ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
คุณพ่อคุณแม่เปรียบดั่งพระอรหันต์ในบ้าน พิมพ์คำว่า "คุณพ่อคุณแม่ฉันรักและเคารพท่านดุจพระอรหันต์":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
รู้สึกระอายใจไหมที่เราทำร้ายคนอื่นด้วยวาจาหรือสำนวนที่ไม่สุภาพ โดยที่คนคนนั้นเค้าเคยเป็นผู้มีพระคุณต่อเรามา (ไม่ละอายใจ)หรือ(ละอายใจ):
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ไม่มีอะไรสายสำหรับการเริ่มต้น พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (It is never too late to mend):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 09:31:15 pm »







(เบื้องหลัง) อุโมงค์ผาเมือง - The Outrage   :12: :06: :47: :29:

http://pad.fix.gs/index.php?topic=2897.0
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 09:29:15 pm »



สหมงคลปล่อยโปสเตอร์คาแรคเตอร์ และหนังตัวอย่างฉบับเต็มของ อุโมงค์ผาเมืองออกมาให้ได้ชมกันแล้ว เรื่องของเหตุการณ์หนึ่ง ที่พยานสามปากพูดไม่ตรงกัน แล้วอะไรเล่า คือความจริง

   เรื่องย่อของหนังก็เป็นแบบนี้

   “คือมันเป็นเรื่องของคดีที่ขุนศึก (อนันดา) กับภรรยา (พลอย เฌอมาลย์) เดินทางไปในป่าแล้วก็ได้พบกับโจรป่า (ดอม เหตระกูล) และขุนศึกก็โดนโจรป่าหลอกล่อ และข่มขืนเมียต่อหน้า แล้วท้ายสุดตัวขุนศึกก็ตายไป และโจรป่าก็โดนจับได้ ต้องไปให้การในศาล ตัวเมียขุนศึกก็ต้องไปให้การด้วย ก็มีการเข้าทรงวิญญาณของขุนศึก และต่างคนก็ต่างให้การต่างๆ กัน และเรื่องก็ดำเนินผ่านพระหนุ่ม (มาริโอ้ เมาเร่อ) ซึ่งเป็นผู้เห็นขุนศึกและภรรยาเข้าป่าไปเป็นคนสุดท้าย และตัวคนตัดฟืน (หม่ำ จ๊กมก) ก็เป็นคนพบศพ และสองคนก็ต้องให้การในศาลด้วย พระหนุ่มได้เห็นว่าทั้งสามคนก็ให้การคนละทิศคนละทางเลย ทุกคนได้รับสารภาพว่าตนเองนั้นได้เป็นคนฆ่าขุนศึก  ทั้งโจรก็รับสารภาพว่าตนเป็นคนฆ่า ตัวเมียขุนศึกก็บอกว่าเธอเป็นคนฆ่าสามี ส่วนวิญญาณขุนศึกก็ให้การว่า ทนความเสื่อมเสียเกียรติยศไม่ได้ก็เลยฆ่าตัวตายเอง

   ตัวพระหนุ่มซึ่งบวชได้พรรษาเดียว เป็นพระที่เคร่งในวินัย ได้เจอเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใจมนุษย์ได้ เรื่องเริ่มต้นตรงนี้ ระหว่างที่พระหนุ่มจะเดินทางกลับบ้านเกิด ก็เจอพายุ และตัวคนตัดฟืนก็วิ่งตามมาพอดี ทั้งสองคนก็เลยไปหลบฝนอยู่ในอุโมงค์ผาเมือง ทำให้เจอกับสัปเหร่อ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และความเป็นจริงต่างๆ ก็เปิดเผยขึ้นในอุโมงค์นั้นเอง”

