ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 06:25:37 am »ไปต่างประเทศนานเกินรอ ไม่ยอมกลับขอหย่าได้หรือไม่/มังกรซ่อนกาย
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2554 14:54 น.
สังคมไทยทุกวันนี้สามีภริยาต่างต้องช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงชีพ ซึ่งบางครอบครัวออกไปช่วยกันทำงานแต่พอเลิกงานก็ได้พบปะกัน บางครอบครัวสามีอยู่ทางภริยาอยู่ทาง แต่หากเข้าใจกันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดความไม่เข้าใจกัน ปัญหาอาจตามมาได้ แล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร เรื่องทำนองอย่างนี้มีข้อเท็จจริงมานำเสนอให้ทุกท่านได้พิจารณา กล่าวคือ นางเขียวหวานเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายไข่ดาว มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ เด็กหญิงน้ำตาล อายุ 3 ปี กับเด็กหญิงน้ำผึ้ง อายุ 4 ปี นายไข่ดาวรับราชการอยู่กรมที่ดินกรุงเทพมหานคร ส่วนนางเขียวหวานขายอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้าน ในปี 2540 นางห่อหมก พี่สาวของนางเขียวหวาน ชวนนางเขียวหวานไปขายอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น นางเขียวหวานจึงตกลงกับนายไข่ดาวสามีว่าจะไปช่วยพี่สาวขายอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น จะได้มีรายได้มาก ๆ เก็บไว้ส่งลูกเรียน นายไข่ดาวไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะบุตรทั้งสองก็ยังเล็กเกรงว่าตนเองจะดูแลไม่ไหว แต่ไม่อาจทัดทานนางเขียนหวานได้
ช่วงปีแรก นางเขียวหวานแจ้งให้นายไข่ดาวทราบทางโทรศัพท์ว่าตนเองอยู่ที่ใดกับใครและมีรายได้จากการทำงานจำนวนเท่าใด นางเขียวหวานทำงานได้ 2 ปี นายไข่ดาวได้มีโอกาสไปราชการดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2542 นายไข่ดาวแวะไปพบนางเขียวหวานและได้พูดจากับนางเขียวหวานว่า นางเขียวหวานมาทำงานร่วม 2 ปีแล้ว ขอให้กลับบ้านที่ประเทศไทย เพื่อมาช่วยดูแลบุตร และกลับไปอยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัว แต่นางเขียวหวานยืนกรานจะขอทำงานหาเงินต่อไป เพราะมีรายได้มากกว่าอยู่ประเทศไทย เมื่อนายไข่ดาวกลับประเทศไทย นางเขียนหวานโทรกลับมาที่บ้านบางครั้ง
ต่อมาในปี 2543 นางเขียวหวานโทรมาหานายไข่ดาว นายไข่ดาวได้พูดยืนยันกับนางเขียวหวานว่าไปทำงานนานแล้ว ตนลำบากมากขอให้นางเขียวหวานกลับมาดูแลครอบครัว หากไม่กลับมาและยืนยันที่จะทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้ตนลำบากต่อไปแล้ว นายไข่ดาวจะขอหย่ากับนางเขียวหวาน หลังจากนั้น นางเขียนหวานก็ไม่ติดต่อกับนายไข่ดาวอีก และนายไข่ดาวก็ไม่สามารถติดต่อกับนางเขียวหวานได้ เพราะนางเขียวหวานเปลี่ยนร้านที่ทำงานอยู่เสมอ เมื่อถึงกลางปี 2544 นายไข่ดาวจึงยื่นฟ้องหย่านางเขียวหวาน อ้างว่านางเขียวหวานจงใจทิ้งร้างนายไข่ดาวเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี และไม่ช่วยอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ ขอให้ผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของนายไข่ดาวแต่ผู้เดียว นางเขียวหวานให้การต่อสู้ว่า การไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นตนได้เคยตกลงกับนายไข่ดาวแล้วก่อนไป นายไข่ดาวมิได้ห้ามปราม นายไข่ดาวยังเคยไปเยี่ยมที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย นางเขียวหวานได้ส่งเงินมาให้นายไข่ดาว