ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 08:39:09 am »ภาพพุทธประวัติแบบอินเดีย
ตอนพระบรมโพธิสัตว์จุติลงพระครรภ์มารดา
ภาพแรก พระบรมโพธิสัตว์สันดุสิต รับอาราธนามวลเทพยดาทั้งหลาย
เพื่อจุติลงบนโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
ในตระกูลศากยราช ของพระเจ้าศุทโธนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ตระกูลศากยะราช
ในคืนวันเพ็ญเดือน ๘ พระนางสิริมหามายาผู้จะได้เป็นพระพุทธมารดา
ทรงอธิษฐานสมาทานอุโบสถศีล ในยามใกล้รุ่งได้ทรงสุบินนิมมิตว่า พระยาช้างเผือก
ชูงวงจับดอกบัวขาวที่เพิ่งแย้มบานกลิ่นจากภูเขาทองด้านทิศตะวันออก
ร้องก้องโกญจนาทเดินเข้าไปในวิมาน กระทำประทักษิณาวัตรเวียนพระแท่น ๓ รอบ
วันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๖ ก่อนพระพุทธศักราชพระนางสิริมหามายาทรงประสูติพระโอรส
เมื่อประสูติแล้วทรงมีพระดำเนินได้๗ก้าวทรงเปล่งอภิสวาจาว่าเราเป็นผู้เลิศ
ที่สุดในโลก เราเป็นผู้ที่เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ขึ้นชื่อว่าการเกิดไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว ต่อมาพระเจ้าศุทโธนะ
ทรงขนานนามพระกุมารว่า สิทธัตถะราชกุมาร
เจ้าชายสิทธัตถะหนีงานพืชมงคลแรกนามาเจริญฌาน จนได้ปฐมฌาน
เจ้าชายสิทธัตถะได้ช่วยหงส์ที่เข้าชายเทวทัตต์ยิงได้แต่หงส์ไม่ตาย พระองค์ทรง
ช่วยหงส์นั้นเจ้าชายเทวทัตต์มาเอาหงส์คืนพระองค์ไม่ทรงยอม ทรงเห็นว่าผู้ให้ชีวิตควร
มีสิทธิ์เป็นเจ้าของชีวิตภายหลังนักปราชญ์ทั้งหลายประชุมกันแล้ว เห็นชอบกับ
วาทะสิทธัตถะราชกุมาร จึงตัดสินให้หงษ์เป็นของราชกุมารสิทธัตถะ
เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพาแห่งโกลิยวงศ์
กรุงเทวทหะ ต่อมา
เสด็จชมเมืองทรงเห็นแก่เจ็บตายและสมณะจึงทรงมีพระทัยที่จะหาทางออกดับทุกข์
เจ้าชายสิทธัตถะทรงทราบว่าพระชายาทรงมีพระราชโอรส จึงทรงตรัสว่า
ราหุลัง พันธนัง ชาตัง บ่วงเกิดแล้วหนอ พระราชโอรสจึงชื่อว่าราหุล เจ้าชายเห็นว่า
โลกนี้ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ จึงจะเสด็จออก
มหาภิเนษกรม (บรรพชา) ทรงเข้าไปดูหน้าลูกเมียก่อนเสด็จออกบรรพชา
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสด็จหนีออกบรรพชา
โดยขี่ม้ากัณฐกะ และนายฉันนะตามเสด็จออกมาจากกรุงกบิลพัสดุ์
เมื่อถึงฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เจ้าชายทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต โดยให้นายฉันนะ
นำเครื่องทรงกษัตริย์กลับไปกบิลพัสดุ์ แล้วทรงใช้พระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี
แล้วทรงเสี่ยงทายว่าหากจะได้สำเร็จพระโพธิญาณขอให้พระเมาลีจงลอยในอากาศ
อย่าตกลงมา ต่อมาพระอินทร์ได้เอาพาน
มารองรับพระเมาลีไปประดิษฐานที่จุฬามณีเจดีย์สถานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