   
   ข้าปลิดชีพตัวเอง เยี่ยงนักรบผู้ทรนง

   
   เรายอมรับว่าเราฆ่าคนๆนั้น

   
   ข้าเจ้า ฆ่าสามี ของข้าเจ้าเอง

   
   เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกประสก

   
   ไม่จริง โกหกทั้งเพ

   
   คนเรามันก็ดีบ้างชั่วบ้าง มันไม่สำคัญนักหรอก

   —————————————-

   บันทึกผ่านอุโมงค์ผาเมือง

   จริงๆ แล้วเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” เป็นเรื่องจำลองของโลกในยุคปัจจุบันนี้เอง คือเมื่อมนุษย์เป็นทาสวัตถุ ทาสเงิน และทาสเกียรติยศ และก็มีอัตตาสูงคือยึดตัวตนเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปากท้องเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญโดยไม่นึกถึงการให้ซึ่งกันและกัน ไม่เคยคิดถึงการบริสุทธิ์ของจิตใจ อะไรฉกฉวยได้ฉกฉวยเอา ศาสนาก็ทำบุญไปงั้นๆ ทุกคนก็อยู่กับธุรกิจส่วนตัวตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน เงินคือพระเจ้า ตอนนี้มันเหมือนกับเป็นยุคเสื่อมที่สุดของโลก ซึ่งมันก็เป็นแก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าทำไมตัวละครทั้ง 3 ถึงให้การว่าตัวเองเป็นผู้ผิดหมด มันก็ง่ายๆ คือทุกคนก็อัตตาสูง มักจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีให้กับตัวเอง ก็ไม่แตกต่างอะไรจากมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวงการบันเทิงที่ออกสื่อต่างๆ เพื่อพูดถึงภาพลักษณ์ตัวเองในแง่ที่อยากจะให้คนอื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไร

   มนุษย์เราก็มีทั้งดีและไม่ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ มนุษย์อยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เป็นฮีโร่ให้ทุกคนกล่าวขวัญถึงไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง คุณเก่งมาก รวยมาก มีอำนาจมาก ขอให้เป็นคนพิเศษของประเทศเข้าว่า เขาก็จะมีความสุขในเบื้องหลังความพิเศษเหล่านั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์สักคนเดียว

   การชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการเกิดเป็นคนไม่มีใครสมบูรณ์ และความสมบูรณ์เป็นไปได้แค่ความคิดฝันเท่านั้น ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้  เพราะฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสมมติขึ้น การเล่าแต่ละครั้งเป็นเรื่องคิดฝันของแต่ละตัวละครที่อยากให้คนอื่นมองตัวเองเป็นเช่นนั้นในบทบาทที่ตัวเองต้องการ

   อีกประเด็นหนึ่งคือต้องฟัง มันเป็นหนังไดอะล็อก ความคมคายของไดอะล็อก ความลึกซึ้ง ความหมายที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นเข็ญใจอะไร คือถ้าฟังก็จะสนุกกับบทสนทนา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยศิลปะหลายๆ ด้านมาประกอบกัน ไม่ใช่ศิลปะภาพยนตร์ที่ว่ากันด้วยภาพเพียงอย่างเดียว บทสนทนาก็มีความหมาย สีก็มีความหมาย บรรยากาศก็สื่อความหมาย ศิลปะการแสดงที่สูงส่งที่มีทั้งธรรมชาติและไม่ธรรมชาติก็มีความหมาย คือเหมือนเป็นศิลปะชิ้นหนึ่งที่ไม่ต้องคิดมากนัก แค่นี้ก็จะดูหนังสนุก และก็มีหลากหลายรสชาติ สนุก ตลก ตื่นเต้น บู๊ รัญจวนจิต มีทุกอารมณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันดูไม่ยาก แต่คุณเป็นคนช่างสังเกตหรือเปล่า ถ้าคุณมัวดูแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณจะไม่ได้อะไรจากมันเลย แต่สำหรับเราในแง่คนที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าอยากเข้าวัด อยากทำบุญ แค่นี้เราก็ถือว่าการทำหนังเรื่องนี้ของเราประสบความสำเร็จแล้ว
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 09:28:08 pm »



สหมงคลฟิล์ม ปล่อยทีสเซอร์แรกของหนัง อุโมงค์ผาเมือง มาให้ได้ชมทางเว็บแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้โรงหนังไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ใครไปดูในโรงคงได้เห็นตัวอย่างเรื่องนี้ เป็นหนังที่รวมดาราไว้อย่างคับคั่ง

   ภาพยนตร์เรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” (The Outrage) ของ “ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล” สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ “100 ปีชาตกาลของ พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช”, “40 ปีของบริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” และ “101 ปี ผู้กำกับชั้นเซียน อากิระ คุโรซาวา” ซึ่งจะเป็นภาพยนตร์ย้อนยุคไปในอาณาจักรล้านนาไทยเมื่อ 500 ปีที่ผ่านมา เล่าเรื่องราวของคดีฆาตกรรมพิศวงระหว่างขุนศึกนักรบ, โจรป่า และเจ้านางผู้เลอโฉม ผ่านการสนทนาของพระหนุ่ม, คนตัดฟืน และสัปเหร่อ ณ อุโมงค์แห่งนครผาเมือง ที่ผู้ชมจะต้องร่วมคลายปมและค้นหาความจริงที่คาดไม่ถึงไปตั้งแต่ต้นจนจบ