และอุปการะบุตรตลอดมาไม่เคยทิ้งร้างนายไข่ดาว ขอให้ยกฟ้อง ส่วนบุตรทั้งสองคนเป็นผู้หญิงและยังเป็นผู้เยาว์อยู่ การอยู่ในอำนาจปกครองของนางเขียวหวานผู้เป็นมารดาจะดูแลได้ดีกว่า และนางเขียวหวานมีรายได้มากกว่านายไข่ดาว สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ให้ได้รับการศึกษาที่ดีกว่านายไข่ดาว ขอให้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองอยู่กับนางเขียวหวาน ในชั้นสืบพยานปากนางเขียวหวาน นางเขียวหวานไม่มาสืบพยานด้วยตัวเอง อ้างว่าไม่สามารถเดินทางกลับได้ทัน ปัญหาดังกล่าว ศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร
เห็นได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏแม้เมื่อนางเขียวหวานไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วช่วงแรกนายไข่ดาวไม่มีพฤติการณ์คัดค้าน แต่ในช่วงหลัง คือ หลังจากที่นางเขียวหวานไปทำงานอยู่ประมาณ 2 ปี นายไข่ดาวได้ขอร้องให้นางเขียวหวานกลับมาดูแลครองครัวโดยตลอด พฤติการณ์ของนายไข่ดาวช่วงหลังแสดงว่า นายไข่ดาวไม่ยินยอมให้นางเขียวหวานทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป แม้นายไข่ดาวจะขอให้กลับหลายครั้ง นางเขียวหวานก็ยังเพิกเฉย นอกจากนั้น เมื่อนายไข่ดาวฟ้องหย่าเป็นคดีนี้ นางเขียวหวานกลับมอบอำนาจให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินคดีแทน และในวันสืบพยานปากนางเขียวหวาน ทนายได้แจ้งให้นางเขียวหวานทราบถึงเหตุที่ต้องมาเบิกความด้วยตนเอง แต่นางเขียวหวานยังคงยืนยันว่าไม่สามารถมาเบิกความได้ตามที่ทนายความแจ้งให้ทราบแล้ว
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏดังกล่าวแสดงให้เห็นพฤติการณ์ของนางเขียวหวานว่า นางเขียวหวานจงใจทิ้งร้างนายไข่ดาวไปเกินกว่า 1 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่นายไข่ดาวขอให้นางเขียวหวานกลับมาอยู่กับนายไข่ดาวที่ประเทศไทยเป็นต้นมา แต่นางเขียวหวานประสงค์ที่จะทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป โดยไม่สนใจที่จะกลับมาดูแลบุตรและอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภริยากับนายไข่ดาวอีกต่อไป นายไข่ดาวจึงฟ้องหย่านางเขียวหวานได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4) ส่วนเด็กหญิงน้ำตาลและเด็กหญิงน้ำผึ้งยังเป็นผู้เยาว์และอยู่ในความอุปการะของนายไข่ดาวมาโดยตลอด นายไข่ดาวประกอบอาชีพรับราชการอันเป็นอาชีพที่มั่นคง ส่วนนางเขียวหวานทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ทิ้งบุตรทั้งสองให้อยู่ในความปกครองของนายไข่ดาวกว่า 4 ปีแล้ว เมื่อคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดอันจะเกิดแก่ผู้เยาว์ทั้งสองในปัจจุบันและอนาคต จึงควรให้นายไข่ดาวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแต่ผู้เดียว ศาลจึงพิพากษาให้นายไข่ดาวและนางเขียวหวานหย่าขาดจากกัน ให้นายไข่ดาวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงน้ำตาลและเด็กหญิงน้ำผึ้งแต่เพียงผู้เดียว (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 6948/2550)
สรุปการหาเงินได้มากเท่าใดก็ไม่สำคัญไปกว่าการได้อยู่กันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น อย่างพอเพียง
hiddendragon2552@gmail.com
.
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000065948
.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มิถุนายน 2554 14:54 น.