-http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=5686.0
-http://hoahaotanchau.forumotion.com/t11-topic
ตอนพระบรมโพธิสัตว์จุติลงพระครรภ์มารดา
ภาพแรก พระบรมโพธิสัตว์สันดุสิต รับอาราธนามวลเทพยดาทั้งหลาย
เพื่อจุติลงบนโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญพระโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า
ในตระกูลศากยราช ของพระเจ้าศุทโธนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ตระกูลศากยะราช
ในคืนวันเพ็ญเดือน ๘ พระนางสิริมหามายาผู้จะได้เป็นพระพุทธมารดา
ทรงอธิษฐานสมาทานอุโบสถศีล ในยามใกล้รุ่งได้ทรงสุบินนิมมิตว่า พระยาช้างเผือก
ชูงวงจับดอกบัวขาวที่เพิ่งแย้มบานกลิ่นจากภูเขาทองด้านทิศตะวันออก
ร้องก้องโกญจนาทเดินเข้าไปในวิมาน กระทำประทักษิณาวัตรเวียนพระแท่น ๓ รอบ
วันขึ้น๑๕ค่ำเดือน๖ ก่อนพระพุทธศักราชพระนางสิริมหามายาทรงประสูติพระโอรส
เมื่อประสูติแล้วทรงมีพระดำเนินได้๗ก้าวทรงเปล่งอภิสวาจาว่าเราเป็นผู้เลิศ
ที่สุดในโลก เราเป็นผู้ที่เจริญที่สุดในโลก เราเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา ขึ้นชื่อว่าการเกิดไม่มีสำหรับเราอีกแล้ว ต่อมาพระเจ้าศุทโธนะ
ทรงขนานนามพระกุมารว่า สิทธัตถะราชกุมาร
เจ้าชายสิทธัตถะหนีงานพืชมงคลแรกนามาเจริญฌาน จนได้ปฐมฌาน
เจ้าชายสิทธัตถะได้ช่วยหงส์ที่เข้าชายเทวทัตต์ยิงได้แต่หงส์ไม่ตาย พระองค์ทรง
ช่วยหงส์นั้นเจ้าชายเทวทัตต์มาเอาหงส์คืนพระองค์ไม่ทรงยอม ทรงเห็นว่าผู้ให้ชีวิตควร
มีสิทธิ์เป็นเจ้าของชีวิตภายหลังนักปราชญ์ทั้งหลายประชุมกันแล้ว เห็นชอบกับ
วาทะสิทธัตถะราชกุมาร จึงตัดสินให้หงษ์เป็นของราชกุมารสิทธัตถะ
เจ้าชายสิทธัตถะทรงอภิเษกสมรสกับพระนางยโสธราพิมพาแห่งโกลิยวงศ์
กรุงเทวทหะ ต่อมา
เสด็จชมเมืองทรงเห็นแก่เจ็บตายและสมณะจึงทรงมีพระทัยที่จะหาทางออกดับทุกข์
เจ้าชายสิทธัตถะทรงทราบว่าพระชายาทรงมีพระราชโอรส จึงทรงตรัสว่า
ราหุลัง พันธนัง ชาตัง บ่วงเกิดแล้วหนอ พระราชโอรสจึงชื่อว่าราหุล เจ้าชายเห็นว่า
โลกนี้ไม่เที่ยงเป็นทุกข์ จึงจะเสด็จออก
มหาภิเนษกรม (บรรพชา) ทรงเข้าไปดูหน้าลูกเมียก่อนเสด็จออกบรรพชา
เจ้าชายสิทธัตถะทรงเสด็จหนีออกบรรพชา
โดยขี่ม้ากัณฐกะ และนายฉันนะตามเสด็จออกมาจากกรุงกบิลพัสดุ์
เมื่อถึงฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา เจ้าชายทรงอธิษฐานเพศเป็นบรรพชิต โดยให้นายฉันนะ
นำเครื่องทรงกษัตริย์กลับไปกบิลพัสดุ์ แล้วทรงใช้พระขรรค์แก้วตัดพระเมาลี
แล้วทรงเสี่ยงทายว่าหากจะได้สำเร็จพระโพธิญาณขอให้พระเมาลีจงลอยในอากาศ
อย่าตกลงมา ต่อมาพระอินทร์ได้เอาพาน
มารองรับพระเมาลีไปประดิษฐานที่จุฬามณีเจดีย์สถานในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
-http://www.buddhakhun.org/main//index.php?topic=5686.0
-http://hoahaotanchau.forumotion.com/t11-topic