   โดยดัดแปลงมาจากบทละครเวทีเรื่อง “ราโชมอน” (ประตูผี) อันเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของ “พลตรี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช” จากนิยายเก่าแก่พันปีของนักประพันธ์ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่น “ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ” อันเป็นที่มาของภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องดังก้องโลกอย่าง “ราโชมอน” (Rashomon) ผลงานการกำกับของ “อากิระ คุโรซาวา” บรมครูอันยิ่งใหญ่แห่งโลกภาพยนตร์ เข้มข้นด้วยการประชันบทบาทของทีมนักแสดงชั้นนำ อนันดา เอเวอริงแฮม, เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, มาริโอ้ เมาเร่อ, พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง, เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา, ดอม เหตระกูล, ศักราช ฤกษ์ธำรงค์, รัดเกล้า อามระดิษและนักแสดงสมทบอีกคับคั่ง

   
   มาริโอ้ พลิกบทบาทบ้าง เรื่องคิ้ว พระสมัยก่อน และบางนิกาย ไม่ได้โกนคิ้วนะครับ

   
   จากวรรณกรรมบทละครเวที ราโชมอน โดย ม.ร.ว. คึกฏฤทธิ์ ปราโมช

   
   
   ภาพยนตร์โดย หม่อมน้อย ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล

   
   โจรป่า

   
   รอยสักของอนันดา

   
   พี่คนนี้ใจนักเลง

   
   น้ำตกหมอกฟ้า เชียงใหม่ เคยไปไหมครับ

   
   ดวลกระบี่กับโจร

   
   พลอยได้บทแจ่มๆเรื่อยเลย

   
   
   ความหวือหวา ก็ไม่แพ้ชั่วฟ้าดินสลายแหงๆ

   
   พี่ต๊งเหน่ง รัดเกล้า อามระดิษ

   
   
   
   
   
   
   
   
   

   อุโมงค์ผาเมือง 8 กันยายน 54 ใน โรงภาพยนตร์
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2011, 09:26:09 pm »

ขณะที่ผู้กำกับรุ่นใหญ่หลายท่าน บ้างก็อำลาวงการบันเทิงหยุดพักงานกำกับภาพยนตร์ไปพักผ่อน บ้างก็หันไปกำกับละครโทรทัศน์ตามกระแสนิยม  จึงเหลือ "ผู้กำกับภาพยนตร์" รุ่นใหญ่เพียงไม่กี่ท่านที่ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้
   


         

         นอกจาก มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล  ที่แทบจะกลายเป็น "ผู้กำกับภาพยนตร์แห่งสยามประเทศ"  ที่อยู่คู่วงการภาพยนตร์ไทยมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่มีวันเหนื่อยล้า  อีกคนที่ยังคงมีผลงานออกมาได้ชื่นชมกันก็คือ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล  ผู้กำกับผู้เคยสร้างผลงานภาพยนตร์ฮอตฮิตระดับ ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์  หลายเรื่องเป็นภาพยนตร์คุณภาพที่กวาดรางวัลมากมาย  ท่านทำให้นักแสดงที่ร่วมงานกับท่านได้รับรางวัลมาแล้วมากมายเช่นกัน  ผลงานโดดเด่นของท่าน อาทิ เพลิงพิศวาส,ช่างมัน...ฉันไม่แคร์, นางนวล,อันดา ฟ้าใส  ฯลฯ  รวมทั้งเรื่องที่เพิ่งผ่านไปคือ "ชั่วฟ้าดินสลาย" ที่ทำให้ชื่อเสียงของท่านกลับมาเกรียวกราวอีกครั้ง

         

ณ วันนี้ หม่อมน้อย เตรียมปลดปล่อยพลังแห่งความสร้างสรรค์ครั้งสำคัญ  ด้วยผลงานล่าเรื่อง "อุโมงค์ผาเมือง"  ที่ดัดแปลงสร้างจาก บทละครแปลของ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช  ที่เคยถูกสร้างเป็น ละครเวที มาแล้วหลายเวอร์ชั่น   


         โดย  หม่อมน้อย  ประกาศเจตนารมย์ชัดเจน ในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้เพื่อร่วมฉลองในวาระครบรอบ 100ปีชาตกาล พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช  และ ฉลองครบรอบ 40 ปี บริษัท สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด นี่จึงเป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประจำปนี้ของค่ายสหมงคลฟิล์ม ที่จะมาพบกับผุ้ชมในเดือน กันยายน นี้แน่นอน   

