“เป็นไปตามกรรม” เมื่อพระเทวทัต ตกอเวจีมหานรกแล้ว ภิกษุผู้เป็นพวกของพระเทวทัต และพวกอัญญเดียรดีย์ทั้งหลาย ได้พากันโพนทะนาว่า พระเทวทัตถูกพระสมณโคดมสาปแช่ง จึงถูกแผ่นดินสูบ. คนทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว พวกที่ไม่เลื่อมใสในพระศาสนา เกิดความสงสัยขึ้นว่า ข้อนี้จะพึงเป็นเหมือนที่คนทั้งหลายพูดหรือไม่. ภิกษุทั้งหลายได้กราบทูลเหตุการณ์นั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะตรัส
ปฏิเสธความเข้าใจผิดของคนเหล่านั้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตไม่ให้การสาปแช่งแก่ใคร ๆ เพราะฉะนั้น พระเทวทัตจึงไม่ใช่ถูกเรา(ตถาคต)สาปแช่ง พระเทวทัตตกนรก
โดยกรรมของตนนั่นแหละ ดังนี้ จึงตรัสพระสูตรนี้โดยเป็นเหตุเกิดแห่งเรื่องนี้.
(ข้อความบางตอนจาก ... ปรมัตถทีปนี อรรถกถา ขุททกนิกาย อิติวุตตกะ เทวทัตตสูตร)
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงนั้น
เป็นความจริง เป็นสัจจธรรม ที่ทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา
มีความเข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง เป็นปัญญาของตนเอง, ธรรมไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร สำหรับเรื่องกรรม และผลของกรรมนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียด ควรที่จะศึกษาให้เข้าใจ
เพราะเหตุว่าไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าแต่ละบุคคลย่อมมีกุศลกรรม อกุศลกรรม
ตามการสะสม และมีการได้รับผลของกรรม ด้วย เมื่อศึกษาพระธรรมไปตามลำดับก็จะมีความเข้าใจ ว่า
เจตนาเป็นกรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง
เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป แต่สะสมอยู่ในจิตทุก ๆ ขณะ กรรมที่ได้กระทำแล้ว ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม
เมื่อได้โอกาสที่จะทำให้ผลเกิดขึ้นผลก็เกิดขึ้น ตามสมควรแก่เหตุ เริ่มตั้งแต่จิตขณะแรกในภพนี้ชาตินี้(ปฏิสนธิจิต) ก็เป็นผลของกรรม ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นผลของกุศลกรรม
แต่ถ้าเกิดในนรก อย่างเช่นพระเทวทัต เป็นต้น ย่อมเป็นผลของอกุศลกรรม ซึ่งไม่มีใครทำ ให้เลย แต่ต้องเป็นไปตามกรรมที่ตนเองได้กระทำไว้ นอกจากนั้นแล้ว ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ที่น่าปรารถนาบ้าง ไม่น่าปรารถนาบ้าง
ล้วนเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว ทั้งนั้น เมื่อได้ศึกษาอย่างนี้แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะสะสมแต่สิ่งที่ดีงามในชีวิตประจำวัน ไม่ละเลยโอกาสของการทำความดี แม้ว่าจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ในทางตรงกันข้าม อกุศล ซึ่งเป็นความชั่วทั้งหลาย ไม่ควรที่จะสะสมให้มีมากขึ้น ควรถอยกลับจากอกุศลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้
ประการที่สำคัญต้องอาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน จึงจะเป็นเหตุให้กุศลธรรมเจริญขึ้น และทำให้อกุศลเสื่อมลงได้.
**ท่านที่สนใจสามารถติดต่อสอบถาม สนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องยิ่งขึ้น
ได้ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
เลขที่ ๑๗๔/๑ ซอยเจริญนคร ๗๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ๑๐๖๐๐
โทรศัพท์ ๐๒๔๖๘ ๐๒๓๙ และที่
www.dhammahome.com **