ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 10:46:56 am »


               

เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม อันเป็นวันแม่แห่งชาติ กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จึงนำพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่บุคคลในโอกาสต่างๆ ซึ่งรวบรวมมาจากเอกสารหลายฉบับมานำเสนอ เพื่อให้ประชาชนน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเอง ครอบครัวและประเทศชาติ ดังนี้

      "...ความเจริญทางด้านวัตถุ ทำให้โลกของเรามีความก้าวหน้าและสะดวกสบายขึ้นอย่างยิ่ง จึงต้องนับว่าความเจริญทางวัตถุนี้เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมากสำหรับชีวิต แต่ชีวิตของเรายังต้องการความเจริญอย่างอื่นด้วย คือความเจริญด้านจิตใจ ซึ่งสำคัญและจำเป็นไม่น้อยไปกว่าความเจริญทางวัตถุเลย..."
     (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรการศึกษาวิชาพยาบาล วันที่ 31 ก.ค.2510)


      "...เวลา 50 ปีนั้น เป็นเวลาที่ยาวนานมากในชั่วชีวิตของแต่ละคน นานพอที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ และคุณงามความดีได้มากมาย แต่ถ้าหากย้อนนึกไปถึงอายุของชาติไทย ซึ่งเป็นชาติที่เก่าแก่ สืบเผ่าพันธุ์มาช้านานนับพันปีด้วยแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าบรรพบุรุษของเราได้สร้างสมสิ่งที่ดี ที่งาม ที่เป็นประโยชน์ไว้ให้แก่เราลูกหลาน และแม้แก่โลก สิ่งนี้ก็คือวัฒนธรรมของเรานั่นเอง ทุกคนจึงควรภูมิใจในเผ่าพันธุ์ไทย และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของเรา และสำนึกว่าเป็นหน้าที่โดยตรงที่จะรักษาให้ดำรงอยู่ได้ตลอดไป....คนไทยจัก ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน โดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษา มีสติ ปัญญา ความรู้ จะต้องแนะนำผู้ที่มีโอกาสได้ศึกษาน้อยกว่า ให้เข้าใจถึงประโยชน์ส่วนรวมนี้ด้วย....."
     (พระราชเสาวนีย์ในวโรกาสเสด็จฯงานฉลอง 50 ปีโรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม วันที่ 1 มี.ค. 2511)


      "...ปัญญาเปรียบเสมือนแก้วอันมีค่าประจำตัว มนุษย์ที่สมบูรณ์ ปัญญาเกิดได้จากการฟังครูสอน ได้อ่านประกอบ แล้วนำมาคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตามคำพระท่านว่าปัญญาย่อมเกิดได้เพราะการฝึกฝน ผู้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว จะทำประโยชน์แก่สังคมได้ก็โดยใช้ปัญญาเพ่งพิจารณาว่าอะไรเป็นประโยชน์และ ไม่เป็นภัยแก่ตนเองและแก่สังคม.."
     (พระราโชวาทในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรผดุงครรภ์ วันที่ 15 ต.ค.2513)


"...มนุษย์เรานี้ควรจะมีการให้ต่อกันบ้าง อย่างน้อยก็เวลาสดับตรับฟังความทุกข์ของผู้อื่น ไม่ใช่จะงกๆ เงิ่นๆ ละโมบแต่หาความสุข กอบโกยหาโชคลาภสู่ตนเองโดยไม่นึกถึงผู้อื่น เมื่อเราไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือซึ่งกันและกันแล้ว เราจะมีความสุขได้อย่างไร โลกนี้ก็จะมีแต่ความแห้งแล้ง ไร้น้ำใจ จิตใจของคนก็จะพลอยโหดเ???้ยมไปด้วยความเห็นแก่ตัว และจะขาดความสงบสุขในที่สุด..."
     (พระราชดำรัสในวโรกาสเสด็จฯพระราชทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้บริจาคโลหิตให้แก่สภากาชาดไทย วันที่ 20 ก.ย.2516)


"....ในการรวมตัวกันเพื่อทำงานต่างๆ นั้นย่อมจะมีปัญหาเกิดขึ้นบ้าง แต่ปัญหาใดๆ ก็ย่อมขจัดเสียได้โดยอาศัยความสามัคคีเป็นคุณธรรมที่จะร้อยรัดให้ทุกคนเป็น น้ำหนึ่งใจเดียวกัน ขอเพียงให้แต่ละคนไม่ยึดถือ "อัตตา" คือ ตัวตนของผู้หนึ่งผู้ใดเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น..."
     (พระราชดำรัสในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสภาสตรีแห่งชาติฯ วันที่ 22 พ.ค. 2530)


จากสมุดบันทึกพระราชดำรัสพระราชทานฯที่จัดพิมพ์โดยธรรมสภาและสถาบันบันลือธรรม ได้แก่

ขอยกย่องชมเชยสตรีไทยที่สามารถแสวงหาวิชาความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้ทันกับความเจริญทางเทคนิคของโลก แต่ขอร้องอย่าให้ละเลยต่อหน้าที่สำคัญที่เคยปฏิบัติกันมาแล้วในอดีตคือการ อบรมและสร้างพลเมืองที่ดีให้แก่ชาติ

การอนุรักษ์นั้น แม้เป็นสิ่งที่ดีมากที่ทุกประเทศมุ่งรักษาประโยชน์ระยะยาวของแผ่นดินและ ประชาชนก็ตาม แต่หากทำโดยไม่ระมัดระวังและโดยรอบคอบถี่ถ้วน บางทีก็อาจเป็นผลเสีย เช่น กลายเป็นการลิดรอนเสรีภาพ

ถ้าเราจะให้สภาพธรรมชาติกลับคืนมาเหมือนเดิม มีแม่น้ำ ลำธาร มีน้ำจืด ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดต่อชีวิตมนุษย์และการพัฒนาประเทศ พวกเราต้องเข้าใจและช่วยกันรักษาป่า เพื่อเราจะได้มีอนาคตและความหวังร่วมกัน

วรรณคดีก็ดี เพลงไทยก็ดี มันมีความสำคัญอย่างหนึ่ง มันแสดงให้เห็นว่าชาติของเรา หรือคนไทยเราได้มีวิวัฒนาการมาอย่างไร

ทุกวันนี้ที่เกิดความยุ่งยากก็เพราะคนละเลยต่อหน้าที่ของตน ทางแก้ก็คือต้องเตือนตัวให้สำนึกถึงหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่ให้ครบถ้วน เที่ยงตรง คือตรงต่อภาระ ต่อตัวเอง ตรงต่อผู้อื่น ตรงต่อส่วนรวม ตรงต่อเหตุผล

ผู้สำคัญตนว่ามีความฉลาดสามารถเป็นเลิศอยู่เสมอนั้นมักพาตัวไม่รอด เพราะความสำคัญตนเช่นนั้นจะปิดบังโอกาสที่จะขวนขวาย หรือได้มาซึ่งปัญญาที่สูงขึ้นไป

ความเป็นบัณฑิตจะแสวงหาจากการเล่าเรียนวิทยาการชั้นสูงทางวัตถุเพียง อย่างเดียวไม่ได้ หากแต่จะต้องศึกษาและปฏิบัติในทางจิตใจ เพื่อให้เกิดความฉลาดรอบรู้อย่างแท้จริงด้วย

แม้คนสมัยนี้มักจะชอบพูดกันว่าอุดมคติกินเข้าไปไม่ได้ ก็ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกว่าคนเราไม่ได้เกิดมาเพื่อกินประการเดียว หากแต่เกิดมาเพื่อปฏิบัติประโยชน์สูงสุดในความเป็นมนุษย์