             "เรื่อง  "อุโมงค์ผาเมือง"  เกิดจากตอนอายุสิบเอ็ดสิบสองที่ได้ดูละครเวทีเรื่อง "ราโชมอน" ที่หม่อมคึกฤทธิ์แปลและเรียบเรียงจากนิยายของญี่ปุ่นอายุกว่าพันปี  ซึ่งแสดงหน้าพระที่นั่งด้วย  จำได้ มีท่านแสดง,อาหมึก ถนัดศรี,เสริมพันธุ์ สุทธิเนตร,อาคม มกรานนท์,อาจิต รัศมิทัต, สุพรรณ บูรณะพิมพ์, มาลี เวชประเสริฐ, มนัส บุณยเกียรติ นักแสดงเยอะมากมาย  จำได้มิลืมเลือน"

            "และเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ที่ มณเฑียรทอง เธียเตอร์  ผมได้นำ "ราโชมอน" มากำกับเป็นละครเวที แสดงโดย พงษ์พัฒน์ ,ธัญญา, ทรงสิทธิ์  ตอนนั้น พงษ์พัฒน์ กับ ธัญญา ยังไม่แต่งงานกันเลย  และก็ทำเพื่อเฉลิมฉลองจักรพรรดิ์ญี่ปุ่นเสร็จเยือนประเทศไทยช่วงนั้นพอดี  ตอนทำเรื่อง "ราโชมอน"  ทางสถานทูตญี่ปุ่นก็ช่วยมากมาย  พอหลังจากนั้นยี่สิบปี เมื่อปีที่แล้ว  หลังจากทำ"ชั่วฟ้าดินสลาย"เสร็จแล้ว เสี่ยเจียงก็ถามว่ามีเรื่องอะไรอยู่ในใจบ้างมั้ยที่อยากทำเป็นภาพยนตร์  แล้วพอดีกับเป็น 100 ปีท่านพอดี  เลยเอา"ราโชมอน" มาดัดแปลงเป็น "อุโมงค์ผาเมือง" ย้อนยุคไป500 ปีที่แล้ว  ในอาณาจักรล้านนาไทย ในยุคที่หลังจากที่อาณาจักรล้านนาล่มสลายในช่วงแรก โดยที่ราชวงศ์อังวะเข้ามาปกครอง ก็ได้ไปปรึกษา พี่แต้ม  หม่อมหลวงวิสุมิตรา พี่ตั้ม  หม่อมหลวงรองฤทธิ์  ว่าจะนำเรื่องนี้มาทำ และท่านก็ให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่"
   


        "ถือได้ว่าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่สุดของสหมงคลฟิล์ม  ซึ่งครบ40 ปีพอดี จะฉายเดือนกันยายน ที่นึกถึงเรื่องนี้เป็นเพราะได้เห็นว่า  ภูมิหลังใน "ราโชมอน" เดิมเกิดขึ้นในเกียวโตพันปีที่แล้ว  ที่มนุษย์เห็นแก่วัตถุ เสื่อมจริยธรรม  ศีลธรรมเสื่อมโทรมมาก  เกิดแผ่นดินไหว  เกิดอัคคีภัย เกิดโรคระบาดในเมืองนั้น ถึงขนาดเอาพระมาเผาเป็นเชื้อเพลิง เสื่อมมาก มีแต่โจรผู้ร้ายชุกชุม ทุกคนเอาแต่ผลประโยชน์ของตัว คิดแต่วัตถุเปรียบได้เหมือนโลกมนุษย์เราตอนนี้ ทั้งโลกที่มานั่งให้ความสำคัญกับวัตถุ เงินทองเท่านั้น มนุษย์เห็นแก่ตัว ความสว่างทางจิตใจไม่มีเลย ก็เลยเห็นว่า "ราโชมอน" น่าจะดัดแปลงเป็น "อุโมงค์ผาเมือง" เพื่อสะท้อนให้เห็นภาพของจิตใจมนุษย์ ณ ปัจจุบันนี้   เพราะว่าแผ่นดินไหว อัคคีภัย สึนามิ สารพัดสารเพ โลกกำลังสั่นคลอนมากเพราะมนุษย์ทำลายธรรมชาติ เห็นแก่วัตถุ เห็นแก่เงิน  เห็นแก่ตัว ก็เลยคิดถึงเรื่องนี้ นำมาสร้างเป็นภาพยนตร์เพื่อให้คนดูรู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร อะไรที่ทำให้ตัวเองมีความสุข อะไรที่เป็นหนทางเดินไปสู่ความสุข ซึ่งท่านพูดเยอะมากในบทละครของท่าน เมื่อผมแปรเป็นบทภาพยนตร์ได้ใช้บทสนทนาของท่านเก้าสิบห้าเปอร์เซอร์ มีเพิ่มนิดหน่อยเท่านั้น  คือรักษาความคมของบทสนทนาเอาไว้ เพราะว่าท่านพูดเอาไว้ในคำนำชัดเจนว่า "ท่านให้ความสำคัญแก่วจีกรรมมากกว่ากายกรรม กล่าวคือให้คนดูสนุกเพลิดเพลินไปด้วยคำพูดของตัวละคร  และรู้เค้าโครงเรื่องด้วยคำพูดนั้นมากกว่าการแสดงในฉาก"   คือท่านให้ความสำคัญกับความคมคาย และความหมายที่ลึกซึ้งของบทสนทนา ซึ่งผมรักษาไว้แทบร้อยเปอร์เซ็น"

