่องจริงของนักปีนเขาที่ชื่อ อารอน รัลสตัน (เจมส์ แฟรนโก) การผจญภัยสุดอัศจรรย์ เพื่อรักษาชีวิตของเขาหลังจากหินหล่นลงมาใส่แขน และทำให้เขาต้องติดอยู่อย่างโดดเดี่ยวในร่องหุบเขาที่ยูท่าห์ ตลอดช่วงการเดินทางของเขา รัลสตันหวนนึกถึงเพื่อนๆ, คนรัก (เคลเมนซ์ โพซี่), ครอบครัวและนักปีนเขาอีกสองคน (แอมเบอร์ แทมบลิน และ เคต มาร่า) ที่เขาพบก่อนประสบอุบัติเหตุ

เวลาผ่านไป 5 วัน รัลสตันต้องต่อสู้กับสิ่งแวดล้อมและสิ่งไม่ดีในตัวเขา จนค้นพบในตอนท้ายว่าเขามีความกล้าหาญ และวิถีทางที่ทำให้เขาหลุดพ้นออกมาได้ด้วยวิธีการที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การหล่นลงมาจากหน้าผาความสูง 65 ฟุต และปีนเขาด้วยระยะที่มากกว่า 8 ไมล์ ก่อนที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือในตอนท้าย

ภาพยนตร์เป็นการบอกเล่าโครงสร้างการเล่าเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพยนตร์เรื่อง 127 HOURS มีเนื้อหาเกี่ยวกับสัญชาตญาณและความตื่นเต้น ที่จะนำผู้ชมเข้าสู่ประสบการณ์การเดินทางที่ไม่เคยพบมาก่อน และพิสูจน์ให้เห็นถึงสิ่งที่เราทำได้เมื่อเราต้องเลือกชีวิตเราเอาไว้


ข้างต้นคือการบอกเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ของหนัง 127 Hours ซึ่งการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านแผ่นฟิล์ม ต้องบอกว่าทำได้ดีเยี่ยม จนรู้สึกได้เลยว่าเราติดอยู่ในภวังค์เดียวกับ อารอน รัลสตัน ที่ติดอยู่ในซอกหลืบของหินใน แคนยอนแลนด์ ที่มองไปทางไหนก็พบเจอแต่ความเวิ้งว้าง ว่างเปล่าของหินผา และท้องทะเลทราย
ในการแสดงของ เจมส์ แฟรนโก ต้องพูดได้ว่ายอดเยี่ยม เขาใส่ใจรายในรายละเอียดของการเป็นตัว อารอน ได้อย่างไม่มีที่ติ การปูเรื่องราวไม่สลับซับซ้อน ดูเป็นธรรมชาติน่าติดตาม และเอาใจช่วย รวมไปถึงการถ่ายภาพที่สะท้อนให้เห็นมุมมองของการผจญภัยได้อย่างยอดเยี่ยม
 
นับเป็นความฉลาดของผู้กำกับที่แทรกมุกไว้ในบางช่วงบางตอน ให้คนดูไม่เครียดตามตัวละครมากจนเกินไป และทำให้คนดูได้รู้ว่าการติดอยู่ในซอกเล็ก ๆ โดยขยับไปไหนไม่ได้นั้น สติ คือสิ่งสำคัญ เพราะเมื่อสติหลุดแล้ว การทำอะไรแปลก ๆ ก็จะตามมาในที่สุด ซึ่งในเรื่องนี้ ก็ทำให้เราได้เห็น และรับรู้ถึงการกระทำแบบนั้นในตัวของ อารอน ที่สะท้อนออกมาให้เราได้ชมเช่นกัน
 
และเป็นอีกเสียงสะท้อนให้เราเห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเก่ง มีความรู้ระดับปริญญา หรือได้ประกาศณียบัตรมามากมายขนาดไหน หากสติคุณไม่อยู่กับร่องกับรอย การเอาตัวให้รอดจากเรื่องเลวร้ายทั้งหลายก็คงไม่สามารถทำได้
 