ช่วยกันสนับสนุนให้คนดีมีกำลังใจเพียรประกอบความดีให้มากยิ่งขึ้นไปอีก สามัคคีหันหน้าเข้าหากัน รวมแรงกันป้องกันต่อสู้บาปทุจริตและความเห็นผิดต่างๆ เพื่อแผ่นดินทองของไทยจักได้รอดพ้นจากภยันตรายทั้งปวง

พระราชดำรัสและพระราโชวาทของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถดัง "คำสอนของแม่" ข้างต้น ให้ข้อคิดกับทั้งแม่และลูก และคติสอนใจในการดำเนินชีวิตที่ดีว่าควรปฏิบัติเช่นไร โดยเฉพาะในวันแม่แห่งชาตินี้ พระองค์เคยพระราชทานคำขวัญไว้สำหรับคนเป็น "แม่" ว่า "หน้าที่ของผู้หญิงอันยิ่งใหญ่ ไม่มีใดเหนือกว่าหน้าที่แม่" และสำหรับผู้เป็น "ลูก" พระองค์ก็ได้พระราชทานคำสอนไว้ว่า "ให้ของขวัญวันแม่นับแต่นี้ โดยทำดีต่อพ่อแม่ก่อนแก่เฒ่า ให้ท่านได้ประจักษ์รักของเรา ดีกว่าเฝ้าทำบุญให้เมื่อวายชนม์"
 
   
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 08:38:59 am »

ต่อไปข้าพเจ้าขอแจ้งให้ทราบถึงโครงการจัดสร้างพระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลก นาถคันธารราฐอนุสรณ์ ที่วัดทิพย์สุคนธาราม อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี โครงการนี้เกิดจากความริเริ่มของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหาธีราจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ซึ่งเมื่อวันวิสาขบูชาปีที่แล้ว ข้าพเจ้าได้ไปทำบุญฟังเทศน์ที่วัดชนะสงคราม สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ท่านได้ปรารภกับข้าพเจ้าว่า เรื่องความตั้งใจที่จะสร้างพระพุทธรูปองค์สำคัญขึ้น วัตถุประสงค์คือเป็นศูนย์รวมความเคารพของพุทธศาสนิกชนอีกแห่งหนึ่ง และเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งพระพุทธรูปบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งถูกระเบิดทำลายไป เป็นข่าวใหญ่สะเทือนใจชาวพุทธทั่วโลกเมื่อหลายปีก่อน รวมทั้งเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา กับเพื่อเป็นเกียรติแก่ข้าพเจ้าที่จะมีอายุ 80 ปีในปีหน้า เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบข้าพเจ้าได้รับปากกับเจ้าพระคุณสมเด็จว่าข้าพเจ้าจะขอ ร่วมทำบุญ และจะพยายามสนับสนุนโครงการนี้ให้ดำเนินการจนสำเร็จ

บัดนี้สมเด็จพระมหาธีรจารย์ ท่านได้มรณภาพแล้วเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง ข้าพเจ้าจึงรับเป็นผู้อุปถัมภ์โครงการ และปาวารนาว่าจะดำเนินการให้ลุล่วงดังความตั้งใจของเจ้าพระคุณสมเด็จพระมหา ธีราจารย์ ผู้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่และมีอุปการคุณแก่คณะสงฆ์ไทย และพุทธศาสนิกชนอย่างยิ่ง พระพุทธรูปองค์นี้ สมเด็จพระมหาธีราจารย์ท่านเป็นผู้ออกแบบ ดูแลแก้ไข และเลือกทำเลที่จะประดิษฐานด้วย ตามแบบเป็นพระพุทธรูปปางคันธราช หรือที่เรียกว่าปางขอฝน หล่อด้วยโลหะสำริด สูง 32 เมตร ซึ่งทางความหมายของอาจารย์แห่งกายครบ 32 ประการของมนุษย์ ยืนบนฐานที่สูงประมาณ 8 เมตร มีพุทธลักษณะงามมาก สมเด็จพระมหาธีราจารย์ ตั้งชื่อว่า พระพุทธเมตตาประชาไทยไตรโลกนาถคันธารราราฐอนุสรณ์ มีความหมาย 3 ประการ คือ 1. เป็นพระพุทธรูปที่พึ่งของประชาชนชาวไทย และชาวโลก 2. เป็นพระพุทธรูปที่เป็นที่พึ่งของสามโลก ได้แก่ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ และยมโลก 3. เป็นพระพุทธรูปที่รำลึกถึงพระพุทธรูปแห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถาน ก่อนที่พระพุทธรูปใหญ่แห่งบามิยัน ประเทศอัฟกานิสถานจะถูกระเบิดไป

ประชาชนทั้งโลกทั้งเป็นศาสนาพุทธและไม่ใช่พุทธศาสนาต่างขอร้องไปที่ประเทศ อัฟกานิสถานว่าขออย่าให้ระเบิดท่านเลย พระพุทธรูปแห่งบามิยันนั้น ท่านอายุตั้ง 2,000 ปี ว่าอย่าระเบิดเลยเขาก็ระเบิดอยู่ดี เพราะฉะนั้นท่านก็เลยคิดว่าชาวไทยพุทธต้องช่วยกันสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้นแทน จากองค์ที่ถูกระเบิดไปที่อัฟกานิสถาน โครงการนี้จะต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการ 4 ปี จึงจะแล้วเสร็จ ที่ข้าพเจ้านำมาเล่าให้ท่านทั้งหลายฟังก็เพื่อจะบอกกล่าวให้พุทธศาสนิกชนได้ ทราบโดยทั่วกันว่าบ้านเมืองเราจะมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่มาก เกิดในเวลาไม่ช้าไม่นานนี้

เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าอยากขอความร่วมมืออย่างจริงจังจาก รัฐบาลและคนไทยทั้งชาติ นั้นคือการแก้ปัญหายาเสพติดที่บ่อนทำลายสังคมไทยมาหลายสิบปีแล้ว และนับว่าจะรุนแรงขึ้น สมัยชาวไทยภูเขาเคยปลูกฝิ่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงอุตส่าห์อาบเหงื่อต่างน้ำตั้งโครงการหลวงขึ้น มาแก้ไข ชวนชาวไทยภูเขาหันมาปลูกพืชเมืองหนาวแทน จนขณะนี้พวกเขาก็เลิกปลูกฝิ่นไปแล้ว พืชเมืองหนาวทำรายได้ดีกว่ามาก ข้าพเจ้าก็นึกจะเบาใจ เรื่องยาเสพติดไปได้ ที่ไหนได้กลับมีผู้ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านของยาเสพติด และยังมีผู้ลักลอบผลิตอีกด้วย โดยเฉพาะชนิดที่แพร่ได้เร็วยิ่งกว่าเชื้อโรคคือยาบ้า เพราะสารตั้งต้นในการผลิตยาบ้านั้นหาได้ง่าย ผลก็คือคนไทยตกเป็นทาสยาบ้าไปแล้ว เป็นล้านล้านคน ทุกคนมีสุขภาพทรุดโทรม ทั้งร่างกายจิตใจ สติปัญญาก็เสื่อมถอย ยาบ้าและยาเสพติดทั้งหลายกำลังทำลายสังคมไทยอย่างน่ากลัว
ข้าพเจ้า ไม่สบายใจเลยที่มีข่าวว่ายาบ้ามีขายทุกตรอกซอกซอย แม้กระทั่งในโรงเรียน หรือในวัด ผู้ผลิตยาเสพติดและผู้ขายกำลังทำตนเป็นฆาตกรฆ่าลูกหลานไทยอย่างเลือดเย็น น่าเป็นห่วงเหลือเกิน เมื่อ พ.ศ. 2546 ข้าพเจ้าได้มอบเงินจำนวนหนึ่งให้แก่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยา เสพติด เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต่อมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้นำเงินนี้ไปสมทบกับงบประมาณ ของสำนักงาน จัดตั้งเป็นกองทุนต่อต้านยาเสพติดขึ้น โดยขอใช้ชื่อว่ากองทุนแม่ของแผ่นดินมอบให้หมู่บ้านที่เข้าร่วมการแก้ปัญหายา เสพติด ในปี พ.ศ. 2547 จำนวน 672 หมู่บ้าน จากนั้นรัฐบาลที่แล้ว รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ก็ได้นำไปขยายผลจัดตั้งกองทุนแม่ของแผ่นดินขึ้นทั่ว ทั้งประเทศ เวลานี้ก็มีหมู่บ้านต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 12,189 หมู่บ้าน และรัฐบาลนายกฯ อภิสิทธิ์ได้จัดการหาเงินสมทบทุนโครงการนี้ได้เป็นเงิน 300 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ ข้าพเจ้าได้มอบเงินดังกล่าวแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด สำหรับนำไปดำเนินการโครงการหมู่บ้านกองทุนแม่ของแผ่นดิน ข้าพเจ้าเชื่อได้ว่ารัฐบาลต่อไปจะสานต่อโครงการนี้