   

         "สำหรับนักแสดง ก็คัดเลือกสุดยอดฝีมือของเมืองไทย เท่าที่มีอยู่ ณ ปัจุบันนี้  มี พงษ์พัฒน์ ,อนันดา ,มาริโอ้ ,พลอย ,หม่ำ ,ดอม เหตระกูล,รัดเกล้า และอีกมากมายที่ทุกคนอยากจะมาร่วมกับโครงการนี้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆแล้วผมตั้งใจไว้แต่ต้นที่เริ่มทำ  คือสร้างมาด้วยจิตเป็นพุทธบูชาเพื่อเป็นการแผ่กุศลทั้งมวลให้ท่าน  หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ,คุโรซาว่า อากิระ, ริวโนะสุเกะ อะคุตะงะวะ  คนแต่ง"

        "ตัวละครสำคัญหมดทุกตัว เรื่องเกิดขึ้นจากพระหนุ่มองค์นึง คือ มาริโอ้ นำแสดง ที่บังเอิญต้องเข้าไปเป็นพยานในคดีฆาตรกรรมที่เป็นปริศนา  คือว่าขุนศึกหนุ่มกับแม่หญิงภรรยาเดินทางไปกลางป่า แล้วพบโจรป่า ขุนศึกถูกฆ่าตาย เมียโดนข่มขืน โจรป่าโดนจับได้ พระหนุ่มองค์นี้เป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นสองสามีภรรยาเดินทางเข้ามาในป่า  โดยมีคนตัดฟืนเป็นผู้พบศพขุนศึก เรื่องจะเป็นคำให้การในศาล  ซึ่งโจรป่าที่โดนจับมาบอกว่าเห็นสองผัวเมียในป่า เห็นเมียสวยจึงจับสามีไปมัดและข่มขืนเมียต่อหน้า  แล้วก็ฆ่าสามีเขาตาย  ส่วนภรรยาให้การว่าเมื่อโดนข่มขืนแล้วโจรก็ไปเลย  สามีก็มองด้วยความรังเกียจเดียจฉันท์เธอจึงฆ่าสามีตัวเองตาย   ศาลก็อ้าว...สองคนให้การไม่เหมือนกัน  จึงมีการทรงวิญญาณของขุนศึกขึ้นมา"

        "วิญญาณขุนศึกบอกว่า หลังจากโจรข่มขืนเมียแล้ว เมียก็ติดใจโจรและก็บอกให้โจรฆ่าตน แต่โจรไม่ฆ่า  โจรรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้กาลีมาก  ผู้หญิงก็เลยหนีเข้าป่าไปได้  โจรก็แก้มัดขุนศึกแล้วจากไป ขุนศึกไม่อาจจะทนความอัปยศได้จึงฆ่าตัวตาย  สามคนเล่าไม่เหมือนกัน  ยอมรับว่าตัวเองเป็นฆาตกรทั้งหมด  พระหนุ่มที่ฟังอยู่ในศาลก็ค้นพบสัจธรรมไม่ได้  ท่านตัดสินใจสึกเพศบรรพชิต ระหว่างทางที่ท่านออกจากผาเมืองเพื่อกลับเชียงคำซึ่งเป็นบ้านท่าน  ก็มีพายุฝนมาท่านจึงไปติดที่อุโมงค์ผาเมือง  ซึ่งเป็นกำแพงเก่าอยู่นอกเมือง  ระหว่างนั้นคนตัดฟืนที่ไปพบศพวิ่งตามมา  สองคนก็เลยไปติดที่อุโมงค์ผาเมืองด้วย ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัปเหร่อแก่  ซึ่งแสดงโดย  พงษ์พัฒน์  หม่ำ  เป็นคนตัดฟืน  แล้วทั้งสามได้นั่งสนทนากันและได้พบสัจธรรมที่เกิดขึ้นในอุโมงค์ผาเมืองนั้น"