ส่วนอีกเรื่องที่น่าจะเรียกได้ว่าเป็นความฉลาดของผู้กำกับ แดนนี่ บอยล์ (ผู้กำกับ สลัมด๊อก มิลเลียนแนร์) นั่นก็คือ ประเด็นการนำเสนอของเรื่อง ที่เป็นเหมือนคำถามที่ค้างคา ให้เราค้นหาคำตอบ ถึงแม้ว่าเราจะรู้ในบทสรุปของเรื่องราวแล้วก็ตาม แต่ด้วยกลวิธีนำเสนอที่ดูเหมือนจริง ก็ทำให้คนดูอยากที่จะเอาใจช่วย และอยากรู้ถึงการเอาชีวิตรอดจากการติดแหง็กกับซอกหินเพียงลำพัง…การต่อสู้กับจิตล้าในใต้สำนึกของคน 1 คน…ภาพหลอน…จิตป่วน…สารพัด…เขาผ่านมาได้อย่างไร น่าสนใจยิ่ง และน่าติดตามไปจนจบเรื่อง
 
127hrs. ช่วงเวลาของการติดแหง็กโดยมีหินตรึงติดเราอยู่กับที่ สติเท่านั้นที่พาให้เค้ารอดพ้นจนมาบอกเล่าเรื่องราวให้เราได้เห็น และกลายเป็นประสบการณ์ที่ อารอน คงไม่กล้าลืมไปอีกนาน
ภาพยนตร์ที่เป็นตัวอย่างในการคิดอย่างมีสติ ตรึกตรอง แบบสมเหตุสมผล ซึ่งหากนำไปใช้ในชีวิตก็คงทำให้ชีวิตไม่วุ่นวาย และมีความสุขกับการใช้ชีวิตได้อย่างสบาย ให้ไปเลย 9 เต็ม 10
 
โดย ซายากะ โฮมส์-ดอยล์

http://movie.mthai.com/movie-review/91398.html
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มีนาคม 17, 2011, 10:06:11 am »



บทวิจารณ์หนังออสการ์ 127 Hours - 5 วันเฉียดตาย กับความหมายของการมีชีวิต



รายละเอียด :


          หลังประกาศศักดาด้วยการคว้าออสการ์จาก Slumdog Millionaire เมื่อปี 2009 แถมหนังยังทำเงินทั่วโลกไปกว่า $377 ล้านดอลล่าร์ (โดยใช้ทุนสร้างไปเพียง $15 ล้านดอลล่าร์) ความจริงแล้ว ถ้าหาก แดนนี่ บอยล์ อยากจะทำหนังเรื่องถัดไปด้วยทุนสร้างสักร้อยล้านเหรียญล่ะก็ สตูดิโอยักษ์ใหญ่ทั้งหลายคงแห่กันมาแย่งเซ็นเช็คให้กันเป็นทิวแถวแน่ๆ!

          แต่ผู้กำกับสัญชาติอังกฤษคนนี้ ก็ไม่ได้หลงระเริงไปกับ ชื่อเสียง ลาภยศ ที่ได้มาเหล่านั้น บอยล์ ยังซื่อสัตย์กับตัวเอง เพราะรู้ดีว่า ผู้กำกับอย่างเขานั้น ถนัดทำหนังทุนต่ำ ที่มีสเกลไม่ใหญ่ มากกว่า (The Beach ที่แสดงนำโดย ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอ้ ซึ่งใช้งบไป $50 ล้านดอลล่าร์ คือหนังที่ใช้ทุนสร้างมากที่สุดแล้วของ แดนนี่ บอยล์)



          และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ บอยล์ กลับมาพร้อมกับ หนังทุนต่ำ คุณภาพสูง อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนักวิจารณ์ทุกสำนักทั่วโลกการันตีว่า ยอดเยี่ยม ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงหนังเรื่อง 127 Hours

