ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 08, 2011, 10:26:32 pm »คลิกอ่าน พญานาคา (King of herrings)
พญานาคา
ข่าว - รายงานพิเศษ
เขียนโดย คุณเจษฎา ทันแก้ว
วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐:๒๘ น.
พญานาค หรือ พญานาคา มีชื่อภาษาอังกฤษตามสายพันธุ์ เรียกว่า Oarfish แต่ตามประเพณีที่มีการค้นพบในหลายประเทศทั่วโลกจะเรียกเหมือนกันว่า Queen of Naga หมายถึง ราชินีงู ชื่อตามภาษาลาตินมีว่า Regalecus Glesne Ascanius โดยกินเนสบุ๊ค ได้มีการบันทึกปลาชนิดนี้ว่า King of Herrings เป็นปลาที่มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยความยาวทั้งหมด 17 เมตร น้ำหนัก 300 กีโลกรัม ชาวประมงในต่างชาติมักจะเรียกว่า Dragons of the deep หรือมังกรแห่งความลึก
ในภาษาไทย คำว่า พญานาค เป็นคำผสมระหว่าง “พญา” กับ “นาคา” คำว่า นาคา มาจากภาษาฮินดี ของอินเดียบราณ หมายถึง งู และมักจะใช้กับสัตว์ทุกประเภทที่มีลักษณะคล้ายกับงูบนบกและในน้ำ
ในอินเดียมีสถานที่บูชาเกี่ยวกับงูซื่งเป็นสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกถึง 700 แห่ง รวมไปถึงประเภทที่มีลักษณะคล้ายกับพญานาค
ชาวฮินดูถือว่าพญานาค เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ เช่น อนันตนาคราช คือบัลลังก์ของพระนารายณ์ ตรงกับความเชื่อของลัทธิพราหมณ์ ที่เชื่อว่านาคเป็นเทพแห่งน้ำ น้ำจะน้อยหรือมาก ขึ้นอยู่ที่นาค เหตุที่น้ำน้อยเพราะนาคได้กลืนน้ำไว้
พญานาคเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
นาคแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลวิรูปักษ์ สีทอง ตระกูลเอราปถ สีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ สีรุ้ง ตระกูลกัณหาโคตมะ สีดำ พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ เกิดแล้วโตทันที เกิดจากเหงื่อไคล เกิดจากครรภ์ และเกิดจากฟองไข่
ตามความเชื่อของชาวฮินดู พญานาคอาศัยอยู่ใต้ดินหรือบาดาล คนโบราณเชื่อว่าเมื่อบนสวรรค์มีเทพอาศัยอยู่ ลึกลงไปใต้พื้นโลกก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ นาคสามารถขึ้น-ลงตั้งแต่ใต้บาดาลพื้นโลกจนถึงสวรรค์ ในทุกตำนานมักจะกล่าวถึงนาคที่ขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองสวรรค์
พญานาคมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้ และมีชีวิตคล้ายกับคน สามารถแปลงเป็นคนได้ แต่ถึงแม้จะแปลงกายเป็นอะไร จะต้องปรากฏรูปลักษณ์เป็นนาคเช่นเดิม คือ ขณะเกิด, ขณะลอกคราบ, ขณะสมสู่กันระหว่างนาคกับนาค ขณะนอนหลับโดยไม่มีสติ และตอนตาย ก็กลับกลายร่างเป็นงูใหญ่เช่นเดิม
พญานาคมีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษถึง 64 ชนิด ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า สัตว์จำพวกงู, แมงป่อง, ตะขาบ, คางคก, มด ฯลฯ มีพิษได้ ซึ่งก็ด้วยเหตุที่นาคคายพิษทิ้งไว้ แล้วพวกงูไปเลีย พวกที่มาถึงก่อนก็ได้พิษไปมาก พวกที่มาทีหลัง เช่น แมงป่อง จึงได้พิษน้อย เพราะแค่เอาหางไปป้ายเศษพิษ จำพวกนี้จึงมีพิษน้อย โดยพญานาคจะต้องคายพิษทุก 15 วัน