สังคมไทยทุกวันนี้สามีภริยาต่างต้องช่วยกันทำมาหากินเลี้ยงชีพ ซึ่งบางครอบครัวออกไปช่วยกันทำงานแต่พอเลิกงานก็ได้พบปะกัน บางครอบครัวสามีอยู่ทางภริยาอยู่ทาง แต่หากเข้าใจกันก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกิดความไม่เข้าใจกัน ปัญหาอาจตามมาได้ แล้วจะแก้ปัญหากันอย่างไร เรื่องทำนองอย่างนี้มีข้อเท็จจริงมานำเสนอให้ทุกท่านได้พิจารณา กล่าวคือ นางเขียวหวานเป็นภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของนายไข่ดาว มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ เด็กหญิงน้ำตาล อายุ 3 ปี กับเด็กหญิงน้ำผึ้ง อายุ 4 ปี นายไข่ดาวรับราชการอยู่กรมที่ดินกรุงเทพมหานคร ส่วนนางเขียวหวานขายอาหารตามสั่งอยู่ที่บ้าน ในปี 2540 นางห่อหมก พี่สาวของนางเขียวหวาน ชวนนางเขียวหวานไปขายอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น นางเขียวหวานจึงตกลงกับนายไข่ดาวสามีว่าจะไปช่วยพี่สาวขายอาหารที่ประเทศญี่ปุ่น จะได้มีรายได้มาก ๆ เก็บไว้ส่งลูกเรียน นายไข่ดาวไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะบุตรทั้งสองก็ยังเล็กเกรงว่าตนเองจะดูแลไม่ไหว แต่ไม่อาจทัดทานนางเขียนหวานได้
ช่วงปีแรก นางเขียวหวานแจ้งให้นายไข่ดาวทราบทางโทรศัพท์ว่าตนเองอยู่ที่ใดกับใครและมีรายได้จากการทำงานจำนวนเท่าใด นางเขียวหวานทำงานได้ 2 ปี นายไข่ดาวได้มีโอกาสไปราชการดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในปี 2542 นายไข่ดาวแวะไปพบนางเขียวหวานและได้พูดจากับนางเขียวหวานว่า นางเขียวหวานมาทำงานร่วม 2 ปีแล้ว ขอให้กลับบ้านที่ประเทศไทย เพื่อมาช่วยดูแลบุตร และกลับไปอยู่พร้อมหน้ากันเป็นครอบครัว แต่นางเขียวหวานยืนกรานจะขอทำงานหาเงินต่อไป เพราะมีรายได้มากกว่าอยู่ประเทศไทย เมื่อนายไข่ดาวกลับประเทศไทย นางเขียนหวานโทรกลับมาที่บ้านบางครั้ง
ต่อมาในปี 2543 นางเขียวหวานโทรมาหานายไข่ดาว นายไข่ดาวได้พูดยืนยันกับนางเขียวหวานว่าไปทำงานนานแล้ว ตนลำบากมากขอให้นางเขียวหวานกลับมาดูแลครอบครัว หากไม่กลับมาและยืนยันที่จะทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้ตนลำบากต่อไปแล้ว นายไข่ดาวจะขอหย่ากับนางเขียวหวาน หลังจากนั้น นางเขียนหวานก็ไม่ติดต่อกับนายไข่ดาวอีก และนายไข่ดาวก็ไม่สามารถติดต่อกับนางเขียวหวานได้ เพราะนางเขียวหวานเปลี่ยนร้านที่ทำงานอยู่เสมอ เมื่อถึงกลางปี 2544 นายไข่ดาวจึงยื่นฟ้องหย่านางเขียวหวาน อ้างว่านางเขียวหวานจงใจทิ้งร้างนายไข่ดาวเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี และไม่ช่วยอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ ขอให้ผู้เยาว์อยู่ในอำนาจปกครองของนายไข่ดาวแต่ผู้เดียว นางเขียวหวานให้การต่อสู้ว่า การไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นตนได้เคยตกลงกับนายไข่ดาวแล้วก่อนไป นายไข่ดาวมิได้ห้ามปราม นายไข่ดาวยังเคยไปเยี่ยมที่ประเทศญี่ปุ่นด้วย นางเขียวหวานได้ส่งเงินมาให้นายไข่ดาว และอุปการะบุตรตลอดมาไม่เคยทิ้งร้างนายไข่ดาว ขอให้ยกฟ้อง ส่วนบุตรทั้งสองคนเป็นผู้หญิงและยังเป็นผู้เยาว์อยู่ การอยู่ในอำนาจปกครองของนางเขียวหวานผู้เป็นมารดาจะดูแลได้ดีกว่า และนางเขียวหวานมีรายได้มากกว่านายไข่ดาว สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ให้ได้รับการศึกษาที่ดีกว่านายไข่ดาว ขอให้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองอยู่กับนางเขียวหวาน ในชั้นสืบพยานปากนางเขียวหวาน นางเขียวหวานไม่มาสืบพยานด้วยตัวเอง อ้างว่าไม่สามารถเดินทางกลับได้ทัน ปัญหาดังกล่าว ศาลจะพิจารณาคดีนี้อย่างไร