       "กำกับยากมั้ย โชคดีที่เคยทำละครเวทีแล้ว  ที่มณเฑียรทอง เธียเตอร์ แสดง3 เดือน เกือบ70 รอบ  คนแน่นมาก  โชคดีที่ทำอันนั้นมาก่อน และก็ได้ดูที่ท่านเล่น และได้ดูหลายๆเวอร์ชั่นที่เขาเอามาทำ ก็เลยรู้จักเป็นอย่างดี  ยิ่งรู้จักงานของท่านด้วยก็เลยเข้าใจ  สมัยที่ท่านแปลออกมาปี 07 ท่านก็เล่นเป็นตัวสัปเหร่อซะเอง  อาหมึก ถนัดศรี เล่นเป็นคนตัดฟืน  พฤหัส บุญหลง เล่นป็น พระ   คราวนี้ ดอม เหตระกูล เล่นเป็นโจร อนันดา เล่นเป็น ขุนศึก พลอย  เล่นเป็นแม่หญิงเมียขุนศึก  รัดเกล้า เล่นเป็นคนทรง"

       "การทำงานเรื่องนี้ถ่ายสามจังหวัด เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ยากตรงเดียวเท่านั้น ยากตรงแรกสุดคือทำยังไงที่จะดัดแปลงจากบทละคร  แต่เดิมเป็นญี่ปุ่นเมื่อพันปีที่แล้ว กลายมาเป็นห้าร้อยปีที่แล้วในอาณาจักรล้านนา  ต้องทำการบ้านทางด้านศิลปะวัฒนธรรมค่อนข้างสูง   ต้องทำรีเสิร์ชค้นคว้ากันเยอะมาก  เพื่อจะหายุคสมัยที่เรื่องเกิดขึ้น  เรื่องนี้ผมคิดจะทำตั้งแต่10 ปีที่แล้วด้วยซ้ำเป็นภาพยนตร์ มีการเตรียมงานสิบปีที่แล้วระดับนึง พอมาปีนี้ก็ง่ายขึ้น และได้รับการร่วมมือจากบุคคลกรหลายฝ่าย อย่างฝ่ายศิลป์ เขาไม่เคยทำภาพยนตร์ไทยเลย ทำภาพยนตร์ฝรั่งตลอด หลายคนพอรู้มาทำเรื่องนี้แล้วอยากทำ นักแสดงหลายคนพอรู้ว่าทำเรื่องนี้ก็อยากเล่น  โชคดีได้รับความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย เราก็เลือกสถานที่ส่วนใหญ่ก็เป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งนั้น อย่าง  พระธาตุจำปาหลวง  อุโมงค์ผาเมืองเราใช้ภายนอกของวัดอุโมงค์  ภายในที่ถ้ำหลวงเชียงดาว ส่วนใหญ่โลเกชั่นเป็นวัด และในป่าหลายที่มาก  บนยอดดอยที่เชียงราย ล้วนแต่เป็นที่ไกลผู้ไกลคนมาก ปัญหาส่วนใหญ่ไม่ค่อยเกิด  ทุกคนให้ความร่วมมืออย่างดี  ยกเว้นถ่ายฉากใหญ่มรสุมเข้าตอนเดือนมีนา ที่อยู่ๆฝนตกหนัก และก็หนาวมาก ฉากที่สร้างไว้ก็เละหมด โชคดีทุกอย่างสำเร็จไปด้วยดี ประกอบกับนักแสดงทุกคนซุปเปอร์สตาร์หมด ทุกคนตั้งใจ ถ่ายทำจริงๆสิบแปดวัน  แต่ใช้เวลาสองเดือนระยะเวลาที่อยู่ที่นั่น เตรียมงานจริงๆสิบปีที่แล้ว แต่มาเตรียมงานจริงๆอีกทีห้าเดือนก่อนถ่าย  ตอนนี้อยู่ในช่วงทำโพสต์โปรดักชั่น"
   
   
   วงการภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงไปหม่อมน้อยมีความเห็นอย่างไรบ้าง