          127 Hours เล่าเรื่องของ แอรอน รอลสตัน วิศวกรหนุ่มผู้รักการผจญภัยเป็นชีวิตจิตใจ แต่วันหนึ่งเกิดดวงแตกสุดขีด เมื่อเขาเดินทางแบบฉายเดี่ยวไปปีนหุบเขาที่มีชื่อว่า บลู จอห์น และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ขึ้น เมื่อเขาพลัดร่วงลงมาไปซอกเขาพร้อมกับก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งหล่นมาทับแขนขวาของเขา ทำให้ต้องติดแหง็กอยู่ในนั้นคนเดียวกว่า 5 วัน (ซึ่งก็คือ 127 ชั่วโมง ตามชื่อเรื่อง) จนสุดท้ายเขาต้องตัดสินใจตัดแขนตัวเองทิ้งด้วยเครื่องมือที่พอจะหาได้ในเป้ เท่านั้นยังไม่พอ อารอน ยังต้องตะเกียกตะกายปีนขึ้นจากซอกเขามรณะที่ว่าด้วยแขนข้างเดียว แถมยังต้องเดินเท้าอีกถึง 8 ไมล์ ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือในท้ายที่สุด




          รู้เรื่องย่อกันแบบคร่าวๆ แล้ว หลายคนอาจจะคิดว่า ก็ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษตรงไหน? เพราะ 127 Hours ก็คงเป็น หนังเฉียดตาย ซึ่งสร้างจากเรื่องจริง ที่คนดูจะเห็นว่า เขาไปติดแหง็กอยู่ในซอกเขาได้ยังไง? แล้วรอดออกมาได้ยังไง? ซึ่งใช่ครับ หนังเล่าถึงรายละเอียดในส่วนนั้น แต่นั่นเป็นเพียงแค่น้ำจิ้ม ไม่ใช่เนื้อหาสาระ หรือ แก่น ของเรื่องที่หนังต้องการจะบอก

          เพราะแท้ที่จริงแล้ว แก่น ของเรื่องที่หนังต้องการจะบอกกับคนดูก็คือ...

          มนุษย์ จะมีความสมบูรณ์ และเข้าใจความหมายของชีวิตมากกว่าเดิม หลังจากก้าวพ้นวิกฤตอะไรบางอย่างมาได้

          อย่างน้อยๆ หลังผ่านเหตุการณ์เฉียดตายครั้งนี้มา แอรอน จะทิ้งข้อความบอกไว้ทุกครั้งว่าเขาไปไหน ซึ่งก่อนหน้านี้เขาไม่เคยบอกใครเลย...



          จะว่าไป แอรอน รอลสตัน ใน 127 Hours มีส่วนคล้ายกับ ชัค โนแลนด์ (ที่แสดงโดย ทอม แฮงค์ส) ในหนังเรื่อง Cast Away อยู่เหมือนกัน เพียงเปลี่ยนจากติดอยู่ในซอกแคบๆ ของหุบเขา มาเป็นติดเกาะ ซึ่งถ้าเทียบกันแล้ว สำหรับผม ติดเกาะ ดูจะสบายกว่าเป็นไหนๆ เพราะในขณะที่ แอรอน ถูกหินทับมือ เคลื่อนไหวไม่ได้ น้ำกับอาหาร ก็หร่อยหรอลงเรื่อยๆ (จนสุดท้ายต้องดื่มฉี่ตัวเองแทนน้ำ!) แถมวันๆ ได้แต่คุยกับตัวเองผ่านกล้องวีดีโอ แต่ ชัค ยังสามารถเดินเล่นทั่วเกาะ มีอาหารทะเลให้กิน แถมยังมี วิลสัน (ลูกวอลเล่ย์) คอยเป็นเพื่อนปรับทุกข์อีกต่างหาก

          ในขณะที่ Cast Away อาจจะทำให้คนดูคิดว่า ถ้าติดเกาะเราจะเอาชีวิตรอดยังไง? แต่ 127 Hours ดึงผู้ชมเข้าไปในสถานการณ์ที่ คับขัน บีบคั้น และ กดดัน กว่าหลายเท่า กับทางออกทางเดียวนั่นก็คือ ต้องตัดแขนตัวเองทิ้งซะ!



