ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 11, 2011, 01:14:39 pm »





ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 09, 2011, 07:17:14 pm »





 :12:  :06:

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 06:17:45 am »




คำสอน..ของแม่




เสียงที่เคยได้ฟังยังคงอยู่
เฝ้าอุ้มชูเลี้ยงดูมิรู้หน่าย
คอยฟูมฟักด้วยรักลูกมากมาย
มิท้อใจขอให้ลูกได้ดี




ความฉลาดแม่อาจวาดไม่ได้
ลูกต้องใช้หัวใจใส่แต้มสี
ประสบการณ์ก้าวผ่านเนิ่นนานมี
ทางวิถีแห่งชีวีที่มีมา




แม่อยากให้ใจลูกคิดถูกต้อง
จงไตร่ตรองพิศมองผองปัญหา
ทางสายกลางคือทางสร้างปัญญา
รักศรัทธาความดีที่เจ้าทำ



เมื่อลูกเห็นใครลำเค็ญอย่าเข่นข้อง
เข้าทำนองไม้ล้มก้มเหยียบย่ำ
เฝ้าคิดร้ายกับใครไม่ควรทำ
ลูกจงจำถ้อยคำแม่ย้ำเตือน




จงก้าวเดินเผชิญจิตลองผิดถูก
เมื่อคิดผูกต้องลุกกระตุกเงื่อน
ด้วยตัวเราเท่านั้นอย่าฟั่นเฟือน
หากเลอะเลือน เงื่อนตายได้อายตัว




จงเรียนรู้สร้างทางอย่างอดกลั้น
มิหวาดหวั่นวิตกอกสลัว     
ใช้สมองตรองพิศอย่าคิดกลัว
ดีหรือชั่วตัวเราย่อมเข้าใจ




ลูกมีสิทธิ์ คิดฝันทุกวันวี่
แต้มชีวีสีสันอันสดใส
แม้นไม่อาจวาดฝันได้ทันใด
สู้ต่อไปอย่าแพ้แก่ใจตน   




ยามใดสุขเผื่อทุกข์เข้าปลุกปลอบ
นี่คือกรอบครอบใจได้ทุกหน
ทางชีวิตลิขิตวางอย่างแยบยล
เพื่อหลุดพ้นกิเลสทุกเภทภัย




           แม่อยากให้ยิ้มไว้ทั่วใบหน้า             
ใครว่าบ้าอย่างงและสงสัย     
        ยิ้มชื่นบานยิ้มได้ไม่อายใคร       
ยิ้มสดใสนำชีวิตจิตเบิกบาน




มีสิ่งหนึ่งพึงจำในคำแม่
ความจริงแท้แน่วแน่ไม่แปรผัน
พูดโกหกเหมือนตกนรกพลัน
ทุกข์อนันต์มหันต์ภัยดั่งไฟฟอน




กำลังใจแม่ให้ไม่มีหมด
มิเลี้ยวลดจำจดทุกบทสอน
พระคุณแม่จริงแท้และแน่นอน
ประนมกรอ่อนแนบแทบเท้าเอย



โดย... เทียนหยด






 :14:  ถ้าทำดีไม่ได้ก็อายลิง...

http://www.thaipoem.com/forever/ipage/poem127773.html
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 05:56:31 am »

:27:
 :13:   :19:   :13:

เคยอ่านเจอที่ว่าพระอรหันต์ สวมเสื้อคลุมกลับข้าง
เพราะรีบมาเปิดประตูรับลูก
ที่เค้าไปตามหาพระอรหันต์นอกบ้านน่ะค่ะ..