อนึ่งถ้าสังคมไทยปล่อยให้รัฐบาลทำงานฝ่ายเดียวก็คงไม่สำเร็จ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังโดยเริ่มจากคนในครอบครัวก่อน ต่อจากนั้นก็คือคนในสังคมทั้งหมดเป็นหูเป็นตาให้แก่กันและกัน ควรต่อต้านประณามผู้ผลิตและผู้ค้ายาเสพติดรวมทั้งแจ้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนิน การ ทำไมปล่อยให้ลูกหลานติดยาโดยไม่พาไปรักษา ท่านต้องให้เวลาและให้กำลังใจในการฟื้นฟูลูกหลานที่ติดยาเพื่อให้เขากลับคืน มาเป็นคนที่มีคุณภาพในสังคม และเป็นกำลังของครอบครัวต่อไป มีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าพเจ้ามีเรื่องจะปรึกษาท่านทั้งหลายที่มีใจเมตตามาในงานของข้าพเจ้าใน วันนี้ เกี่ยวกับเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ข้าพเจ้าทราบมาว่ามีผู้ก่อความไม่สงบลอบทำ ร้ายพระสงฆ์ขณะออกบิณฑบาตตามท้องถนน เป็นเหตุให้พระสงฆ์มรณภาพไปหลายรูป บางรูปก็ทุพพลภาพ บ้างก็ลาสิกขาบทเป็นสมณเพศ ความจริงการบิณฑบาตของพระสงฆ์ ถือเป็นการปฏิบัติกิจของศาสนาตามพุทธบัญญัติ และเป็นประเพณีของชาวพุทธ ที่ปฏิบัติสืบทอดกันมาแต่โบราณกาล

ในอดีตที่ผ่านมาไม่เคยมีประวัติการทำร้ายพระสงฆ์ในขณะออกบิณฑบาตเพราะพระ สงฆ์ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมแต่อย่างใด การทำบุญใส่บาตรก็เป็นไปด้วยความสมัครใจ ไม่มีเหตุการณ์การทำร้ายพระสงฆ์เกิดขึ้น ทำให้ข้าพเจ้าตกใจและเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเรามองย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ของบ้านเราตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระ จอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ก็มีพวกมิชชันนารีนิกายศาสนาต่าง ๆ คาทอลิก โปรแตสแตนท์ เข้ามาชักชวนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขอให้พระองค์เข้ารีตนับถือศาสนาคริสต์ ก็ทรงรับฟังและทรงพระเมตตาพระราชทานที่ดินให้จัดสร้างโบสถ์คริสต์ขึ้นใน ประเทศไทย พร้อมยังทรงขอร้องมิชชันนารีให้เข้ามาสอนภาษาอังกฤษ และภาษาลาติน เพื่อจะได้ทรงศึกษาให้เข้าพระทัย ถึงแก่นแท้ของแต่ละศาสนา นอกจากนั้นยังได้เชิญคณะมิชชันนารีร่วมเดินทางไปดูสุริยุปราคา ที่.หว้ากอ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่พระองค์ทรงคำนวณด้วยพระองค์เองว่าจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง และเห็นได้อย่างชัดเจน ที่ ต.หว้ากอได้อย่างแม่นยำ จึงทรงได้รับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทยด้วยน้ำพระทัยที่เปิด กว้าง และเปี่ยมด้วยพระเมตตาของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวดังกล่าวแล้ว ทำให้ประเทศไทยของเราเป็นที่เลื่องลือไปนานาประเทศว่าเป็นประเทศที่มี เสรีภาพในการนับถือศาสนาเรื่อยมา จนบัดนี้จะได้เห็นว่าประเทศของเรามีวัดพุทธ มีโบสถ์คริสต์ มีมัสยิดอิสลาม โบสถ์พราหมณ์ที่เสาชิงช้า วัดแขกที่สีลม และศาลเจ้าต่าง ๆ มากมาย โดยที่ทุกศาสนาต่างก็ปฏิบัติศาสนกิจของตนไปตามความเชื่อศรัทธาของแต่ละบุคคล โดยไม่เบียดเบียนกัน จึงทำให้ประเทศไทยได้รับการยกย่องจากประชาชนโลกว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่น่า ท่องเที่ยว ประชาชนมีอัธยาศัยดีงาม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งทำให้กรุงเทพมหานครได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองที่น่า ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก ในปัจจุบัน

สำหรับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จเยี่ยมประชาชนไปตามหมู่บ้านและชนบท ที่มีมัสยิดหรือโบสถ์ในวัดพุทธก็จะพระราชทานความช่วยเหลือทำนุบำรุงทุกศาสนา อย่างเท่าเทียมกัน มีการพระราชทานรางวัลแก่บรรดาโต๊ะอิหม่าม และครูสอนศาสนาอิสลาม เป็นประจำทุกปี เมื่อข้าพเจ้ามีโอกาสเสด็จเยี่ยมประชาชนแทนพระองค์เวลาต่อมา ข้าพเจ้าก็ยึดถือปฏิบัติเช่นเดียวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงเคย ปฏิบัติมาข้าพเจ้ายังจำภาพชาวไทยมุสลิมแต่ละหมู่บ้านมายืนจุดเทียนรอส่ง เสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในยามดึกดื่นค่ำคืนด้วยความห่วงใยด้วยเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับพระองค์ ในขณะที่ทรงขับรถผ่านพื้นที่อันตรายต่างๆ ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจซาบซึ้งในความมีน้ำใจของราษฎรชาวไทยมุสลิมอยู่เสมอ ไม่เคยลืม เมื่อข้าพเจ้าได้ทราบว่าขณะนี้มีเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ในขณะออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านของชุมชนไทยพุทธ ไม่เฉพาะแต่พระสงฆ์เท่านั้นที่ถูกลอบทำร้าย แม้แต่ราษฎรชาวไทยละชาวไทยมุสลิมเองตลอดจนข้าราชการ ครู ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ประชาชน ก็ถูกลอบทำร้ายเช่นเดียวกัน