          ซึ่งหากมองกันในภาพรวมแล้ว Cast Away อาจจะเป็นหนังที่มีสเกลใหญ่กว่า ดูสนุก และให้ความบันเทิงมากกว่า แต่ส่วนตัวแล้วกลับคิดว่า 127 Hours สามารถนำเสนอเรื่องราวออกมาได้อย่างสมจริง (ส่วนนึงอาจเป็นเพราะหนังสร้างมาจากเรื่องจริง) ดูแล้ว รู้สึกสะเทือนใจ มีอารมณ์ร่วมมากกว่าเป็นไหนๆ แต่ไม่ได้หมายความว่า Cast Away เป็นหนังไม่ดีนะครับ Cast Away เป็นหนังอีกเรื่องที่ผมเองชอบมากๆ เพียงแต่จะบอกว่า ผมรู้สึกอิน และเอาใจช่วย แอรอน ใน 127 Hours มากกว่าเท่านั้นเอง

          หนังคงจะไม่ทรงพลังขนาดนี้ หากไม่ได้การแสดงระดับสุดยอดของ เจมส์ ฟรานโก้ ผู้มารับบทเป็น แอรอน รอลสตัน เรียกว่า คนเดียวเอาคนดูอยู่หมัดตั้งแต่ต้นจนจบ แบบ วัน แมน โชว์ รวมถึงการกำกับของ แดนนี่ บอยล์ ที่สามารถเล่าเรื่องราวออกมาได้อย่าง สนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจ บีบคั้น หวาดเสียว สยดสยอง โดยเฉพาะฉากที่ แอรอน ลงมือเฉือนเส้นเอ็นตัวเอง เชื่อว่าเหลือเกินว่าหลายคนคงจะถึงขนาดปิดตาไม่กล้าดูฉากนี้

          บวกกับมุมกล้อง เทคนิคการตัดต่อ วิธีการเล่าเรื่อง และสไตล์ภาพ (ซึ่งหลายๆ ช็อตน่าจะทำให้แฟนพันธุ์แท้ แดนนี่ บอยล์ นึกไปถึงหนังสร้างชื่อของเขาอย่าง Trainspotting) อ่อ...อีกอย่างที่จะลืมไม่ได้เลยก็คือ เพลงประกอบที่ยังคงเจ๋งสุดๆ เหมือนทุกเรื่องที่ผ่านมา



          ด้วยวิธีการทำหนังชั้นเซียนของแดนนี่ บอยล์ ที่ว่ามาทั้งหมดข้างต้น ทำให้เรื่องราวใน 127 Hours ถูกเล่าออกมาได้อย่างไหลลื่น แม่นยำ ถูกจังหวะจะโคน เพราะอย่างที่กล่าวเอาไว้ตอนต้นแล้วว่า นอกจากจะได้ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์ 5 วันเฉียดตายของพระเอกในเรื่องแล้ว หนังยังนำเอาความคิดในหัวของแอรอน มาตัดสลับให้เห็นด้วยว่า ในช่วงที่ยากลำบากที่สุดของชีวิต เขาคิดอะไรอยู่?

          ซึ่งภาพในมโนสำนึกของ แอรอน นี่แหละ เป็นสิ่งที่ยืนยันได้อีกครั้งว่า ในยามคับขัน จวนตัว โดยเฉพาะเสี้ยวหนึ่งในชีวิตที่คิดว่าจะเป็นวาระสุดท้าย สัญชาตญาณมนุษย์มักจะนึกถึง พ่อ แม่ คนที่เรารัก และหวนคิดไปถึงข้อผิดพลาดต่างๆ ที่เคยทำไว้ (อย่างพระเอกในเรื่องรู้สึกเสียใจที่ไม่ไปงานแต่งน้องสาว รู้สึกผิดที่ไม่ชอบรับโทรศัพท์เวลาที่แม่โทรมาหา นึกถึงเรื่องแย่ๆ ที่เคยทำไว้กับหญิงสาวอันเป็นที่รัก เป็นต้น)

          นอกจากนั้น เหตุการณ์เฉียดตายของ แอรอน ยังเป็นเครื่องเตือนใจให้แก่ผู้ชมทั้งหลายอีกด้วยว่า อย่าตกอยู่ในความประมาทเด็ดขาด! เพราะเพียงแค่เสี้ยววินาที ชีวิตคุณอาจพบกับความพลิกผันครั้งใหญ่ได้...