ประเทศไทยจึงน่าจะเป็นประเทศที่มีประติมากรรมเกี่ยวกับพญานาคมากที่สุด โดยมักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับพญานาคได้เสมอ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะตามอาคารหรือวัดต่าง ๆ มีที่มาจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณนั่นเอง ความเชื่อในพญานาคได้แพร่ขยายมากมายในเอเซีย เนื่องจากมีการพบเห็นในหลายพื้นที่มาตั้งแต่โบราณ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้มีการพบเจอมากที่สุด และเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นฑูตจากอาณาจักรใต้ดิน การพบเห็นพญานาค หมายถึงจะเกิดภัยจากแผ่นดินไหวในเร็ว ๆ นั้น
หากดูกันเป็นทางการแล้ว ปลามหัศจรรย์ชนิดนี้จะมีถิ่นฐานอยู่ในทะเลลึก ซึ่งมนุษย์ยังลงไปไม่ถึง หากว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางชั้นผิวของโลก หรือที่เรียกกันว่าแผ่นดินไหว พญานาคจะสัมผัสและได้รับผลกระทบก่อนมนุษย์ อันเป็นที่มาของการที่มนุษย์จะพบเห็นพญานาคก็ต่อเมื่อที่ตายแล้วหรือใกล้จะ ตาย
มีทฤษฎีอยู่ว่าพญานาคจะขื้นมาขอความช่วยเหลือตอน ป่วยหรือใกล้ตาย เนื่องจากว่าเคยมีคนพบเจอ ในอ่าวเม็กซิโก ในลักษณะที่พญานาคพยายามว่ายน้ำพุ่งเข้าหาคน แต่คนคนนั้นด้วยความกลัวได้ทุบหัวพญานาคจนตาย บุคคลนั้นได้แสดงความเสียใจภายหลัง เพราะเพิ่งจะทราบภายหลังว่าปลาชนิดนี้ไม่มีฟัน หรือเขี้ยว หรืออาวุธ ป้องกันตัวแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นการที่ พญานาคเข้าหาตัวเขาน่าจะมีเหตุผลอื่น
ชาวประมงเคยพบสัตว์ประหลาดชนิดนี้ขณะที่แล่นเรือหาปลาอยู่ในทะเลมามากมาย หลายสถานที่ แต่ส่วนใหญ่จะตายไปแล้ว และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้มีการถ่ายภาพได้ตอนอยู่ในน้ำ
ได้มีการค้นพบปลามหัศจรรย์ชนิดนี้ในทะเลดำ หรือ Black Sea ติดกับประเทศยูเครน ทะเลนี้จะมีลักษณะเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่ไม่ลึกพอที่จะเป็นถิ่นฐานของพญานาคได้ มีอยู่ว่าช่องทางเชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีช่องแคบพอ ๆ กับแม่น้ำสายหนึ่ง จึงเป็นหลักฐานที่แน่ชัดเพียงอย่างเดียวที่สามารถจะบ่งบอกได้ว่าพญานาค สามารถที่จะว่ายตามแม่น้ำได้ด้วย
มีคนรุ่นใหม่อยู่ บ้างที่รู้ว่าแท้จริงพญานาคเป็นแค่ปลาตัวหนึ่ง แต่การที่เป็นหนึ่งในปลาที่หาดูได้ยากที่สุดในโลก และเป็นปลาที่มหัศจรรย์ ทั้งขนาด ความสวยงาม จึงสมควรแก่การเคารพบูชาแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือความภูมิใจที่คนไทยสามารถจะนับถือในบางอย่างที่มี ตัวตนจริง ต่างจากเทพ หรืออสูรทั่วไปที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้.
http://www.paisalvision.com/news/77-special-reports/5620-2010-10-30-03-30-27.html
.
พญานาคา
ข่าว - รายงานพิเศษ
เขียนโดย คุณเจษฎา ทันแก้ว
วันเสาร์ที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๓ เวลา ๑๐:๒๘ น.