ขอบคุณน้องแป้งมากมายนะคะ.. สำหรับการแบ่งปัน..
 :13:   :19:   :13:

อนุโมทนาสาธุธรรมค่ะ...
 :45: :45: :45:
ข้อความโดย: ธรรมรักษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2010, 12:50:28 am »

ผู้ให้ชีวิต ให้การศึกษา ให้ธรรมะ ใหุ้คุณธรรม ให้เราเป็นคนอย่างสมภาคภูมิ
สิ่งตอบแทนคืออะไร ท่านไม่รู้ ท่านไม่ต้องการ

ท่านต้องการเห็นเราเป็นคนดีในสังคมไทย และพัฒนาสังคมไทยให้ดำรงต่อไปด้วยความดี

เงินมหาศาลหรือคำกล่าวใดๆจะให้เอ่อล้นขอบสมุทรมหานทีสีฑัณดร ก็เทียบไม่ได้กับ

น้ำใจของแม่ หญิงผู้เข้มแข็งที่สุด ในชีวิตผม :13:
ข้อความโดย: แก้วจ๋าหน้าร้อน
« เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 01:47:46 pm »

:13: หลายๆคนตามหาพระอรหัตน์ ตามหาจนตลอดชีวิตก็ไม่เจอสักทีเพื่อให้เราได้บรรลุธรรมนั้น
แต่บางท่านก็ลืมไปว่า พระอรหัตน์อยู่กับเราตลอดเวลาแล้ว คุณพ่อ คุณแม่ และผู้มีพระคุณที่ดูแลเรา คือพระอรหัตน์ที่เราสมควรกราบว่าบูชาก่อนอรหันต์ใดๆในโลกครับ

อนุโมทนาครับผม ขอบคุณครับพี่แป้ง
ข้อความโดย: sasita
« เมื่อ: สิงหาคม 18, 2010, 10:50:19 am »

     


  “ท่านครับ ใครเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกครับ?”
       
       “โยมว่าใครล่ะ?”
       
       “ผมว่าพระนางสิริมหามายาครับ”
       
       “ทำไมจึงเป็นพระนางสิริมหามายาล่ะ? “
       
       “เพราะพระนางทรงเป็นพระราชมารดาของพระพุทธเจ้าน่ะครับ”
       
       “เหตุผลแค่นี้หรือ?”
       
       “ผมคิดว่าแค่นี้ก็พอแล้วครับ เพราะถ้าไม่มีพระนางสิริมหามายา เราก็ไม่มีพระพุทธเจ้าน่ะสิครับ”
       
       “ถ้าโยมมีเหตุผลเพียงนี้ ก็ยากที่จะบอกได้ว่า พระนางสิริมหามายา เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก คนที่ไม่เลื่อมใสก็มีอยู่ คนเลื่อมใสแล้วก็มีอยู่ เมื่อฟังความเห็นของโยม อาจจะหมดศรัทธาก็ได้ เพราะคิดว่าโยมมีอคติในการยกย่องนี้”
       
       “อ้าว.. หลวงพ่อทำไมพูดเช่นนี้ล่ะครับ เราเป็นพุทธศาสนิกชน ก็ควรจะยกย่องพระนางสิริมหามายาสิครับ หลวงพ่อก็ยอมรับว่าพระพุทธเจ้าทรงเป็นผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐในโลกไม่ใช่หรือครับ?”
       
       “โยม.. การยกย่องพระพุทธเจ้าเช่นนั้น เพราะว่าเราสามารถปฏิบัติตนให้ได้ผลตามคำสั่งสอนที่พระพุทธองค์ ทรงวางไว้เป็นหลักพุทธศาสนา สำนึกในความกตัญญูกตเวทีที่มีอยู่ในจิตใจของเรา อันเป็นผลจากการประพฤติตนตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ ทำให้เราเห็นพระมหากรุณาธิคุณอันแผ่ไพศาล สามารถสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นในมวลหมู่มนุษยชาติ นี่เป็นพระคุณในส่วนพระพุทธองค์นะ โยมต้องแยกให้ถูก”
       
       “แล้วทำไมหลวงพ่อจึงไม่ยอมรับว่าพระนางสิริมหามายา เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกล่ะครับ”
       
       “การจะยกย่องใครนั้น จะต้องกอปรด้วยเหตุผลที่ควรแก่ความศรัทธาของผู้ได้ฟัง ซึ่งจะก่อให้เกิดความเคารพยกย่องโดยไม่มีความขัดแย้งใดๆ ถ้าเพียงเท่าที่โยมกล่าวมา ก็ไม่สามารถทำให้คนฟังเกิดศรัทธาได้ โยมควรศึกษาพุทธประวัติให้ละเอียด จะทำให้ได้เหตุผลที่พอจูงใจผู้ฟังเกิดความศรัทธาคล้อยตามความเห็นของโยมได้”
       
       “ถ้าเป็นหลวงพ่อ หลวงพ่อจะอธิบายว่าอย่างไรครับ?”
       