สำหรับข้าราชการครูที่อยู่นอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่อาสาลงไปสอน หนังสือในพื้นที่เสี่ยงภัยนั้น ข้าพเจ้าได้นำเงินที่ท่านทั้งหลายมอบให้ข้าพเจ้าเป็นของขวัญวันเกิด ข้าพเจ้าได้นำเงินที่ท่านมอบให้ไปจัดสร้างศูนย์ครูใต้ขึ้นที่จ.ปัตตานีโดยมี การรักษาความปลอดภัยอย่างดี เป็นห้องสมุด ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้องสันทนาการต่างๆ สำหรับครูที่ลงไปสอนที่จังหวัดต่างๆ ภาคใต้ได้พักผ่อนหย่อนใจแลกเปลี่ยนความรู้กันและมีอินเตอร์เน็ตไว้ติดต่อกับ เพื่อนครูและญาติพี่น้องทางบ้าน มีโรงเรียนในนั้นด้วยสำหรับลูกหลานครู และในบริเวณเดียวกันมีฟาร์มตัวอย่างสำหรับประชาชนไว้เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ด้วย ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งในทุกๆ ท่านมาก ที่วันเกิดท่านได้มอบเงินให้แก่ข้าพเจ้าเป็นของขวัญ ข้าพเจ้าก็อยากจะบอกทุกๆ ท่านว่าได้นำเงินไปสร้างศูนย์ครูใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นที่พึ่งของครูไทยที่ต้องไปสอนที่จังหวัดภาคใต้ เมื่อเข้าไปอยู่ที่ศูนย์ครูแล้วปลอดภัยทุกประการเพราะข้าพเจ้าได้จัดให้มี ผู้อารักขาล้อมรอบปลอดภัย ก็มีสตรีชาวไทยมุสลิมที่สูญเสียสามีก็ได้มาขอความช่วยเหลือ ขอเข้าอยู่อาศัยในหมู่บ้าน เศรษฐกิจพอเพียงบ้านรอตันบาตู จังหวัดนราธิวาส ที่ข้าพเจ้าได้ใช้เงินที่ท่านทั้งหลายให้ข้าพเจ้าในโอกาสวันเกิดในข้าพเจ้า ได้สร้างขึ้นเพื่อไว้ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยที่ภาคใต้ยามเดือดร้อนดัง กล่าว

ข้าพเจ้าไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นการกระทำของชาวไทยมุสลิม ซึ่งมีน้ำใจเมตตาดั่งที่ข้าพเจ้าเคยรู้จักมาก่อน ในการที่ทำร้ายพระสงฆ์จึงรู้สึกไม่สบายใจมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา บ้านเมืองของเราซึ่งได้ชื่อไปทั่วโลกว่าเป็นประเทศประชาธิปไตย เพราะการกีดกันไม่ให้มีการใส่บาตรเช่นนี้ ต้องถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการประกอบกิจทางศาสนา ข้าพเจ้ามีความเชื่อมั่นว่า เมื่อท่านทั้งหลายได้ยินข่าวเหล่าทุกคนมีความรู้สึกสะเทือนใจเช่นเดียวกับ ข้าพเจ้า และคงไม่อยากให้เหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเราอีกต่อไป ข้าพเจ้าจึงขอโอกาสขอความร่วมมือจากท่านทั้งหลายในวันนี้ที่มาอวยพรวันเกิด ข้าพเจ้าได้ช่วยกันมีส่วนร่วม ร่วมกันในความคิด หาวิธีที่จะนำความสงบสันติสุข กลับมาสู่ดินแดนภาคใต้ของเรา ให้ได้โดยเร็วที่สุด

ข้าพเจ้าขอขอบคุณชาวไทยทั้งประเทศที่ตั้งใจทำความดีและสร้างบุญกุศลในเดือน สิงหาคมเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้กุศลจากการทำดีของคนไทยทั้งหลายจงคุ้มครองคนทุกคนให้แคล้วจากภยันตราย ทั้งปวง ขอให้ประเทศไทยของเราร่มเย็นเป็นสุข รอดพ้นจากภัยธรรมชาติ และประชาชนทุกภาคสามารถทำมาหาเลี้ยงชีพได้อย่าง

ปกติสุข มีกำลังกาย มีกำลังสติปัญญาที่จะนำพาประเทศชาติของเราให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้นสืบไป และขอให้ทุกท่านเดินทางกลับบ้านโดยปลอดภัยทุกๆคน ขอขอบคุณ



-http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654-

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654

.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 08:37:35 am »

จากนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำรัสตอบความว่า ข้าพเจ้าขอขอบคุณท่านนายกรัฐมนตรีและผู้แทนของข้าราชการทุกหมู่เหล่า ทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งผู้แทนของสภา สมาคม องค์กรต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนบ้านเมืองของเราให้เจริญก้าวหน้า รวมทั้งนิสิตนักศึกษา และประชาชน จำนวน 15,304 คน ที่มาชุมนุมพร้อมกัน ณ ที่นี้ เพื่ออวยพรวันเกิดให้แก่ข้าพเจ้าซึ่งมีอายุครบ 79 ปี ไม่ใช่น้อย ท่านทั้งหลายก็เป็นกำลังใจให้มาก ขอขอบคุณผู้ที่ส่งจดหมายและคำประพันธ์จำนวนมากไปอวยพรข้าพเจ้า ขอขอบคุณหน่วยงาน และบริษัทห้างร้านหลายแห่งที่ส่งคำอวยพร ผ่านทางโทรทัศน์วิทยุ หนังสือพิมพ์ และสื่อสารมวลชนแขนงต่างๆ บางหน่วยงานบำเพ็ญสาธารณกุศลหรือบำเพ็ญประโยชน์แก่บ้านเมืองเพื่อข้าพเจ้า เช่น โรงพยาบาลที่จัดทำโครงการช่วยชีวิตคนไข้เป็นจำนวนมาก หน่วยงานที่จัดพิธีอุปสมบทพระภิกษุ และบรรพชาพระสามเณร หรือจัดเลี้ยงอาหารแก่ผู้ด้อยโอกาสเพื่อเป็นกุศลจิตแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าได้รับทราบหมดแล้วด้วยความขอบคุณ และซาบซึ้งใจยิ่ง อีกทั้งในวันนี้ยังมีผู้ใจบุญที่ทราบว่ามีประชาชนเดินทางมาอวยพรแก่ข้าพเจ้า นับหมื่นคน จึงขอมีส่วนช่วยดูแลประชาชนโดยจัดส่งอาหาร และเครื่องดื่มนานาชนิดมาให้จนไม่อาจกล่าวถึงได้ครบถ้วน ข้าพเจ้าซาบซึ้งขอขอบคุณในน้ำใจๆไมตรีของทุกทานไว้ ณ ที่นี้ด้วยเช่นกัน

สำหรับผู้ที่ส่งดอกไม้และสิ่งของต่าง ๆ มาถวาย เพื่อเป็นกำลังพระทัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นประจำทุกวันที่โรง พยาบาลศิริราช ข้าพเจ้าขอแจ้งว่าขณะนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสบายขึ้นมากแล้ว เพียงแต่แพทย์ยังแนะนำให้ทรงทำกายภาพบำบัดต่อไปเพื่อให้ทรงพระดำเนินได้แข็ง แรง พระองค์ท่านทรงงานได้เพิ่มขึ้น ทรงติดตามโครงการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระยะนี้ที่มีฝนตกหนักเพราะเป็นหน้าฝนเกิดปัญหาน้ำท่วมใน ภาคเหนือ และภาคอีสานก็ทรงเป็นห่วงมาก ได้พระราชทานสิ่งของไปช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมหลายแห่ง และทรงเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประชุมปรึกษาหารือถึงแนวทางที่จะช่วย เหลือประชาชน ส่วนการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าโดยเร่งด่วนนั้นข้าพเจ้าได้เห็นหน่วย ราชการ ทหาร ตำรวจ ตำรวจตะเวนชายแดนและองค์กรกุศลต่างๆได้ออกไปช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลัง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจมากว่าคนไทยไม่เคยทอดทิ้งกันในยามทุกข์ยากเลย ไม่ว่าจะเป็นยามเกิดภัยแล้ง หรือน้ำท่วมก็ตาม เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยดูแลราษฎร์ในพื้นที่ของตนเองอย่างสุดชีวิตจนบางครั้ง เกิดเรื่องเศร้าสลดใจขึ้น เช่นเมื่อคราวน้ำท่วมจังหวัดสงขลา วันที่ 1 พ.ย.2553 เราต้องสูญเสีย ร.ต.วัชรัตน์ บุญฤทธิ์ ปลัดอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลาไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่อีก1ท่าน เพราะถูกน้ำพัดไป ระหว่างออกไปช่วยเหลือประชาชน