        "พูดยาก  ผมไม่ค่อยได้อยู่ในวงการนี้  หนังเรื่องสุดท้าย "อันดากับฟ้าใส" มาถึง "ชั่วฟ้าดินสลาย" ห่างมา 15 ปี พูดลำบาก ซึ่งก็มีพัฒนาขึ้นในรูปแบบการถ่ายทำ ทางด้านเนื้อหาด้อยกว่าสมัยก่อนมาก เน้นความบันเทิงมากกว่าสาระ  อันนี้ที่รู้สึก ดูเอาบันเทิงใจ ตื่นเต้นเร้าใจ  ออกมาเป็นหนังผีบ้าง ตลกบ้าง ซึ่งคิดว่าทางด้านปัญญาค่อนข้างหายไป แต่ก็แปลกใจที่ว่ามาทำ"ชั่วฟ้าดินสลาย" ก็เสียงตอบรับค่อนข้างดี ไม่ถึงกับโหดร้าย  อาจจะเป็นกลุ่มน้อยหน่อยที่ชื่นชอบหนังประเภทนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสี่ยเจียงที่เห็นคุณค่าทางภาพยนตร์ ท่านเองก็มีภาพยนตร์ตลาดเยอะแยะแต่ท่านก็อยากทำภาพยนตร์เรื่องนี้จริงๆ  แล้วก็เป็นไอเดียของเสี่ยเจียง  ตอนที่คุยกันเรื่องนี้ฝ่ายขายไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ท่านก็อยากทำ ท่านอาจจะเล็งเห็นกระมังว่า หนังประเภทนี้ที่ให้สาระประโยชน์กับคนสูญหายไป"


   โปรเจกต์ต่อไปของหม่อมน้อย

       "ยังเลยครับ ผมทำอะไรได้ทีละอย่างเดียว จริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจ แต่เสี่ยเจียงเรียกไปคุยอยากให้ทำหนังดีๆออกมา ทั้ง "ชั่วฟ้าดินสลาย" หรือ"อุโมงค์ผาเมือง"  เหมือนเป็นโปรเจกต์ส่วนตัวของเสี่ยเจียง ไม่ใช่เอามาเป็นหนังตลาดขาย  ท่านไม่ได้คิดอย่างนั้น อยากทำหนังดีๆอย่างที่ท่านชอบ  บังเอิญผมตอบโจทย์ท่านได้เท่านั้นเอง"


   ที่ผ่านมาหม่อมน้อยจะมีนักแสดงคู่ใจ อาทิ  อนันดา ,ลิขิต,นก สินจัย ฯลฯ นักแสดงเหล่านี้มีคุณสมบัติอย่างไรที่ทำให้ท่านถูกใจ
       "ไม่ใช่อย่างนั้นครับ  คือส่วนใหญ่จะใช้ลูกศิษย์เล่นทั้งนั้น  ไม่ว่าจะเป็น ตุ้ย ธีรภัทร, ดารณีนุช  ผมจะใช้คนที่ถูกฝึกฝนมาด้วยวิธีเดียวกัน  ผมต้องการนักแสดงจริงๆ  คนที่เข้าใจการแสดงจริงๆ  ผมไม่ได้ต้องการดารา  แต่ช่วยไม่ได้ที่เขากลายไปเป็นดารายอดนิยมไป  มันก็คือเรื่องของเขา เราจะใช้คนที่เข้าใจจริงๆวาแอ็คติ้งคืออะไร"


   อยากให้ท่านพูดถึงลูกศิษย์ท่านแต่ละคน

        "ผมมองคล้ายๆญาติพี่น้องมากกว่า  เหมือนลูกเหมือนหลาน ไม่ได้มองเขาเป็นดารา ตอบคำถามนี้ยาก  เพราะว่าเราทำงานกันเพราะเราเข้าใจวิธีการทำงานซึ่งกันและกันเท่านั้น  ไม่เคยเห็นเขาเป็นดารา เพราะว่าตอนที่เขาเริ่มกับเรา  เขาไม่ได้เป็นดาราเลย  เราอยู่กันเหมือนครอบครัว ไม่ใช่คนในวงการ เราสนิทกันมากกว่านั้น  นกเองเราก็สอนตั้งแต่แบเบาะ  ดังไม่ดังก็ไม่ได้สนใจ อย่างอนันดาเลี้ยงกันเหมือนลูก ไม่ได้เห็นมันแตกต่างอะไร  กับคนที่ทำงานด้วยกันตอบยาก เหมือนอุตสาหกรรมในครอบครัว  เคยเอาคนที่ไม่เคยสอนมาแสดงเหมือนกัน  แต่ก็ทำไม่ได้ดี เหมือนไม่รู้ทางกัน คือความสัมพันธ์พูดยาก นานๆผมจะทำอะไรสักที  ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ  ผู้กำกับก็ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ การมาทำหนังเป็นพาร์ทไทม์ แต่ก็ทำเต็มที่  เหมือนนานๆจะมาทำสักที  ไม่ได้มองเป็นธุรกิจ  เพราะฉะนั้นเอามาตรฐานของคนรุ่นใหม่มาวัดกับวิธีการทำงานวิธีการคิดของผมไม่ได้  ไม่ใช่มาคบกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันไม่ใช่  อย่างนั้นไม่ไหว ตลอดชีวิตไม่ว่าจะเป็นงานภาพยนตร์ งานละครโทรทัศน์ หรือละครเวที ผมมองเป็นศิลปะ  ไม่ได้มองเป็นการค้า ทำเฉพาะในเรื่องที่เราศรัทธาจริงๆ ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ไม่ได้อยู่กินด้วยสิ่งเหล่านี้ ทำทีมันจึงทำด้วยใจ และก็ไม่สามารถร่วมงานกับคนที่มาหวังผลประโยชน์ได้  ต้องการร่วมงานกับหม่อมน้อยเพราะอยากดัง ต้องการร่วมงานเพราะอยากได้รางวัล  เพราะต้องการเงิน  คือคุณต้องรักงานที่ทำจริงๆ ต้องเห็นคุณค่าในงานจริงๆ  เราไม่ขายจิตวิญญาณเรา   ภาพยนตร์เรื่องนี้เราก็ไม่เอาค่าตัว  ค่ากำกับไม่มี  เงินค่าตัวสิบล้านก็ซื้อไม่ได้  ร้อยล้านก็ซื้อไม่ได้  มันสมองของเรามีค่ามากกว่านั้น  เรากำหนดเป็นค่าตัวไม่ได้  เราไม่ใช่โสเภณี  เราทำงานเพราะเรารักจะทำ"