พญานาค หรือ พญานาคา มีชื่อภาษาอังกฤษตามสายพันธุ์ เรียกว่า Oarfish แต่ตามประเพณีที่มีการค้นพบในหลายประเทศทั่วโลกจะเรียกเหมือนกันว่า Queen of Naga หมายถึง ราชินีงู ชื่อตามภาษาลาตินมีว่า Regalecus Glesne Ascanius โดยกินเนสบุ๊ค ได้มีการบันทึกปลาชนิดนี้ว่า King of Herrings เป็นปลาที่มีกระดูกสันหลังที่ยาวที่สุดในโลก ด้วยความยาวทั้งหมด 17 เมตร น้ำหนัก 300 กีโลกรัม ชาวประมงในต่างชาติมักจะเรียกว่า Dragons of the deep หรือมังกรแห่งความลึก
ในภาษาไทย คำว่า พญานาค เป็นคำผสมระหว่าง “พญา” กับ “นาคา” คำว่า นาคา มาจากภาษาฮินดี ของอินเดียบราณ หมายถึง งู และมักจะใช้กับสัตว์ทุกประเภทที่มีลักษณะคล้ายกับงูบนบกและในน้ำ
ในอินเดียมีสถานที่บูชาเกี่ยวกับงูซื่งเป็นสถานที่ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกถึง 700 แห่ง รวมไปถึงประเภทที่มีลักษณะคล้ายกับพญานาค
ชาวฮินดูถือว่าพญานาค เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ เช่น อนันตนาคราช คือบัลลังก์ของพระนารายณ์ ตรงกับความเชื่อของลัทธิพราหมณ์ ที่เชื่อว่านาคเป็นเทพแห่งน้ำ น้ำจะน้อยหรือมาก ขึ้นอยู่ที่นาค เหตุที่น้ำน้อยเพราะนาคได้กลืนน้ำไว้
พญานาคเป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จัดอยู่ฝ่ายสุคติภูมิ อยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
นาคแบ่งออกเป็น 4 ตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลวิรูปักษ์ สีทอง ตระกูลเอราปถ สีเขียว ตระกูลฉัพพยาปุตตะ สีรุ้ง ตระกูลกัณหาโคตมะ สีดำ พญานาคเกิดได้ทั้ง 4 แบบ คือ เกิดแล้วโตทันที เกิดจากเหงื่อไคล เกิดจากครรภ์ และเกิดจากฟองไข่
ตามความเชื่อของชาวฮินดู พญานาคอาศัยอยู่ใต้ดินหรือบาดาล คนโบราณเชื่อว่าเมื่อบนสวรรค์มีเทพอาศัยอยู่ ลึกลงไปใต้พื้นโลกก็น่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ นาคสามารถขึ้น-ลงตั้งแต่ใต้บาดาลพื้นโลกจนถึงสวรรค์ ในทุกตำนานมักจะกล่าวถึงนาคที่ขึ้น-ลง ระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองสวรรค์
พญานาคมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถแปลงกายได้ และมีชีวิตคล้ายกับคน สามารถแปลงเป็นคนได้ แต่ถึงแม้จะแปลงกายเป็นอะไร จะต้องปรากฏรูปลักษณ์เป็นนาคเช่นเดิม คือ ขณะเกิด, ขณะลอกคราบ, ขณะสมสู่กันระหว่างนาคกับนาค ขณะนอนหลับโดยไม่มีสติ และตอนตาย ก็กลับกลายร่างเป็นงูใหญ่เช่นเดิม
พญานาคมีพิษร้าย สามารถทำอันตรายผู้อื่นได้ด้วยพิษถึง 64 ชนิด ซึ่งตามตำนานกล่าวว่า สัตว์จำพวกงู, แมงป่อง, ตะขาบ, คางคก, มด ฯลฯ มีพิษได้ ซึ่งก็ด้วยเหตุที่นาคคายพิษทิ้งไว้ แล้วพวกงูไปเลีย พวกที่มาถึงก่อนก็ได้พิษไปมาก พวกที่มาทีหลัง เช่น แมงป่อง จึงได้พิษน้อย เพราะแค่เอาหางไปป้ายเศษพิษ จำพวกนี้จึงมีพิษน้อย โดยพญานาคจะต้องคายพิษทุก 15 วัน