ทุกวันที่ 11 ส.ค. ที่ท่านทั้งหลายมาชุมนุมกัน ก็อวยพรวันเกิดให้ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะมีโอกาสเล่าเรื่องอะไรต่อมิอะไรให้ท่านทั้งหลายฟังครั้งหนึ่ง ซึ่งมีทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นในรอบปีที่ผ่านมา รวมทั้งบางเรื่องที่นำมาเล่าซ้ำ เพราะตั้งใจที่จะเตือนความทรงจำของท่านทั้งหลายด้วย เรื่องแรกเป็นเรื่องโศกเศร้าของบ้านเมือง คือการสิ้นพระชนมของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระราชธิดาองค์เดียว ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี สมเด็จพระนางเจ้าภคินีเธอพระองค์นี้ทรงพระเมตตากรุณาต่อประชาชนชาวไทยมาตลอด พระชนม์ชีพของพระองค์ ข้าพเจ้าจึงขอขอบคุณรัฐบาลที่จะจัดงานพระศพอย่างสมพระเกียรติยศ และขอขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนทั้งหลายที่ทยอยกันไปถวายบังคมและฟังสวดพระอภิธรรมใน งานพระศพอย่างไม่ขาดสาย

ข่าวเศร้าอีกคราวหนึ่ง ก็เป็นข่าวใหญ่ที่เกิดขึ้นในเดือนที่แล้ว เช่นเดียวกันคือ ข่าวเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกตกในบริเวณอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานถึง 3 ลำ สูญเสียกำลังพลไป 16 นาย ช่างภาพโทรทัศน์ช่อง 5 อีก 1 นาย ข้าพเจ้าเศร้าเสียใจและรู้สึกเห็นใจครอบครัวของผู้สูญเสียทั้ง 17 รายนี้อย่างยิ่ง ผู้สูญเสียทุกคนล้วนอยู่ในวัยที่เป็นกำลังแข็งแกร่งของประเทศชาติ หลายคนมีลูกเล็กๆ ที่ไร้เดียงสา ซึ่งจากนี้ผู้เป็นแม่ต้องรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ต่อไปให้ดีที่สุด แต่กรณีนี้เข้าใจว่าทางราชการ คงดูแลครอบครัวของบุคคลอย่างเต็มที่ เพราะทุกท่านปฏิบัติหน้าที่อันสืบเนื่องมาแต่ภารกิจปกป้องพื้นป่าของประเทศ ไทย ชาวไทยทั้งหลายจึงควรระลึกถึงความดีของท่าน และร่วมกันปกป้องผืนป่าไว้ให้คงอยู่อย่าให้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้ ต้องเป็นความสูญเปล่า ข้าพเจ้าได้ติดตามข่าวนี้มาโดยตลอด ทราบว่าเจ้าหน้าที่ที่เดินป่าเข้าไปลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมานั้น ทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อยและยากลำบากแสนสาหัส ต้องทำงานแข่งกับเวลาที่จะมืดค่ำลงในป่าที่รกทึบ และมีฝนตกตลอกเวลา อากาศก็หนาวเย็น ยังเต็มไปด้วยทากและฝูงแมลง มาเกาะกินเลือดทั่วร่างกาย ชาวไทยทุกคนที่ติดตามข่าวนี้ก็คงเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ทุกท่านเช่นเดียวกับ ข้าพเจ้า พอทราบว่าทุกท่านออกจากป่ามาด้วยโดยปลอดภัยก็รู้สึกโล่งใจและซาบซึ้งในความ เสียสละของทุกท่าน ข้าพเจ้าคิดว่าบุญกุศลที่ท่านลำบากตรากตรำไปนำผู้เสียชีวิตออกมาคืนสู่ครอบ ครัวของเขา คงเป็นอานิสงค์ส่งให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง ตลอดจนมีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานต่อไปแน่นอน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง ม.จ.ภีศเดช รัชนี ได้เชิญให้ข้าพเจ้าไปเปิดงานโครงการหลวง ครบรอบปีที่ 42 ที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โครงการหลวงเป็นโครงการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสละพระราชทรัพย์ ส่วนพระองค์ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2512 โดยมี ม.จ.ภีศเดช รัชนี สนองพระบรมราชโองการในตำแหน่งประธานมูลนิธิโครงการหลวง ในการดำเนินงานได้รับความร่วมมือจากอาสาสมัครและหน่วยงานต่างๆ ต่อมารัฐบาลได้ให้การสนับสนุนงบประมาณส่วนหนึ่ง จากนั้นองค์กรประเทศและรัฐบาลต่างประเทศที่สนใจเข้ามาดูงานก็ให้การสนับสนุน เพิ่มเติม ก่อนที่จะเป็นโครงการหลวง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปตามดอยต่าง ๆ ไม่ทราบว่ากี่ร้อยครั้ง ลงจากรถพระที่นั่ง เฮลิคอปเตอร์ แล้วก็ต้องทรงพระดำเนินไปอีกหลายกิโลเมตร พระราชประสงค์ที่ทรงจัดตั้งโครงการหลวง ก็เพื่อที่จะช่วยชาวไทยภูเขาให้เขาสามารถช่วยตนเองในการเลี้ยงชีพปลูกพืชที่ มีประโยชน์ เช่น พืชผัก ผลไม้ และไม้ดอกเมืองหนาว มากกว่า 200 ชนิด ทดแทนการปลูกพืชเสพติด ช่วยสร้างรายได้ให้ชาวไทยภูเขาสามารถเลี้ยงครอบครัวของเขาได้ดีกว่าแต่ก่อน และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
นอกจากนั้นโครงการหลวงยังช่วยลดการทำลาย ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าไม้ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รับสั่งว่า ถ้าเราช่วยชาวไทยภูเขาให้อยู่ดีกินดี โดยไม่ต้องปลูกพืชเสพติดก็เท่ากับช่วยบ้านเมืองของเราให้ปลอดภัยไปได้ทั่ว ประเทศ และได้รักษาป่าไม้ ได้รักษาดินให้เป็นประโยชน์ต่อไป ซึ่งประโยชน์อันนี้จะยั่งยืนมาก ขณะนี้โครงการหลวงกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีทั้งชาวไทยและชาวต่าง ชาตินิยมไปท่องเที่ยวและพักผ่อนเป็นจำนวนมากทุกปี ผลงานของโครงการหลวงเป็นที่ประจักษ์ทั่วโลก หลายประเทศมาขอรับคำแนะนำจนกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สูงให้แก่หลาย ประเทศแล้ว นอกจากโครงการหลวงแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงมีโครงการพระราชดำริอีกมากมาย ซึ่งข้าพเจ้าขอกล่าวอย่างกว้าง ๆ พอให้ท่านทั้งหลายทราบว่า พระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนทุกภูมิภาคโดยเท่าเทียมกัน และการที่พระองค์เสด็จไปพื้นที่ทุรกันดารด้วยพระองค์เอง ทำให้ทรงเข้าถึงปัญหาแต่ละพื้นที่และหาวิธีแก้ไขได้ตรงจุด ทั้งนี้ก็โดยทรงเชิญนักวิชาการต่าง ๆ มาร่วมปรึกษาหารือ และช่วยกันดำเนินโครงการต่าง ๆ

