ข้อความโดย: ดอกไม้ในที่ลับตา ~ ღ
« เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 06:39:36 pm »มีพุทธวจนะ อริยะเจ้า ท่านเคยกล่าวเมตตาสอนว่า :
" พึงทำจิตให้ ไร้ยึดติด ใน สภาวะใดๆ ..หาก ขจัดทิ้งซึ่ง ๓ จิต ๔ รูปลักษณ์ ได้ ..จิตย่อมสงบ ใส เย็น หวนคืนเช่น แท้เดิมมา " ..
อัน ๓ จิต นั้น ประกอบไปด้วย
• จิตอดีต - หมายถึง จิตที่จดจำ ระลึกถึงเรื่องราวทั้งร้ายดีที่ผ่านมา ณ.วันวาน ในอดีต โดยมากสิ่งที่ระลึกได้หมายจำ จะ จมจ่มอยู่นั้น มักเป็น สิ่งที่ไม่ดี เป็นเรื่องร้าย ฝังใจ กลัว หรือ โกรธ แค้น อาฆาต พยาบาท รวมไปสิ่งเรื่องที่ใครมาทำร้ายเรา/คนที่เรารักให้เจ็บช้ำน้ำใจ อย่างแสนสาหัส ... ซึ่งอันที่จริง ควรละวาง ได้ตั้งนานแล้ว ปล่อยให้มันผ่านไป เพราะจริงๆ เรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้นได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว หรือ อาจผ่านมาเป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว .. แต่ จิตใจเรานั่นแหละค่ะ ที่กำไว้ กดมันไว้ กักเก็บมันไว้ ..เพื่อขุดมาทำร้ายตัวเอง ...ทั้งๆที่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว และไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว ... หากเลือกที่เก็บแล้ว ต้องเก็บอย่างมีปัญญา มีศิลปะ คือ เก็บแบบ" จำ" แต่ " ไม่จม" .. เท่านั้นจึงจะทำให้เราเก็บอดีตไว้ได้โดยไม่ทำร้ายจิตตัวเอง .. แต่ตรงกันข้าม " เก็บไว้" เป็นเครื่องเตือนสติ เป็นครูสอนใจ ..และ นำไป แบ่งปันแชร์เป็นประการณ์ชี้แนะ ช่วยเหลือผู้อื่นที่เคยประสบความทุกข์เช่นเราในอดีต .. เช่นนี้ จิตจึงจะไม่หลงย้อน กลับไปติดยึดในอดีต ความทุกข์ ความเจ็บปวดที่ผ่านมา ..
• จิตปัจจุบัน - หมายถึงจิตตอนที่เรากำลังดำเนินชีวิตเรื่องราว สิ่งต่างๆ ณ. วันนี้ .. แต่เหตุใดท่าน จึงสอนว่า มิให้ยึด /หรือ ยึดปัจจุบันก็ไม่ดี ก็ไม่ได้ เพราะอะไร เหตุใดกันหนอ? .. เพราะ หากเรายึด/ติดอยู่ในจิตปัจจุบัน .. และยึดมากอาจมากเกินไปจนไม่รู้ตัวแล้ว หากว่าจู่ๆ เรื่องราวหรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิด ไม่พึงปรารถนา ไม่อยากที่จะให้เกิด แต่ใครเล่าจะห้ามได้ .. เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า "สรรพสิ่ง ใดใดในโลกนี้ ล้วนอนิจจัง" .. ความแน่นอน ก็คือ ความไม่แน่นอน .. ไม่มีผู้ใดที่จะคาดเดาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของตน .. ถ้ายึดปัจจุบัน มากเกินไป ..ก็จะทำให้ ทำใจไม่ได้ หรือ อาจขาดสติ ...ถ้าเกิด สิ่งไม่คาดคิดในชีวิตเรา/คนรอบข้างที่เรารัก ห่วงใย ขึ้นแบบฉับพลัน ปัจจุบันทันด่วน ..ดังนั้นแล้ว พึงมีสติอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็อย่ายึดมั่น ถือมั่น จนเกินไป .. พร้อมที่จะทำใจวางอุเบกขา และ มีสติรับมือกับทุกเรื่องราวที่อาจผ่านเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวให้จงได้เสมอ..
