ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 07:55:42 am »ฉันอยากเป็นบุคคลที่สวยงาม
ผู้คนส่วนมากมักไม่ตระหนักว่าใบหน้าและและร่างกายของตนเองนั้นสามารถ เปิดเผยอย่างล่อนจ้อน ถึงรายรับรายจ่ายของชีวิตที่ผ่านมาทั้งหมด การเผยโฉมออกมาอย่างเปลือยเปล่าเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัวและน่าอาย
ทั้งหมดที่เราคิด พูด และทำมาตั้งแต่เกิด ล้วนเป็นตัวสรรสร้างและปั้นแต่งใบหน้า ร่างกายและบุคลิกของเราขึ้นมา เพียงแค่แวบเดียว บุคคลที่มีดวงตาเห็นได้ชัดแจ้งจะสามารถรับรู้ประวัติความเป็นมาของเราได้ ตั้งแต่ต้นเลยทีเดียว
น่า จะเป็นลินคอล์นที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า มนุษย์นั้นต้องรับผิดชอบต่อหน้าตาของตนเองเมื่ออายุสี่สิบปีไปแล้ว ใบหน้าและร่างกายที่ดูเสมือนว่าได้รับการแกะสลัก ขัดเกลา และปรับแต่งอย่างต่อเนื่องมาตลอดตั้งแต่เกิดโดยสิ่วที่มองไม่เห็นนั้น เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัยสี่สิบ ใบหน้าและร่างกายก็จะเผยความสวยงามและความน่าเกลียดทั้งมวลออกมาโดยที่ไม่ สามารถอำพรางซ่อนเร้นได้โดยเครื่องสำอางหรือเครื่องนุ่งห่มใดๆ
ยา อิจิ อะอิสุ กวีญี่ปุ่นรุ่นใหม่และศิลปินนักเขียนอักษรศิลป์๒ เคยเขียนถึงคนสนิทไว้ว่า “เพื่อนของฉัน การที่เราดำรงสติในทุก ๆ สิ่งที่คิดและทำ และมีหัวใจที่สงบและสันตินั้น ฉันหวังว่าฉันจะกลายเป็นบุคคลที่สวยงาม” ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตนเองต้องการจะแก่เฒ่าด้วยหนทางเช่นนี้ด้วยเช่นกัน
สายลมแห่งสวรรค์
ข้าพเจ้าวางมือจากการทำสวนเพื่อที่จะมองไปยังนกเล็กๆ ตัวหนึ่งที่อยู่เหนือหัวข้าพเจ้าขึ้นไป ทั้งนี้เพราะเสียงร้องของมันได้ทำลายความเงียบลง สายลมอันสดชื่นที่พัดโบกโบยลงมาจากเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นทำให้เหงื่อบนหน้าผากของข้าพเจ้าเหือดแห้งไป สิ่งที่กำลังพวยพุ่งวิ่งพล่านอยู่เต็มกายของข้าพเจ้าในตอนนี้กลับคือความสุข กับชีวิต และความสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่
“วันนี้ลมเย็นจังเลยเนอะ ว่าไหม” หญิงชราคนหนึ่งเดินผ่านมาทักทาย
“บ้านของใครกันจะไม่ต้อนรับพระจันทร์สวย ๆ และสายลมที่ร่าเริงสดชื่นเหล่านี้ได้”
ในหนังสือชื่อเฮกิงัน โรกุ (Hekigan –roku) หรือบันทึกจากผาสีฟ้าได้ถามคำถามนี้เอาไว้
พระจันทร์ที่สดใสนั้นส่องประกายเข้าไปในบ้านทุก ๆ หลัง และบ้านทุก ๆ หลังก็ล้วนอยู่ในเส้นทางที่สายลมอันสดชื่นและร่าเริงพัดผ่าน ข้าพเจ้าอยากรู้ว่าแต่ละคนนั้นจะรู้สึกถึงสายลมว่าเป็นสายลมที่แสนสดชื่น หรือเป็นสายลมหนาวที่ไร้ปรานีกันแน่ ความแตกต่างนั้นไม่ได้อยู่ที่สายลม แต่อยู่ที่คนๆ นั้นซึ่งเป็นผู้รับรู้ต่างหาก เคยมีใครบางคนกล่าวแก่ข้าพเจ้าว่าสายลมเช่นนี้เรียกว่า “สายลมแห่งสวรรค์”
ศตวรรษที่แล้ว อาจารย์เซนจ้าวโจว (หรือโจชู ในภาษาญี่ปุ่น) ได้ถามอาจารย์หนานฉวน (หรือนันเซ็น ในภาษาญี่ปุ่น)
ผู้อาจารย์ว่า เขาควรแสวงหาทาง ๓ หรือไม่ อาจารย์หนานฉวนตอบว่า “ถ้าเธอพยายามหามัน เธอจะอยู่แยกจากมัน”
สิ่งที่เราเรียกว่า สวรรค์ ความสุข ธรรมะ หรือการรู้แจ้งนั้นไม่สามารถแสวงหาได้ภายนอกตัวของเรา หากแต่จะพบได้ก็ต่อเมื่อเราสังเกตเห็นอย่างแท้จริงเท่านั้นว่ามันเป็น หนึ่งเดียวกับเราอยู่แล้ว ตามธรรมชาติ