โครงการพระราชดำริโครงการแรกเกิดที่ภาคกลาง โดยทรงเริ่มโครงการอ่างเก็บน้ำที่เขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ พ.ศ. 2506 เพื่อช่วยชาวบ้านเขาเต่าที่ขาดแคลนน้ำ ระหว่างประทับที่วังไกลกังวล ทรงพบว่าปัญหาของพื้นที่ในจังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ คือ ดินเป็นทราย ปลูกพืชไม่ค่อยขึ้น จึงทรงริเริ่มโครงการเกษตรขึ้น เช่น ที่หุบกะพง และดอนขุนห้วย ต่อมาทรงตั้งศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย จ.เพชรบุรี เพื่อทดลองการปรับปรุงบำรุงดินและมีการสร้างอ่างเก็บน้ำไว้ใช้ในพื้นที่ด้วย เมื่อไม่กี่ปีนี้ก็โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่ จ.ลพบุรี และเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมให้กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นพื้นที่ราบสูงขาดแคลนน้ำและสภาพดินเป็นดินทราย แห้งแล้ง จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างอ่างเก็บน้ำพร้อมด้วยคลองสูบน้ำขึ้นหลายแห่ง ต่อมาทรงสร้างศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน จ.สกลนคร เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้การรักษาและฟื้นฟูสภาพป่า ต้นน้ำ ลำธาร และการบำรุงดิน เป็นต้น

ที่ภาคใต้เฉพาะอย่างยิ่งที่จ.นราธิวาส พระองค์ท่านประทับเรือไปในเขตพรุ ซึ่งมีพื้นที่มหาศาล น้ำในพรุนั้นมองดูใสสะอาด แม้แต่วัวยังหลงไปกิน แล้วปากก็เปื่อยเป็นแผลนาน เพราะน้ำนั้นมีฤทธิ์เป็นกรด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสั่งให้เตรียมขวดน้ำตักน้ำด้วยพระองค์เอง เพื่อนำน้ำนั้นมาให้กรมชลประทานทดสอบคุณภาพ พระองค์ท่านมีพระราชประสงค์จะทรงเพิ่มพื้นที่ปลูกข้าวในภาคใต้ โดยทรงมีพระราชดำริ พื้นที่ตามขอบพรุนั้น น่าจะปรับปรุงให้เป็นพื้นที่เพาะปลูกได้ จึงทรงปรึกษาผู้เชี่ยวชาญหลายหน่วยงาน เช่น กรมพัฒนาที่ดิน กรมชลประทาน กรมวิชาการเกษตร เป็นต้น เพื่อให้ขุดคลองระบายน้ำในพรุออก โดยให้มีประตูระบายน้ำเพื่อควบคุมระดับน้ำในพรุ และพระราชทานคำแนะนำแก้ปัญหาดินเปรี้ยว จนสามารถปรับปรุงที่นาที่ถูกทิ้งมา 20-30 ปี ให้นำมาใช้ประโยชน์ได้มากกว่าแสนไร่ เช่น ที่นราธิวาส ได้ 20,000 กว่าไร่ นครศรีธรรมราช 20,000 กว่าไร่ ปัตตานี 10,000 กว่าไร่ เป็นต้น แต่เดิมชาวบ้านปลูกข้าวได้ไร่ละแค่ 4-5 ถัง เดี๋ยวนี้เพิ่มเป็น 50 ถังแล้ว และยังปลูกพืชผักผลไม้ได้อีกหลายชนิด รวมทั้งเลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งชาวบ้านก็กราบบังคมทูลขอพระราชทานให้ทรงทำเช่นนี้ในเขตพรุต่อไปอีก ก็รับสั่งว่าถ้าทำให้พื้นที่พรุแห้งเพิ่มมากเกินไปในที่ใกล้ ๆ กันนี้ อาจจะเกิดไฟลุกขึ้นในพรุ ซึ่งจะเป็นอันตรายได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามงานทุกโครงการโดยตลอด และทรงงานละเอียดมากทุกอย่าง ภาพที่คุ้นตาประชาชน คือภาพที่ทรงถือแผนที่ติดพระองค์เป็นประจำ แม้เวลาประทับบนเฮลิคอปเตอร์ หรือเวลาที่ทรงขับรถพระที่นั่ง จะทรงวางแผนที่ไว้ข้างพระองค์ และทอดพระเนตรสภาพพื้นที่จริงเทียบกับแผนที่ และทรงซักถามชาวบ้านถึงชื่อหมู่บ้าน ถนน แม่น้ำ ลำคลอง ทรงทำเครื่องหมายไว้และเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ลงไปเสมอ

ในห้องทรงงานที่พระตำหนักทุกแห่งจะมีแผนที่ประเทศไทยขนาดใหญ่ติดผนังห้องไว้ ทำให้ทุกพื้นที่ในประเทศไทยอยู่ในสายพระเนตรตลอดเวลา ธนาคารข้าวก็เป็นโครงการหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริให้ตั้งขึ้นเพื่อให้ราษฎรที่ประสบความเดือดร้อน มาขอยืมข้าวเมื่อทำนาและมีข้าวเหลือก็จะนำมาใช้คืน โดยให้ชาวบ้านดูแลจัดการกันเอง ในเวลาต่อมาเมื่อข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปเยี่ยมราษฎรพื้นที่ภาคเหนือแทนพระองค์ ข้าพเจ้าก็ได้ยึดถือแนวทางที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงจัดตั้งโครงการช่วยเหลือชาวไทภูเขามาเป็นต้นแบบ โดยได้รับความร่วมมือจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อนุญาตให้ใช้พื้นที่ที่ถูกแผ้วถางจนโล่งเตียนหมดแล้ว จัดตั้งเป็นสถานีเกษตรที่สูงเพื่อช่วยเหลือชาวไทภูเขาให้หยุดการทำไร่เลื่อน ลอย และเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่เคยใช้ปลูกพืชเสพติดมาเป็นแปลงเกษตร ปลูกพืชเมืองหนาว และจัดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นในพื้นที่จ.เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน บางพื้นที่ก็จัดทำเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ เพื่อช่วยอนุรักษ์ป่าไม้มีหลายพื้นที่ที่ราษฎรได้ตระหนักถึงภัยธรรมชาติที่ เคยเกิดขึ้นจากการที่ป่าส่วนมากถูกทำลาย จนเป็นสาเหตุให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและแผ่นดินถล่มลงมาทับถมบ้านเรือน ในยามที่เกิดพายุและฝนตกหนัก ราษฎรจึงได้ช่วยกันปลูกป่าและคืนผืนป่าให้แก่ทางราชการ ดังตัวอย่างเช่น ที่ดอยอมพาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ และที่บ้านกอก-บ้านจูน อ.ปัว จ.น่าน ราษฎรได้คืนผืนป่าให้ทางราชการเป็นจำนวนหลายพันไร่ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ บ้านห้วยหญ้าไซ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ก็สามารถช่วยฟื้นฟูสภาพป่าได้นับหมื่นไร่เช่นเดียวกัน

ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ข้าพเจ้าได้ขอความร่วมมือจากหน่วยทหารในพื้นที่ หน่วยทหารพัฒนาของกองทัพและส่วนราชการต่าง ๆ จัดตั้งโครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฟาร์มตัวอย่าง และฝึกราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า เพื่อช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าต้นน้ำ ลำธาร ให้กลับฟื้นคืนสภาพเป็นป่าที่สมบูรณ์ดั้งเดิม ทั้งนี้ก็เพื่อให้ป่าไม้เป็นแหล่งดูดซับน้ำและช่วยชะลอการไหลของน้ำมิให้ เกิดน้ำป่าไหลหลาก ทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงดังที่เป็นข่าวในปัจจุบัน ขอโทษนะที่นานหน่อย ยังอีกนาน มีโอกาสแสดงก็เลยนานหน่อย เมื่อครั้งที่ภาคกลางเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ทำให้ที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกินของราษฎรได้รับความเสียหายหนัก โดยเฉพาที่ จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง และสิงห์บุรี ข้าพเจ้าได้ปรึกษา พล.อ.ณพล บุญทับ รองสมุหราชองครักษ์ ขอให้ไปหาที่จัดตั้งฟาร์มตัวอย่างขึ้นที่ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี อ.แสวงหา จ.อ่างทอง และ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อช่วยให้ราษฎรมีงานทำได้แก่การเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และงานศิลปาชีพ เป็นการทำตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่เคยมีพระราชปรารภกับข้าพเจ้าว่า การแจกของในยามที่ราษฎรประสบภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นการช่วยเหลือแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ มิใช่การแก้ปัญหาอย่างถาวร การแก้ปัญหาอย่างถาวรต้องช่วยให้ราษฎรมีอาชีพ มีงานทำอย่างถาวร จึงจะเรียกว่าเป็นการช่วยที่ยั่งยืน ดังนั้นโครงการฟาร์มตัวอย่างและโครงการศิลปาชีพจึงเป็นการช่วยให้ราษฎรมี อาชีพยั่งยืนตามแนวพระราชดำรินั่นเอง

สำหรับงานศิลปาชีพ เป็นงานที่ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เพราะว่าเป็นงานที่ทำให้ข้าพเจ้าทราบว่าคนไทยของเราเก่ง มีสายเลือดของช่างฝีมือทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวนา ชาวไร่ หรือมีอาชีพใด อยู่สารทิศใด คนไทยเรามีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้เขามีโอกาสเรียนรู้ ฝึกฝน เขาก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็น ดังผลงานที่ปรากฏเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งข้าพเจ้าได้ให้นำมาจัดแสดงไว้ให้ประชาชนและชาวต่างชาติชม ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ผลงานเหล่านี้เป็นผลงานชั้นเลิศที่ถือได้ว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน ชาวต่างชาติต่าง ๆ ซึ่งเป็นแขกของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและข้าพเจ้า ได้มีโอกาสเยี่ยมชมต่างก็แสดงความคิดเห็นว่าผลงานทุกชิ้นที่แสดงอยู่ที่พระ ที่นั่งอนันตสมาคมเป็นฝีมือของศิลปินชั้นเอก ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของลูกหลานชาวนาชาวไร่ อันนี้เป็นความจริง คนไทยเราเก่งจริง ๆ

ต่อไปก็เป็นเรื่องโขน เรื่องต่อไปเป็นเรื่องการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมไทย ทราบว่าท่านทั้งหลายในที่นี้อาจได้ไปชมโขนชุดศึกมัยราพณ์ ปีนี้จัดแสดงต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 15-31 กรกฎาคม และยังได้เพิ่มรอบการแสดงต่อไปจนถึงวันที่ 7 สิงหาคม เพิ่งลาโรงไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง การจัดแสดงโขนไม่ใช่เรื่องง่าย คณะครูผู้เชี่ยวชาญการโขน ศิลปินแห่งชาติผู้แสดงและผู้จัดการแสดงต่างก็ทุ่มเทฝีมือ ความคิด และแรงกายแรงใจอย่างสุดกำลัง ทำให้โขนออกมาสนุกตื่นเต้นและสวยงามมาก มีฉากที่สร้างอย่างยิ่งใหญ่ เป็นที่ประทับใจคนดู เช่น ฉากหนุมานอมพลับพลา เป็นต้น ทุกครั้งที่จัดแสดงโขน คณะกรรมการจะคัดเลือกนักแสดงรุ่นใหม่มาเป็นผู้แสดงร่วม เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มาฝึกฝนศิลปะการแสดง ชั้นยอดของไทยจากปรมาจารย์โดยตรง เมืองไทยจะได้มีนักแสดงฝีมือดีสืบทอดวิชาต่อไป ขณะเดียวกันก็มีการจัดตั้งเครื่องแต่งกาย และฉากใหม่ ๆ ทำให้ได้ช่างฝีมือหลายประเภท ประเภทที่มีความสามารถมากขึ้นตามลำดับ รวมทั้งวงดนตรีปี่พากย์ ผู้ขับร้องและผู้พากย์บทด้วยกัน ขณะนี้จึงพอมีความหวังแล้วว่า โขนซึ่งเป็นศิลปะชั้นเอกของไทยคงไม่สูญหายไป เพื่อนของข้าพเจ้าซึ่งเป็นชาวอเมริกันได้ไปดูโขนและแสดงความตื่นเต้นอย่าง มากเลยเป็นผู้ชาย ตื่นเต้นมากบอกว่าโขนน่าจะเอาไปแสดงที่ลอสแองเจลิสบ้าง เพราะเชื่อว่าคนต่างประเทศดูแล้วจะชื่นชมมาก เป็นศิลปะที่เก่าแก่และงดงามและโก้เหลือเกิน

ข้าพเจ้าปลื้มใจมาก มีผู้เข้าชมมากมายจากทั่วประเทศ เสียงชื่นชมทุกสารทิศที่ว่าโขนชุดนี้จัดได้ดีมาก เป็นที่ประทับใจผู้ชมทุกเพศทุกวัย ทำให้ข้าพเจ้าและคณะผู้จัดมีกำลังใจยิ่งขึ้นที่จะจัดโขนชุดต่อไปในปีหน้า


http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654

.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 08:36:42 am »

พระราชดำรัสสมเด็จพระราชินี


สมเด็จพระราชินีทรงมีพระราชดำรัสต่อปวงชน ชาวไทย เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค. ทรงห่วงปัญหาป่าไม้ถูกทำลาย ยาเสพติดระบาดเกลื่อนเมือง
วันนี้ ( 11 ส.ค.) สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตราชกัญญาฯ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิตติคุณ พระราชทานพระราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆ รวม 442 คณะ จำนวน 15,304 คน เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 ส.ค.2554

เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จขึ้นที่ประทับแล้ว ท่านผู้หญิงมนัสนิตย์ วณิกกุล ราชเลขานุการในพระองค์ กราบบังคมทูลถวายรายงานสรุป และขอพระราชทานพระราชานุญาติให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กราบบังคลทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามผู้เข้าเฝ้าฯ ความว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม เนื่องในมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ในวันที่ 12 ส.ค. ศกนี้ ข้าพระพุทธเจ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของพสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปลาบปลื้มปีติสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้พระราชทานพระราชวโรกาส ให้ปวงข้าพระพุทธเจ้าเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล ด้วยความจงรักภักดี ดังเช่นที่ปฏิบัติตลอดมา ข้าพระพุทธเจ้าและประชาชนชาวไทยทั้งปวง ต่างชื่นชมโสมนัสเป็นอย่างยิ่งที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท มีพระสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ ทรงมุ่งมั่นปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อยังประโยชน์สุขแก่อาณาประชาราษฎร์เสมอมา ด้วยน้ำพระราชหฤทัยเปี่ยมด้วยพระเมตตา กรุณาต่อพสกนิกรใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ หัว ทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วราชอาณาจักร แม้ในพื้นที่ทุรกันดารห่างไกลความเจริญ ก็มิได้ทรงย่อท้อต่อความลำบากตรากตรำพระวรกาย จึงทรงทราบถึงวิถีชีวิตของราษฎร และปัญหาความยากจนการประกอบอาชีพไม่ได้ผล สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมปัญหาด้านสุขภาพอนามัย ด้อยโอกาส และปัญหาอื่น ๆ ซึ่งได้ทรงพระกรุณาหาทางแก้ไขเพื่อให้พสกนิกรพ้นจากความยากไร้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เป็นที่มาของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท และโครงการที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทรับสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระ เจ้าอยู่หัวเป็นจำนวนมาก ทั้งโครงการด้านการเกษตร การประกอบอาชีพ การศึกษา การสาธารณสุข การศาสนา การสังคมสงเคราะห์ การอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ตลอดจนการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม และทรัพยากรธรรมชาติ เช่นโครงการป่ารักษ์น้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ โครงการป่าเฉลิมพระเกียรติ โครงการธงรักษาป่า โครงการฟาร์มตัวอย่าง โครงการหมอชาวบ้าน โครงการสร้างปะการังเทียม โครงการธนาคารอาหาร โครงการศิลปาชีพฯ เป็นต้น

