ข้อความโดย: แปดคิว
« เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2011, 08:45:32 pm »พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตโล)
“เม้จะจบพระไตรปิฎกหมดแล้ว จำพระธรรมะได้มากมาย มีคนเคารพนับถือมาก ทำการก่อสร้างวัตถุได้อย่างมากมาย หรือสามารถอธิบายถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างละเอียดแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังประมาทอยู่ ก็ยังถือว่าไม่ได้รสชาติของพระพุทธศาสนาแต่ประการใด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของภายนอกเท่านั้น เมื่อพูดถึงประโยชน์ก็เป็นประโยชน์ภายนอก คือเป็นไปเพื่อสงเคราะห์สังคม เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เพื่อสงเคราะห์อนุชนรุ่นหลัง หรือเพื่อสัญลักษณ์ของศาสนวัตถุ ส่วนประโยชน์ของตนที่แท้จรองนั้นคือ ความพ้นทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรุ้จิตเหนึ่ง
จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลที่อันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตแป็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเป็นจิต เป็นนิโรธ
ขอให้เลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวไว้ว่า คลองแห่งคำพูดได้ถูกตัดขาดไปแล้ว พิษของจิตก็ได้ถูดถอนขึ้นจนหมดสิ้น จิตในจิตก็จะเหลือแต่ความบริสุทธิ์ ซึ่งมีอยุ่ประจำอยู่แล้วในทุกคน”
“เม้จะจบพระไตรปิฎกหมดแล้ว จำพระธรรมะได้มากมาย มีคนเคารพนับถือมาก ทำการก่อสร้างวัตถุได้อย่างมากมาย หรือสามารถอธิบายถึงอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างละเอียดแค่ไหนก็ตาม ถ้ายังประมาทอยู่ ก็ยังถือว่าไม่ได้รสชาติของพระพุทธศาสนาแต่ประการใด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของภายนอกเท่านั้น เมื่อพูดถึงประโยชน์ก็เป็นประโยชน์ภายนอก คือเป็นไปเพื่อสงเคราะห์สังคม เพื่อสงเคราะห์ผู้อื่น เพื่อสงเคราะห์อนุชนรุ่นหลัง หรือเพื่อสัญลักษณ์ของศาสนวัตถุ ส่วนประโยชน์ของตนที่แท้จรองนั้นคือ ความพ้นทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้ก็ต่อเมื่อรุ้จิตเหนึ่ง
จิตที่ส่งออกนอก เป็นสมุทัย
ผลที่อันเกิดจากจิตที่ส่งออกนอก เป็นทุกข์
จิตแป็นจิต เป็นมรรค
ผลอันเกิดจากจิตเป็นจิต เป็นนิโรธ
ขอให้เลิกละการคิดและการอธิบายเสียให้หมดสิ้น เมื่อนั้นเราอาจกล่าวไว้ว่า คลองแห่งคำพูดได้ถูกตัดขาดไปแล้ว พิษของจิตก็ได้ถูดถอนขึ้นจนหมดสิ้น จิตในจิตก็จะเหลือแต่ความบริสุทธิ์ ซึ่งมีอยุ่ประจำอยู่แล้วในทุกคน”