ประเทศไทยจึงน่าจะเป็นประเทศที่มีประติมากรรมเกี่ยวกับพญานาคมากที่สุด โดยมักจะเห็นสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับพญานาคได้เสมอ เป็นส่วนประกอบที่สำคัญทางสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะตามอาคารหรือวัดต่าง ๆ มีที่มาจากวัฒนธรรมอินเดียโบราณนั่นเอง ความเชื่อในพญานาคได้แพร่ขยายมากมายในเอเซีย เนื่องจากมีการพบเห็นในหลายพื้นที่มาตั้งแต่โบราณ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้มีการพบเจอมากที่สุด และเป็นที่เชื่อกันว่าเป็นฑูตจากอาณาจักรใต้ดิน การพบเห็นพญานาค หมายถึงจะเกิดภัยจากแผ่นดินไหวในเร็ว ๆ นั้น
หากดูกันเป็นทางการแล้ว ปลามหัศจรรย์ชนิดนี้จะมีถิ่นฐานอยู่ในทะเลลึก ซึ่งมนุษย์ยังลงไปไม่ถึง หากว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางชั้นผิวของโลก หรือที่เรียกกันว่าแผ่นดินไหว พญานาคจะสัมผัสและได้รับผลกระทบก่อนมนุษย์ อันเป็นที่มาของการที่มนุษย์จะพบเห็นพญานาคก็ต่อเมื่อที่ตายแล้วหรือใกล้จะ ตาย
มีทฤษฎีอยู่ว่าพญานาคจะขื้นมาขอความช่วยเหลือตอน ป่วยหรือใกล้ตาย เนื่องจากว่าเคยมีคนพบเจอ ในอ่าวเม็กซิโก ในลักษณะที่พญานาคพยายามว่ายน้ำพุ่งเข้าหาคน แต่คนคนนั้นด้วยความกลัวได้ทุบหัวพญานาคจนตาย บุคคลนั้นได้แสดงความเสียใจภายหลัง เพราะเพิ่งจะทราบภายหลังว่าปลาชนิดนี้ไม่มีฟัน หรือเขี้ยว หรืออาวุธ ป้องกันตัวแม้แต่น้อย เพราะฉะนั้นการที่ พญานาคเข้าหาตัวเขาน่าจะมีเหตุผลอื่น
ชาวประมงเคยพบสัตว์ประหลาดชนิดนี้ขณะที่แล่นเรือหาปลาอยู่ในทะเลมามากมาย หลายสถานที่ แต่ส่วนใหญ่จะตายไปแล้ว และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่ได้มีการถ่ายภาพได้ตอนอยู่ในน้ำ
ได้มีการค้นพบปลามหัศจรรย์ชนิดนี้ในทะเลดำ หรือ Black Sea ติดกับประเทศยูเครน ทะเลนี้จะมีลักษณะเหมือนทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่ไม่ลึกพอที่จะเป็นถิ่นฐานของพญานาคได้ มีอยู่ว่าช่องทางเชื่อมระหว่างทะเลดำกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมีช่องแคบพอ ๆ กับแม่น้ำสายหนึ่ง จึงเป็นหลักฐานที่แน่ชัดเพียงอย่างเดียวที่สามารถจะบ่งบอกได้ว่าพญานาค สามารถที่จะว่ายตามแม่น้ำได้ด้วย
มีคนรุ่นใหม่อยู่ บ้างที่รู้ว่าแท้จริงพญานาคเป็นแค่ปลาตัวหนึ่ง แต่การที่เป็นหนึ่งในปลาที่หาดูได้ยากที่สุดในโลก และเป็นปลาที่มหัศจรรย์ ทั้งขนาด ความสวยงาม จึงสมควรแก่การเคารพบูชาแล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือความภูมิใจที่คนไทยสามารถจะนับถือในบางอย่างที่มี ตัวตนจริง ต่างจากเทพ หรืออสูรทั่วไปที่ไม่สามารถจะพิสูจน์ได้.
http://www.paisalvision.com/news/77-special-reports/5620-2010-10-30-03-30-27.html
.