ซึ่งพระราชกรณียกิจนานัปการที่ทรงพระวิริยะอุตสาหะปฏิบัติบำเพ็ญ ล้วนแต่เพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุขของราษฎร ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้ในปัจจุบันใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทก็ยังทรงพระกรุณาทรงงานติดตามศึกษาการ พัฒนาด้านต่าง ๆให้ดำเนินไปตามแนวพระราชดำริที่พระราชทานไว้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในยามที่พสกนิกรประสบภัยพิบัติจากธรรมชาติ ก็ได้ทรงพระกรุณาพระราชทานพระราชทรัพย์ และพระราชานุเคราะห์แก่ราษฎรอย่างท่วงที และสม่ำเสมอ อีกทั้งยังทรงปลอบขวัญและพระราชทานพระกำลังใจให้มุ่งมั่นฝ่าฝันทุกข์ภัยทั้ง ปวงให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ส่วนพสกนิกรที่ได้รับอันตราย หรือเจ็บทุกข์ป่วยทรมาน ประสบความยากลำบากปราศจากที่พึ่ง เมื่อทราบความถึงพระเนตรพระกรรณก็ทรงพระกรุณารับไว้ในพระราชานุเคราะห์ พระเมตตากรุณาเอื้ออาทรต่อทวยราษฎร์ และพระวิริยะอุตสาหะทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อขจัดทุกข์ผดุงสุข แก่พสกนิกร ใต้เบื้องพระบารมีตลอดมาพระเกียรติคุณของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงแผ่ไพศาล ทั้งในประเทศและนานาประเทศ ดังปรากฏว่า องค์กรและสถาบันต่าง ๆ ได้ขอพระราชทานทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายปริญญา ถวายรางวัล และประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความสำนึกของปวงชนชาวไทยในพระมหากรุณาธิคุณ ล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ และแล้วล้วนมีความจงรักภักดีต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทอย่างไม่เสื่อมคลาย

เนื่องในวันมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทได้เวียนมา บรรจบอีกวาระหนึ่ง ในวันที่ 12 สิงหาคม พุทธศักราช 2554 ข้าพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ผู้มีความจงรักภักดี ขอพระราชทานน้อมเกล้าน้อมกระหม่อม ถวายพระพรชัยมงคล ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดล ให้สมเด็จพระเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระเกียรติคุณแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์จำนงใด ขอจงสัมฤทธิ์ผล สถิตเป็นพระมิ่งขวัญ คู่พระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นร่มโพธิ์ทองของพสกนิกรโดยทั่วถ้วนตราบกาลนานเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=553&contentID=156654

.
ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 07:03:59 am »





วันที่ 12 สิงหาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญที่คนไทยทุกคนรู้กันดีว่า ตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และถือเป็น "วันแม่แห่งชาติ" ของประเทศไทยที่ทุกคนให้ความสำคัญ

ซึ่งนับตั้งแต่วันแม่แห่งชาติเมื่อปี พ.ศ.2544 เป็นต้นมา ก็จะมีการตั้งคำขวัญประจำวันแม่แห่งชาติ เพื่อให้ลูก ๆ ทุกคนได้แสดงความกตัญญูกตเวทิตาต่อมารดา

และนับเป็นพระมหา กรุณาธิคุณอย่างยิ่ง ที่วันแม่แห่งชาติ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 เป็นต้นมา สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติแก่สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อจะนำไปเผยแพร่เทิดพระคุณแม่ทั่วประเทศ


โดยคำขวัญวันแม่ประจำปีต่าง ๆ มีดังต่อไปนี้
 
 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2544

         "พระองค์แรกผู้แสนดีให้ชีวิต  ครูคนแรกผู้ประสิทธิ์การศึกษา สองหัตถ์โอบนคราพาร่มเย็น รวมคุณค่านี้ได้แก่แม่เราเอง"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2545

         "แม่คือพระประจำอยู่ในบ้าน  บูชาท่านไว้เถิดเกิดมิ่งขวัญ พระคุณแม่เลิศล้ำเกินรำพัน แม่จึงเป็นคนสำคัญทุกวันไป"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2546

         "สามร้อยหกสิบห้าวันคือวันแม่  มิใช่แค่วันใดให้นึกถึงสม่ำเสมอสมัครจิตคิดคำนึง เหมือนแม่ซึ่งรักลูกครบทุกวัน"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2547

          สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า

         "แม่คือผู้ให้ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดใด นอกจากความรักความเข้าใจจากลูก"

           พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ประทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติปีนี้ความว่า

        "แม่ไม่อาจอยู่กับลูกได้ชั่วชีวิต ควรสอนให้เขารู้จักคิดและเลือกปฏิบัติในทางที่ถูกต้อง"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2548

        "ดุจดังแม่ผู้ประเสริฐบังเกิดเกล้า เลี้ยงเราทุกคนมาจนใหญ่ ทุกคำข้าวคือสินแผ่นดินไทย ควรตรองใจทดแทนคุณแผ่นดิน"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2549
 
         "รักในหลวงพร้อมใจใส่เสื้อเหลือง รักบ้านเมืองจงน้อมใจให้สร้างสรรค์ ใส่สีเดียวแล้วใจเดียวกลมเกลียวกัน รักเช่นนั้นชาติของตนจึงพ้นภัย"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2550

        "ข้าวในนาปลาในน้ำคำโบราณ คือตำนานความอุดมสมบูรณ์สิน ฝากลูกไทยร่วมห่วงแหนรักแผ่นดิน ถนอมไว้อย่าให้สิ้นแผ่นดินไทย"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2551

        "เมื่อเกิดมาอาศัยถิ่นแผ่นดินไหน ควรมีใจกตัญญูรู้คุณถิ่น หากคนไทยรู้ตอบแทนคุณแผ่นดิน จักไม่มีวันสิ้นแผ่นดินไทย"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2552

          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2552 ความว่า

          "แผ่นดินนี้ปู่ย่าตายายสร้าง  เคยทอดร่างลงถมถิ่นแผ่นดินแม่ ขอลูกไทยรักษามั่นไม่ผันแปร   เป็นไทยแท้มิใช่ไทยแต่ในนาม"

 คำขวัญวันแม่ ประจำปี 2553

          สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานคำขวัญวันแม่แห่งชาติ ปี 2553 ความว่า

          "แผ่นดินนี้แม่ของลูกใช้ปลูกข้าว กี่แสนก้าวที่เดินซ้ำย่ำหว่านไถ บำรุงดินจนอุดมสมดังใจ หวังนาไทยเป็นของไทยไปนิรันดร์"