• จิตอนาคต - หมายถึงจิตในกาลเวลาในวันข้างหน้า เรื่องราว/สิ่งใดๆที่ยังมาไม่ถึง .. ของวันพรุ่งนี้ และ วันต่อๆไป .. จึงมิต้องไปกังวล ยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้อง เพ้อฝัน ตีตนไปก่อนไข้ .. หรือ มุ่งหวังว่า คาดว่า จะเกิดสิ่งใด หรือ ทำอะไร .. เพราะเรามิอาจล่วงรู้ได้ จะเกิดอะไรขึ้น หรือ "จะมีพรุ่งนี้" สำหรับเรา หรือเปล่า? ก็ยังไม่แน่ อีกเช่นกัน .. ดังนั้น จิตนี้ ก็ ยึดไม่ได้อีก .. แล้ว เราควร อยู่กะจิตแบบไหนเล่า เพราะ ทั้ง๓จิต ล้วนอยู่ไม่ได้ .. เอาละสิคะ .. เริ่มงง กันแล้วใช่ป่ะคะ .. ไม่ต้องคิด/งง นาน ค่ะ .. เพราะ จะเฉลย ให้ฟัง เดี๋ยวนี้แล้วค่ะ ว่า คำตอบคือ " จิต ณ.ขณะนั้น" หรือ "จิตว่าง" .. (เป็นจิตปัจจุบันขณะ ที่ซ้อน คำว่า "จิตปัจจุบันกาล" อีกทีค่ะ) ... เพราะ คำว่า " จิต ณ.ขณะนั้น" ขณะนี้ ตรงนี้ หรือ เรียกเป็นภาษาธรรมะ ว่า "จิตว่าง" คือ ว่างจาก ความคิด และ การยึดติดใน ทั้งจิต๓ สภาวะกาณณ์ข้างต้น ( คือ ว่าง/ไร้ทั้ง จิตอดีต , จิตปัจจุบัน และ จิตอนาคต..) เพราะเจ้าจิตว่างนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รวดเร็วดุจไร้กาลเวลาค่ะ ..
" พึงทำจิตให้ ไร้ยึดติด ใน สภาวะใดๆ ..หาก ขจัดทิ้งซึ่ง ๓ จิต ๔ รูปลักษณ์ ได้ ..จิตย่อมสงบ ใส เย็น หวนคืนเช่น แท้เดิมมา " ..
อัน ๓ จิต นั้น ประกอบไปด้วย
• จิตอดีต - หมายถึง จิตที่จดจำ ระลึกถึงเรื่องราวทั้งร้ายดีที่ผ่านมา ณ.วันวาน ในอดีต โดยมากสิ่งที่ระลึกได้หมายจำ จะ จมจ่มอยู่นั้น มักเป็น สิ่งที่ไม่ดี เป็นเรื่องร้าย ฝังใจ กลัว หรือ โกรธ แค้น อาฆาต พยาบาท รวมไปสิ่งเรื่องที่ใครมาทำร้ายเรา/คนที่เรารักให้เจ็บช้ำน้ำใจ อย่างแสนสาหัส ... ซึ่งอันที่จริง ควรละวาง ได้ตั้งนานแล้ว ปล่อยให้มันผ่านไป เพราะจริงๆ เรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้นได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว หรือ อาจผ่านมาเป็นเวลาเนิ่นนานมากแล้ว .. แต่ จิตใจเรานั่นแหละค่ะ ที่กำไว้ กดมันไว้ กักเก็บมันไว้ ..เพื่อขุดมาทำร้ายตัวเอง ...ทั้งๆที่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว และไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีกแล้ว ... หากเลือกที่เก็บแล้ว ต้องเก็บอย่างมีปัญญา มีศิลปะ คือ เก็บแบบ" จำ" แต่ " ไม่จม" .. เท่านั้นจึงจะทำให้เราเก็บอดีตไว้ได้โดยไม่ทำร้ายจิตตัวเอง .. แต่ตรงกันข้าม " เก็บไว้" เป็นเครื่องเตือนสติ เป็นครูสอนใจ ..และ นำไป แบ่งปันแชร์เป็นประการณ์ชี้แนะ ช่วยเหลือผู้อื่นที่เคยประสบความทุกข์เช่นเราในอดีต .. เช่นนี้ จิตจึงจะไม่หลงย้อน กลับไปติดยึดในอดีต ความทุกข์ ความเจ็บปวดที่ผ่านมา ..