       “ใจเย็นๆ โยม... อาตมายังไม่ได้แสดงความเห็นใดเลยนะ ที่พูดมานี้เพื่อจะแนะนำให้โยมได้ใช้วิจารณญาณ ตรึกตรองพุทธประวัติให้มากขึ้น จะได้มีเหตุผลสนับสนุน ความเห็นของโยมไงล่ะ”
       
       “แล้วหลวงพ่อจะอธิบายอย่างไรล่ะครับ?”
       
       “อาตมาจำได้ว่า เมื่อครั้งที่พระบรมโพธิสัตว์จุติเป็นสันตุสิตเทวราช เสวยทิพยสมบัติอยู่ในรัตนวิมานสวรรค์ ชั้นดุสิตเทวโลก ในกาลที่ควรแก่การเสด็จลงมาจุติ ท้าวมหาพรหมและเหล่าเทวราชในสวรรค์ได้ไปกราบทูลอัญเชิญพระองค์ให้มาจุติยังมนุษยโลก เพื่อบำเพ็ญมหาบารมีเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาติสุดท้าย สันตุสิตเทวราชทรงพิจารณาถึงสิ่งสำคัญ ๕ ประการที่เรียกว่า ปัญจมหาวิโลกนะ ซึ่งได้แก่ ๑. กาลเวลา ๒. ทวีป ๓. ประเทศ ๔. ราชตระกูล ๕. พระมารดา
       
       ในที่นี้จะกล่าวเพียงเรื่องพระมารดาเท่านั้น พระองค์ได้พิจารณาด้วยทิพยญาณอันบริสุทธิไปในมนุษยโลก พบว่า พระนางสิริมหามายา ผู้เป็นพระมเหสีแห่งพระเจ้าสุทโธทนะ กรุงกบิลพัสดุ์ มีศีลและบารมีธรรมที่ได้ทรงอบรมบ่มบำเพ็ญสั่งสมมาเป็นเวลา ๑ อสงไขย และนับแต่นี้จะมีพระชนม์ชีพเหลืออีกเพียง ๑๐ เดือนกับอีก ๗ วัน ซึ่งสมควรเป็นพระมารดาได้ ทั้งจะมีพระชนม์สืบไปจากเวลาที่พระโอรสประสูติเพียง ๗ วัน สัตว์อื่นไม่อาจอาศัยคัพโภทร(ครรภ์)บังเกิดได้อีก อีกทั้งพระนางสิริมหามายาเทวีก็เป็นผู้รักษาเบญจศีลาจารวัตรอันบริสุทธิ์ พระองค์จึงทรงจุติมาในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา และทรงประสูติในวันวิสาขบูชาปีนั้นนั่นเอง นี่เป็นเหตุผลเบื้องต้นนะ”
       
       “ยังมีอีกหรือครับเนี่ยะ”
       
       “ในเวสสันดรชาดก มีความตอนหนึ่งกล่าวถึงบุพกรรม ของพระนางสิริมหามายาไว้ว่า ในที่สุดแห่งกัปที่ ๙๑ นับแต่ภัทรกัปนี้ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า วิปัสสี เสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์ทรงประทับอยู่ ณ เขมมฤคทายวัน ในพันธุมดีนคร พระนางสิริมหามายาได้เกิดมาเป็นพระราชธิดาองค์โตของพระเจ้าพันธุมราช ผู้ครองพันธุมดีนคร พระนางได้นำแก่นจันทน์อันมีค่ามากที่ได้รับพระราชทานมาจากพระราชบิดามาบดจนละเอียดเป็นจุณและบรรจุในผอบทองคำ พระราชธิดาองค์เล็กทำมาลาปิดทรวงอกจากสุวรรณมาลาที่ได้รับพระราชทานมา แล้วนำไปทำการบูชาพุทธสรีระของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ณ พระวิหารที่ประทับ ทั้งทรงโปรยจุณแก่นจันทน์ที่เหลือในพระคันธกุฎี ทำให้มีกลิ่นหอมไปทั่วอาราม
       