   ผลงานของท่านเองที่ประทับใจที่สุด

       "ผมไม่เคยพอใจสักชิ้นเดียว  ถ้าพอใจคงไม่ต้องทำแล้วแหละ ถ้าเป็นมาสเตอร์พีซแล้วก็คงไม่ต้องทำแล้ว  ทำแต่ละครั้งก็ยังเห็นข้อบกพร่องอยู่ มันก็เลยเป็นกำลังใจที่จะทำต่อไป"


   ยังมีนักแสดงคนไหนบ้างมั้ยที่อยากร่วมงานด้วย

      "ไม่มี  นักแสดงขึ้นอยู่กับบท กับคาแรกเตอร์แต่ละเรื่องเท่านั้นเอง ไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียงหรือไม่มีชื่อเสียง"

    ผู้กำกับรุ่นใหม่ที่ท่านชื่นชอบผลงาน

         "เจ้ย  อภิชาติพงศ์  มาอันดับหนึ่งเลย ชอบหนังเขามาก ความคิดเขากว้างไกลมาก  ทัศนวิสัยกว้างไกล ภาพยนตร์ก็เป็นภาพยนตร์แท้ๆ ไม่มีการค้ามาเกี่ยวข้อง เป็นงานศิลปะจริงๆ ในทุกเรื่องที่เขาทำ  มีแง่มุมในด้านความคิดความอ่าน สะท้อนออกมาในภาพยนตร์ลึกซึ้งมาก ไม่บังคับคนดู  คือคนไทยอาจจะไม่ชินกับการดูหนังประเภทนี้  ไม่ต้องคนไทยหรอกฝรั่งบางคนยังดูไม่รู้เรื่องเลย  เป็นงานศิลปะแท้ๆ ใช้เทคนิคของภาพยนตร์มาสร้างฟอร์มของงานศิลปะ  โดยไม่เอาการค้ามาเกี่ยวข้องเลย   ถ่ายทอดความคิดแบบชาญนฉลาดและลึกซึ้ง  ความเข้าใจในมนุษย์สูงมาก  คือเราติดกับหนังฮอลลีวู้ด หนังจีนซะเยอะ  เลยดูหนังประเภทนี้น้อย  เราโชคร้ายที่ไม่โดนปลูกฝัง ผมรู้สึกชื่นชอบและศรัทธาเขาเหลือเกิน"

   ฝากถึงผลงาน "อุโมค์ผาเมือง"

         "คิดว่าเดือนกันยานี้คงได้ดูกัน  คืออย่างน้อยที่สุด  กลัวเหมือนกันดูหนังเรื่องนี้แล้วจะ คิดลึก คือไม่ต้องคิดลึกเลย  ดูสบายๆที่มีความสนุกสนานอยู่ในนั้น  แอบตลกด้วยซ้ำไป  ในความตลกต่างๆในนั้นมันสะท้อนภาพมนุษย์ทุกคน ดูไปแล้วเหมือนกระจกส่องตัวเราว่ามนุษย์คืออะไร  เกิดขึ้นมาทำไม อย่างน้อยที่สุดถ้าดูไปแล้วคิดอยากจะเข้าวัดก็เป็นความสำเร็จของภาพยนตร์"



http://www.siamrath.co.th/web/?q=node/72237