ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: มีนาคม 27, 2011, 10:54:56 am »บางคนก็ไปนั่ง ไม่อยากให้มันรู้อะไร ให้มันเงียบๆ เหมือนเอาอะไรไปครอบไว้ไม่ให้รู้เห็นอะไร มันจะเกิดประโยชน์ อะไรไม๊ ที่เราเข้าไปนั่งสงบนั้นไม่ใช่สงบกิเลส แต่มันทำจิตให้ สงบชั่วคราวเท่านั้นแหละ เหมือนเรานั่งอยู่นี่ หายใจสบายๆนะ สบายแต่เดี๋ยวนี้ อีกต่อไปเราลองเอาประคตเอวมารัดพอ ให้มันแน่น รัดเข้าๆ.. ไอ้ความสบายมันจะไม่ค่อยมี ความ ไม่สบายมันจะเพิ่มเข้ามา จนหายใจน้อยๆ ทนทุกข์ทรมานอยู่นานพอสมควร เราก็เอาประคตออก เลือดมันก็วิ่งสม่ำเสมอ มีความรู้สึกสบาย
แต่ว่าเมื่อเอารัดเข้าไป มันก็ทุกข์ตรงนี้อีก พอระบาย ทุกข์ออก ถึงที่เก่า มันก็นึกว่า เออ...อันนี้มันสบาย แค่นี้น่ะดูซิ ก่อนจะสบาย มันทุกข์ก่อนเกือบตาย เราไม่ตาย เห็นจะไม่รู้จัก นะ มันสลัดกันตรงนี้แหละ เราไปหลงอารมณ์ตรงนั้นแหละ เมื่อปล่อยประคตเอวออก ความสบายก็อยู่แค่นี้แหละ แต่เมื่อ เราหยุดแค่นี้ เราก็นึกว่าสบายแล้ว ก็อยากสบายให้ยิ่งไปกว่านี้ นี่ของอันเก่านะ เราสำคัญผิดเท่านั้น การปฏิบัตินี่ก็เหมือน กันฉันนั้น
จะอยากให้มันเป็นยังไง อยากจะไปนั่งไม่ให้มันมีอะไร ไม่ให้คิดอะไร ไม่ให้นึกอะไร...อันนั้นมันบาปหลายแล้ว...มัน บาปหลาย ไอ้ความคิดที่ว่ามันไม่ดี อารมณ์ที่มันไม่ดี ถ้า เรารู้มันแล้ว มันก็เกิดปัญญาเท่านั้น อันนั้นแหละตัวสำคัญ ไอ้คนนี้พูดไม่ถูกหูเรา เราไม่ชอบใจ อยากจะหนีมันไป นี่แหละ ตัวสำคัญแล้วนี่ ต้องให้เราปฏิบัติให้รู้ตัวของเราแล้ว เพราะเรา มันหลงนี่ หลงเพราะอะไร? เพราะเราไม่ชอบก็หนีไป อันนี้มัน ไม่พ้น ถ้าเราไปอีก ไปพบเสียงอันนี้อยู่ข้างหน้าอีก เราก็ไม่ ชอบใจอีก...ไปอีก มันก็ตายเปล่าๆเท่านั้นแหละ มีความสงบ ไม่มีความสงบ ต้องให้รู้มัน
เราปฏิบัติให้รู้จัก อย่าไปขังตัวของเรา ถึงสงบขนาดไหน ก็อย่าทิ้งความรู้สึก ถ้าทิ้งความรู้สึกมันก็เป็นบ้า...ให้มีความรู้ตัวของมัน...เรียกว่าพุทโธ...เราอย่าไปบ่น แต่ปากของ เราเท่านั้น แต่ให้มันถึงจิตของเจ้าของ การปฏิบัติต้องเป็นอย่างนั้น บางคนนั่งไม่สงบ ไม่คิดอย่างนั้น ก็ไปอย่างนี้ ก็ว่ามันไปแล้ว ฉันก็ไปดึงมันมา มันไปอีก ก็ไปดึงมาอีก เลยเป็นบ้า ใครดึงใครก็ไม่รู้ ใครไปใครมาก็ไม่รู้...ไม่รู้เรื่อง ไม่มีใครไปใครมาหรอกนั่น จะมีใครมาใครไปเล่า...ดูให้มันดีๆตรงนั้น อย่างที่ผมพูด ใบไม้ปกติของมัน มันนิ่ง ถ้ามันกวัด แกว่ง เพราะอะไร? ลมมาถูกมัน จิตใจของเราก็เหมือนกัน ถ้า มันฟุ้งซ่านรำคาญกวัดแกว่ง ก็เพราะถูกอารมณ์ ถ้าจิตแท้ๆ แล้ว มันนิ่งอยู่อย่างนั้น สว่างอยู่อย่างนั้น รู้อยู่อย่างนั้น อันนี้ เราเข้าใจผิดกัน จะต้องให้มันรู้จัก ให้สังวรสำรวม ให้รู้จักว่า มันผิดมันถูก ผิดก็รู้ ถูกก็รู้ มันจะคิดผิดขนาดไหนก็ช่าง เรารู้ ว่าอันนี้มันคิดผิด เข้าใจผิด ไม่ให้มันดึงดูดเราไปได้ แล้วก็กลับ มาตรงนี้ เพราะมันมั่นอยู่แล้ว ไม่ให้มันขาดจากนี้ไป แค่นี้... ก็เป็นสังวรศีลแล้ว ก็เป็นสมาธิแล้ว ปัญญาก็จะเกิดขึ้นมา
ทำอันนั้น...หลับตา ก็ไม่ผิดหรอก แต่ให้รู้จักเวลาพอสมควร นั่งไม่รู้ไม่เอา ต้องให้รู้จักหายใจเข้า-ออก...รู้...เข้าไป บ่มไว้ อะไรผ่านเข้ามา รู้จักหมดทุกอย่าง ออกจากที่นี่ก็มีสติ เดินไป ตาเห็นรูปก็รู้จัก หูฟังเสียงก็รู้จัก รู้จักทุกสิ่งทุกอย่าง รู้จักผิด รู้จักถูก เมื่อรู้จักผิด รู้จักถูกแล้ว ก็พยายามละมัน ให้ มันไปเหนือกว่านั้นอีก จนกว่าใจของเราไม่มีผิด ไม่มีถูก...เหนือ แล้วนี่ คือเราปล่อยวางมันเสีย ให้รู้จักอย่างนั้น นี่เรียกว่า การปฏิบัติของเราฯ
ธรรมโอวาทหลวงพ่อชา สุภัทโท แสดงแก่พระเณร
http://www.what-buddha-taught.net/Thai/Ajahn_Chah/Know_in_order_to_Let_Go.htm
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ
http://www.what-buddha-taught.net/Thai/Ajahn_Chah/Know_in_order_to_Let_Go.htm
Pics by : Google
อกาลิโกโฮม * สุขใจดอทคอม
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