       เมื่อเสร็จกิจอันควรแก่การบูชาแล้ว พระนางได้นั่งพิจารณาพระวรกายของพระพุทธเจ้าวิปัสสี ด้วยความสุขในพระหฤทัยอันเกิดจากบุญที่ทรงกระทำแล้ว พระนางเกิดพระดำริขึ้นในพระหฤทัยว่าหญิงผู้เป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ต้องเป็นหญิงงามและได้ลักษณะเบญจกัลยาณี ยิ่งกว่าหญิงใดๆในโลก จึงทำให้มีบุญได้เป็นพระมารดาของบุคคลผู้เลิศเช่นพระพุทธเจ้า เมื่อดำริเช่นนั้น แม้จะไม่เคยเห็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าวิปัสสี มาก่อน ด้วยความเชื่อมั่นว่าพระพุทธมารดาต้องเป็นยอดแห่งอิตถีรัตนะ พระนางจึงตั้งความปรารถนาต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธเจ้าวิปัสสีว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยบุญที่หม่อมฉันได้บูชาพระองค์ด้วยจุณแห่งแก่นจันทน์นี้ ขอให้หม่อมฉันได้เป็นพุทธมารดา ผู้เช่นพระมารดาของพระองค์ ในอนาคตกาลด้วยเถิด”
       
       พระพุทธเจ้าวิปัสสีทรงทำการอนุโมทนาแก่พระนางว่า “เธอทั้งสองได้ประดิษฐานการบูชาอันใดแก่เราในภพนี้ วิบากแห่งการบูชานั้น จงสำเร็จแก่เธอทั้งสองตามความปรารถนาที่ตั้งไว้อย่างดีแล้วเถิด” ราชธิดาทั้งสองได้ฟังพุทธพยากรณ์เช่นนั้น บังเกิดมหาปีติท่วมท้น ต่างตั้งใจสั่งสมบุญอย่างเต็มที่เรื่อยมา ครั้นเคลื่อนจากมนุษยโลกได้ไปบังเกิดในเทวโลก พระราชธิดาองค์โตเมื่อหมดกำลังบุญในเทวโลก ก็ได้ท่องเที่ยวอยู่ในมนุษยโลกพร้อมกับสร้างบารมี เพื่อเป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้าตามที่ตั้งปรารถนาไว้ พระนางท่องเที่ยวอยู่ในสองภพภูมิเป็นเวลายาวนาน มาภพชาตินี้พระนางได้เป็นพุทธมารดา มีพระนามว่า พระนางสิริมหามายา สมดังความปรารถนาทุกประการ นี่คือเหตุผลที่สำคัญของการเป็นพุทธมารดานะ”
       
       “แล้วหลวงพ่อยอมรับว่าพระนางสิริมหามายา เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกได้หรือยังครับ”
       
       “โยม.. แม่ของผู้เป็นศาสดาในแต่ละลัทธิศาสนา ก็มีความสำคัญต่อศาสนิกชนเหมือนกับที่โยมคิดนะ โยมไม่คิดบ้างหรือว่า พระแม่มารีอา พระมารดาของพระเยซู ก็เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกได้”
       
       “ผมไม่ได้คิดเช่นนั้นเลยครับ”
       
       “นี่ไง.. ที่อาตมาพูดว่าโยมจะถูกว่าเป็นคนมีอคติ ลำเอียงเพราะรักใคร่ ชอบเป็นการเฉพาะได้”
       
       “หลวงพ่อมีเหตุผลอะไรมาแย้งผมอีกล่ะครับ”
       