          แต่ถ้าเกิดว่า วันนึงคุณต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ชีวิตต้องเจอกับอภิมรสุม หรือวันมหาวิปโยค ที่หนักอึ้งแสนสาหัสขนาดไหน โปรดจงตั้งมั่น แก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างมีสติ ทำสุดกำลัง เต็มความสามารถ ท้อได้ แต่อย่าถอย

          เพราะเชื่อเหลือเกินว่า อุปสรรค หรือ ปัญหา ที่หลายคนต้องประสบนั้น คงจะไม่ได้หนักหนาเกินไปกว่าเหตุการณ์ที่ลูกผู้ชายชื่อ แอรอน รอลสตัน ต้องฝ่าฟัน และเอาชนะมัน มาได้ด้วยความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว

          และถึงแม้จะออกมาจากหุบเขา บลู จอห์น ด้วยการเสียแขนไปข้างหนึ่ง แต่สิ่งที่เขาได้กลับออกมาคือ ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์ธรรมดาๆ คนหนึ่งที่น่ายกย่องมากๆ!!!

                                                     
                                                                                                                                            โดย ทอม แฮนเซ่น
ข้อความโดย: ดอกโศก
« เมื่อ: มกราคม 28, 2011, 08:02:14 am »

น่าดูมากค่ะ...

หนังคงเล่นกับเรื่องราวที่น่ากลัวที่สุดของมนุษย์ในโลกสมัยใหม่
ที่กลัวการอยู่คนเดียว...ไม่ต้องติดอยู่ในขุขเขา
หากแต่ในเมืองใหญ่ๆ ก็เดียวดายจนหัวใจสะท้านเพราะ...เราต่างไม่เคยได้เรียนรู้ความสุขใจกับการอยู่กับตัวเอง...

ทุกคนจะรอด ถ้าอยู่คนเดียวได้อย่างมีความสุข...

^^

ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 10:18:44 pm »

 :06: โห แค่อ่านเนื้อเรื่องก็น่าดูมากครับ ขอบคุณครับพี่มด
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 03:36:00 pm »





ตัวอย่างหนังใหม่ 127 Hours | เรื่องย่อ

127 Hours เป็นเรื่องราวจริงที่ถ่ายทอดมาจากชีวิตของนักปีนเขาอัจฉริยะ Aron Ralston (James Franco) ที่สามารถช่วยชีวิตตัวเองจากการที่ เขาพลัดตกลงไปติดในร่องเขาอยู่ลำพังในเทือกเขาที่ยูทาร์ หลังจากที่เขาติดอยู่ที่ร่องเขาถึง 5 วัน Ralston ได้สำรวจสิ่งที่อยู่รอบๆตัวที่สามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์เพื่อช่วยให้รอดชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครื่องมือจากสิ่งต่างๆรอบตัวเพื่อช่วยให้ตัวเองรอดชีวิต จน Ralston สามารถที่จะไต่ขึ้นจากร่องเขาที่ติดอยู่ที่สูงถึง 65 ฟุตและการเดินอีกกว่า 8 ไมล์ และทำให้เขารอดชีวิตมาได้ ตลอดการผจญภัยของ Aron Ralston เขาก็ได้พบเพื่อนร่วมทางมากมายทั้งครอบครัว คู่รัก และ สองนักไต่เขาสาว (Amber Tamblyn และ Kate Mara) ที่เกือบเป็นสองคนสุดท้ายที่ได้พบกับ Ralston ก่อนที่เขาจะตกลงไปติดในร่องเขา

127 Hours จะเป็นภาพยนตร์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวและประสบการณ์ของการเดินทางผจญภัยที่ตื่นเต้น พร้อมทั้งสอนให้คนเราได้รู้ว่า เราสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อให้เรามีชีวิตรอด !!


127 HOURS - Full Length Official Trailer HD

127 HOURS - Official HD Teaser Trailer