สหมงคลปล่อยโปสเตอร์คาแรคเตอร์ และหนังตัวอย่างฉบับเต็มของ อุโมงค์ผาเมืองออกมาให้ได้ชมกันแล้ว เรื่องของเหตุการณ์หนึ่ง ที่พยานสามปากพูดไม่ตรงกัน แล้วอะไรเล่า คือความจริง
เรื่องย่อของหนังก็เป็นแบบนี้
“คือมันเป็นเรื่องของคดีที่ขุนศึก (อนันดา) กับภรรยา (พลอย เฌอมาลย์) เดินทางไปในป่าแล้วก็ได้พบกับโจรป่า (ดอม เหตระกูล) และขุนศึกก็โดนโจรป่าหลอกล่อ และข่มขืนเมียต่อหน้า แล้วท้ายสุดตัวขุนศึกก็ตายไป และโจรป่าก็โดนจับได้ ต้องไปให้การในศาล ตัวเมียขุนศึกก็ต้องไปให้การด้วย ก็มีการเข้าทรงวิญญาณของขุนศึก และต่างคนก็ต่างให้การต่างๆ กัน และเรื่องก็ดำเนินผ่านพระหนุ่ม (มาริโอ้ เมาเร่อ) ซึ่งเป็นผู้เห็นขุนศึกและภรรยาเข้าป่าไปเป็นคนสุดท้าย และตัวคนตัดฟืน (หม่ำ จ๊กมก) ก็เป็นคนพบศพ และสองคนก็ต้องให้การในศาลด้วย พระหนุ่มได้เห็นว่าทั้งสามคนก็ให้การคนละทิศคนละทางเลย ทุกคนได้รับสารภาพว่าตนเองนั้นได้เป็นคนฆ่าขุนศึก ทั้งโจรก็รับสารภาพว่าตนเป็นคนฆ่า ตัวเมียขุนศึกก็บอกว่าเธอเป็นคนฆ่าสามี ส่วนวิญญาณขุนศึกก็ให้การว่า ทนความเสื่อมเสียเกียรติยศไม่ได้ก็เลยฆ่าตัวตายเอง
ตัวพระหนุ่มซึ่งบวชได้พรรษาเดียว เป็นพระที่เคร่งในวินัย ได้เจอเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกว่าไม่สามารถเข้าใจมนุษย์ได้ เรื่องเริ่มต้นตรงนี้ ระหว่างที่พระหนุ่มจะเดินทางกลับบ้านเกิด ก็เจอพายุ และตัวคนตัดฟืนก็วิ่งตามมาพอดี ทั้งสองคนก็เลยไปหลบฝนอยู่ในอุโมงค์ผาเมือง ทำให้เจอกับสัปเหร่อ (พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง) และความเป็นจริงต่างๆ ก็เปิดเผยขึ้นในอุโมงค์นั้นเอง”
ข้าปลิดชีพตัวเอง เยี่ยงนักรบผู้ทรนง
เรายอมรับว่าเราฆ่าคนๆนั้น
ข้าเจ้า ฆ่าสามี ของข้าเจ้าเอง
เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอกประสก
ไม่จริง โกหกทั้งเพ
คนเรามันก็ดีบ้างชั่วบ้าง มันไม่สำคัญนักหรอก
—————————————-
บันทึกผ่านอุโมงค์ผาเมือง
จริงๆ แล้วเรื่อง “อุโมงค์ผาเมือง” เป็นเรื่องจำลองของโลกในยุคปัจจุบันนี้เอง คือเมื่อมนุษย์เป็นทาสวัตถุ ทาสเงิน และทาสเกียรติยศ และก็มีอัตตาสูงคือยึดตัวตนเท่านั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปากท้องเท่านั้นที่เป็นเรื่องสำคัญโดยไม่นึกถึงการให้ซึ่งกันและกัน ไม่เคยคิดถึงการบริสุทธิ์ของจิตใจ อะไรฉกฉวยได้ฉกฉวยเอา ศาสนาก็ทำบุญไปงั้นๆ ทุกคนก็อยู่กับธุรกิจส่วนตัวตั้งหน้าตั้งตาหาเงิน เงินคือพระเจ้า ตอนนี้มันเหมือนกับเป็นยุคเสื่อมที่สุดของโลก ซึ่งมันก็เป็นแก่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าทำไมตัวละครทั้ง 3 ถึงให้การว่าตัวเองเป็นผู้ผิดหมด มันก็ง่ายๆ คือทุกคนก็อัตตาสูง มักจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดีให้กับตัวเอง ก็ไม่แตกต่างอะไรจากมนุษย์ในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวงการบันเทิงที่ออกสื่อต่างๆ เพื่อพูดถึงภาพลักษณ์ตัวเองในแง่ที่อยากจะให้คนอื่นเห็นตัวเองเป็นเช่นไร
มนุษย์เราก็มีทั้งดีและไม่ดี ภาพยนตร์เรื่องนี้พูดถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ มนุษย์อยากจะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ เป็นฮีโร่ให้ทุกคนกล่าวขวัญถึงไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง คุณเก่งมาก รวยมาก มีอำนาจมาก ขอให้เป็นคนพิเศษของประเทศเข้าว่า เขาก็จะมีความสุขในเบื้องหลังความพิเศษเหล่านั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์สักคนเดียว
การชมภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าการเกิดเป็นคนไม่มีใครสมบูรณ์ และความสมบูรณ์เป็นไปได้แค่ความคิดฝันเท่านั้น ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องสมมติขึ้น การเล่าแต่ละครั้งเป็นเรื่องคิดฝันของแต่ละตัวละครที่อยากให้คนอื่นมองตัวเองเป็นเช่นนั้นในบทบาทที่ตัวเองต้องการ
อีกประเด็นหนึ่งคือต้องฟัง มันเป็นหนังไดอะล็อก ความคมคายของไดอะล็อก ความลึกซึ้ง ความหมายที่เข้าใจง่ายๆ ไม่ได้ยากเย็นเข็ญใจอะไร คือถ้าฟังก็จะสนุกกับบทสนทนา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยศิลปะหลายๆ ด้านมาประกอบกัน ไม่ใช่ศิลปะภาพยนตร์ที่ว่ากันด้วยภาพเพียงอย่างเดียว บทสนทนาก็มีความหมาย สีก็มีความหมาย บรรยากาศก็สื่อความหมาย ศิลปะการแสดงที่สูงส่งที่มีทั้งธรรมชาติและไม่ธรรมชาติก็มีความหมาย คือเหมือนเป็นศิลปะชิ้นหนึ่งที่ไม่ต้องคิดมากนัก แค่นี้ก็จะดูหนังสนุก และก็มีหลากหลายรสชาติ สนุก ตลก ตื่นเต้น บู๊ รัญจวนจิต มีทุกอารมณ์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ มันดูไม่ยาก แต่คุณเป็นคนช่างสังเกตหรือเปล่า ถ้าคุณมัวดูแต่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณจะไม่ได้อะไรจากมันเลย แต่สำหรับเราในแง่คนที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าอยากเข้าวัด อยากทำบุญ แค่นี้เราก็ถือว่าการทำหนังเรื่องนี้ของเราประสบความสำเร็จแล้ว