       “ไม่ได้แย้งหรอก เพียงแต่ชวนให้โยมได้คิดกว้างขวาง ออกไป คนที่ไม่นับถือพระพุทธเจ้าก็อาจจะกล่าวว่า พระนางสิริมหามายาสวรรคตไปตั้งแต่เจ้าชายสิทธัตถะพระชนมายุได้ ๗ วัน ไม่ได้มีส่วนในการถวายอภิบาลเจ้าชายเลย พระนางมหาปชาบดี พระน้านางต่างหากที่เป็นผู้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเจ้าชายมา จนสามารถบำเพ็ญบารมีได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
       
       สู้พระแม่มารีอาไม่ได้ ที่ได้อบรมเลี้ยงดูพระเยซูจนเติบใหญ่ สามารถศึกษาธรรมจนมีผู้เลื่อมใสนับถือเป็นศาสดา พระแม่มารีอาได้เห็นการเกิดและการตายของพระเยซู ได้ทำหน้าที่มารดามากกว่าพระนางสิริมหามายาเสียอีก โยมจะตอบเขาว่าอย่างไรล่ะ?”
       
       “ไม่เกี่ยวกันครับหลวงพ่อ เขาว่าพระแม่มารีอา เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก ก็ช่างเขา ผมก็ยืนยันว่า พระนางสิริมหามายา เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกเหมือนเดิม”
       
       “โยม..พระนางสิริมหามายา พุทธมารดา ผู้สวรรคตเมื่อพระโอรสอายุได้ ๗ วัน, พระแม่มารีอา มารดาแห่งพระเยซู ผู้อยู่ดูแลจนพระเยซูสิ้นพระชนม์, พระแม่อะมีนะฮฺ มารดาของท่านนบีมูฮัมหมัด ผู้ถึงแก่กรรมเมื่อบุตรอายุได้ ๖ ปี, หรือมารดาของคุรุทั้ง ๑๐ ของซิกข์ ใครเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก?”
       
       “อ้าว..หลวงพ่อถามอย่างนี้ ผมจะตอบอย่างไรล่ะครับ”
       
       “แล้วโยมรู้หรือยังว่าใครเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก?”
       
       “ยังครับ.. หลวงพ่อทำผมสับสนไปหมดแล้วครับ”
       
       “ที่อาตมายกมารดาของศาสดาในแต่ละศาสนามากล่าว ก็เพื่อบอกให้รู้ว่า แม่ของเราเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุด ในโลก โยมจะเถียงไหม?”
       
       “ทำไมกล่าวอย่างนี้ล่ะครับ”
       
       “โยมคิดดูเถิดว่า ที่โยมได้มานั่งคุยกับอาตมานี้ได้ เพราะใครเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนมา”
       
       “แม่ผมครับ”
       
       “แล้วตอนนี้โยมจะบอกได้หรือยังว่าใครเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก?”
       
       “ได้แล้วครับ ผมไม่กล้าแย้งหลวงพ่อเลย แม่ผมก็ต้องเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก แม่ของหลวงพ่อก็เป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก? บอกใครๆในโลก ก็ไม่มีใครแย้งหรอกครับ เขากลับจะยกย่องอีกว่าเป็นคนมีกตัญญูกตเวที”
       
       “เมื่อรู้ว่าแม่ของตนเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลกโยมเคยทำคุณตอบแทนท่านบ้างไหม?”
       
       “ทำครับ ผมทำตามหน้าที่ที่บุตรพึงต่อพ่อแม่ครับ เอาตามทิศ ๖ เลยครับ ที่ว่า ๑. ท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เลี้ยงท่านตอบ ๒. ช่วยทำธุรกิจการงานของท่าน ๓. ดำรงวงศ์สกุล ๔. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับความเป็นทายาท ๕. เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ทำบุญอุทิศให้ท่าน ทำทุกวันเลยครับ”
       