• จิตปัจจุบัน - หมายถึงจิตตอนที่เรากำลังดำเนินชีวิตเรื่องราว สิ่งต่างๆ ณ. วันนี้ .. แต่เหตุใดท่าน จึงสอนว่า มิให้ยึด /หรือ ยึดปัจจุบันก็ไม่ดี ก็ไม่ได้ เพราะอะไร เหตุใดกันหนอ? .. เพราะ หากเรายึด/ติดอยู่ในจิตปัจจุบัน .. และยึดมากอาจมากเกินไปจนไม่รู้ตัวแล้ว หากว่าจู่ๆ เรื่องราวหรือเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่คาดคิด ไม่พึงปรารถนา ไม่อยากที่จะให้เกิด แต่ใครเล่าจะห้ามได้ .. เพราะเป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่า "สรรพสิ่ง ใดใดในโลกนี้ ล้วนอนิจจัง" .. ความแน่นอน ก็คือ ความไม่แน่นอน .. ไม่มีผู้ใดที่จะคาดเดาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นกับชีวิตของตน .. ถ้ายึดปัจจุบัน มากเกินไป ..ก็จะทำให้ ทำใจไม่ได้ หรือ อาจขาดสติ ...ถ้าเกิด สิ่งไม่คาดคิดในชีวิตเรา/คนรอบข้างที่เรารัก ห่วงใย ขึ้นแบบฉับพลัน ปัจจุบันทันด่วน ..ดังนั้นแล้ว พึงมีสติอยู่กับปัจจุบัน แต่ก็อย่ายึดมั่น ถือมั่น จนเกินไป .. พร้อมที่จะทำใจวางอุเบกขา และ มีสติรับมือกับทุกเรื่องราวที่อาจผ่านเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัวให้จงได้เสมอ..
• จิตอนาคต - หมายถึงจิตในกาลเวลาในวันข้างหน้า เรื่องราว/สิ่งใดๆที่ยังมาไม่ถึง .. ของวันพรุ่งนี้ และ วันต่อๆไป .. จึงมิต้องไปกังวล ยึดเหนี่ยวเกี่ยวข้อง เพ้อฝัน ตีตนไปก่อนไข้ .. หรือ มุ่งหวังว่า คาดว่า จะเกิดสิ่งใด หรือ ทำอะไร .. เพราะเรามิอาจล่วงรู้ได้ จะเกิดอะไรขึ้น หรือ "จะมีพรุ่งนี้" สำหรับเรา หรือเปล่า? ก็ยังไม่แน่ อีกเช่นกัน .. ดังนั้น จิตนี้ ก็ ยึดไม่ได้อีก .. แล้ว เราควร อยู่กะจิตแบบไหนเล่า เพราะ ทั้ง๓จิต ล้วนอยู่ไม่ได้ .. เอาละสิคะ .. เริ่มงง กันแล้วใช่ป่ะคะ .. ไม่ต้องคิด/งง นาน ค่ะ .. เพราะ จะเฉลย ให้ฟัง เดี๋ยวนี้แล้วค่ะ ว่า คำตอบคือ " จิต ณ.ขณะนั้น" หรือ "จิตว่าง" .. (เป็นจิตปัจจุบันขณะ ที่ซ้อน คำว่า "จิตปัจจุบันกาล" อีกทีค่ะ) ... เพราะ คำว่า " จิต ณ.ขณะนั้น" ขณะนี้ ตรงนี้ หรือ เรียกเป็นภาษาธรรมะ ว่า "จิตว่าง" คือ ว่างจาก ความคิด และ การยึดติดใน ทั้งจิต๓ สภาวะกาณณ์ข้างต้น ( คือ ว่าง/ไร้ทั้ง จิตอดีต , จิตปัจจุบัน และ จิตอนาคต..) เพราะเจ้าจิตว่างนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ รวดเร็วดุจไร้กาลเวลาค่ะ ..