เห็นได้ว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏแม้เมื่อนางเขียวหวานไปทำงานที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วช่วงแรกนายไข่ดาวไม่มีพฤติการณ์คัดค้าน แต่ในช่วงหลัง คือ หลังจากที่นางเขียวหวานไปทำงานอยู่ประมาณ 2 ปี นายไข่ดาวได้ขอร้องให้นางเขียวหวานกลับมาดูแลครองครัวโดยตลอด พฤติการณ์ของนายไข่ดาวช่วงหลังแสดงว่า นายไข่ดาวไม่ยินยอมให้นางเขียวหวานทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป แม้นายไข่ดาวจะขอให้กลับหลายครั้ง นางเขียวหวานก็ยังเพิกเฉย นอกจากนั้น เมื่อนายไข่ดาวฟ้องหย่าเป็นคดีนี้ นางเขียวหวานกลับมอบอำนาจให้บุคคลภายนอกเป็นผู้ดำเนินคดีแทน และในวันสืบพยานปากนางเขียวหวาน ทนายได้แจ้งให้นางเขียวหวานทราบถึงเหตุที่ต้องมาเบิกความด้วยตนเอง แต่นางเขียวหวานยังคงยืนยันว่าไม่สามารถมาเบิกความได้ตามที่ทนายความแจ้งให้ทราบแล้ว
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏดังกล่าวแสดงให้เห็นพฤติการณ์ของนางเขียวหวานว่า นางเขียวหวานจงใจทิ้งร้างนายไข่ดาวไปเกินกว่า 1 ปี นับตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งเป็นปีที่นายไข่ดาวขอให้นางเขียวหวานกลับมาอยู่กับนายไข่ดาวที่ประเทศไทยเป็นต้นมา แต่นางเขียวหวานประสงค์ที่จะทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป โดยไม่สนใจที่จะกลับมาดูแลบุตรและอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภริยากับนายไข่ดาวอีกต่อไป นายไข่ดาวจึงฟ้องหย่านางเขียวหวานได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 (4) ส่วนเด็กหญิงน้ำตาลและเด็กหญิงน้ำผึ้งยังเป็นผู้เยาว์และอยู่ในความอุปการะของนายไข่ดาวมาโดยตลอด นายไข่ดาวประกอบอาชีพรับราชการอันเป็นอาชีพที่มั่นคง ส่วนนางเขียวหวานทำงานอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ทิ้งบุตรทั้งสองให้อยู่ในความปกครองของนายไข่ดาวกว่า 4 ปีแล้ว เมื่อคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดอันจะเกิดแก่ผู้เยาว์ทั้งสองในปัจจุบันและอนาคต จึงควรให้นายไข่ดาวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแต่ผู้เดียว ศาลจึงพิพากษาให้นายไข่ดาวและนางเขียวหวานหย่าขาดจากกัน ให้นายไข่ดาวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กหญิงน้ำตาลและเด็กหญิงน้ำผึ้งแต่เพียงผู้เดียว (เทียบเคียงคำพิพากษาฎีกาที่ 6948/2550)
สรุปการหาเงินได้มากเท่าใดก็ไม่สำคัญไปกว่าการได้อยู่กันเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์และอบอุ่น อย่างพอเพียง
hiddendragon2552@gmail.com
.
http://www.manager.co.th/Family/ViewNews.aspx?NewsID=9540000065948
.