       “โยมโชคดีมากนะที่ได้อุปถัมภ์พ่อแม่ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ พระพุทธเจ้าท่านต้องใช้พุทธานุภาพเสด็จไปโปรดพระพุทธมารดาบนสวรรค์ พระสารีบุตร ต้องใช้เวลาสุดท้ายของชีวิตไปโปรดมารดาให้มีความคิดเห็นถูกต้องตามทำนองคลองธรรม พระโมคคัลลานะต้องไปโปรดมารดาในนรก และยังอีกหลายองค์นะ คิดดูซิโยม ทุกท่านนั้นต้องบำเพ็ญบารมีมากเพียงใดจึงสามารถแทน คุณมารดาบิดาได้ปานนั้น”
       
       “จริงครับหลวงพ่อ ลมหายใจช่วงสุดท้ายบั้นปลายชีวิตของพ่อแม่ผม ผมต้องทำให้ท่านสุขสราญใจไปตลอด จนถึงที่สุดครับ”
       
       “ดีแล้วโยม แม่ที่ทำหน้าที่แม่อย่างสมบูรณ์ ก็ควรได้รับผลของการทำหน้าที่แม่ตอบแทนจากบุตรผู้ประเสริฐ แม่ที่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่ ยามแก่เฒ่าชราลงก็ต้องรับวิบากกรรมชั่วของตนให้อยู่แบบลำบาก เต็มไปด้วยทุกข์สารพัด ลูกที่ได้บุญคุณจากแม่ แต่ไม่เหลียวแลตอบแทนคุณท่าน ก็ได้รับวิบากกรรมชั่วมากกว่าหลายเท่า ทั้งได้รับการรังเกียจจากสังคม ได้รับการไม่แทนคุณของลูกตน ก็ต้องทนมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างทุกข์ทรมาน นี่ล่ะกรรมของคน ที่ไม่มีใครแก้ไขได้เลย”
       
       “ขอบพระคุณหลวงพ่อมากนะครับ ที่ช่วยให้ผมได้ตระหนักว่า แม่ของผมเป็นแม่ที่ประเสริฐที่สุดในโลก”
       
       “โยมมีสิ่งที่ประเสริฐอยู่ในบ้าน ต้องหมั่นดูแลกราบไหว้อยู่เสมอนะ ก่อนจะมากราบไหว้อาตมาหรือพระที่วัด ควรจะกราบไหว้พระอรหันต์เจ้าชีวิตที่บ้านก่อนทุกเช้าค่ำ ดูแลปรนนิบัติท่านตามกำลังสามารถ อย่าให้ท่านมีความ ทุกข์ตรอมตรมใจเลย ครานี้ไปวัดไหนไหว้พระพุทธหรือ พระสงฆ์ ก็จะมีความรู้สึกมั่นคง มีอานิสงส์มาก หน้าตาก็ผ่องใส มีความสุข เป็นมหานิยมของสังคมได้เลย”
       
       “จริงหรือครับหลวงพ่อ”
       
       “จริงซิ ถ้าโยมทำได้อย่างที่อาตมาพูดนี่ โยมได้รับผลอานิสงส์หมดเลย”
       
       “เพราะอะไรครับ?”
       
       “เพราะทุกคนที่รู้จักกับโยม ล้วนต้องรู้ถึงคุณงามความดีที่เกิดจากความกตัญญูกตเวทีของโยม ทุกคนก็ยอมรับโดยสนิทใจว่าโยมเป็นลูกที่ดีของแม่พ่อ โยมต้องไม่ทำความชั่วให้ท่านทุกข์ใจ โยมต้องทำแต่ความดีให้ท่านสุขใจ พ่อแม่ของโยมจึงผ่องใสแช่มชื่นได้ตลอดเวลา ทุกคนต่างยอมรับโยมว่าเป็นคนดีของสังคม สมดังคำที่ว่า ความกตัญญูกตเวทีเป็นเครื่องหมายของคนดี นะ”
       
       “ขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับ ได้เวลาต้องลากลับไปทำกิจของตนแล้วครับ ขอกราบลาก่อนนะครับ”
       
       “ขออนุโมทนากับโยมด้วยนะ ที่มีแม่เป็นคนที่ประเสริฐที่สุดในโลก เจริญพร”
       
       (จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ 117 สิงหาคม 2553 โดย พระพจนารถ ปภาโส วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม)