ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2011, 12:06:43 pm »โสตาปัตติยังคะ (องค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดาบัน) เป็นไฉน?.....
ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสตาปัตติยังคะ ดังนี้ โสตาปัตติยังคะเป็นไฉน?
[๑๔๒๘] ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
โสตาปัตติยังคะ คือ
สัปปุริสสังเสวะ การคบสัตบุรุษ ๑
สัทธรรมสวนะ ฟังคำสั่งสอนของท่าน ๑
โยนิโสมนสิการกระทำไว้ในใจโดยอุบายที่ชอบ ๑
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ๑.
[๑๔๒๙] พ. ถูกละๆ สารีบุตร โสตาปัตติยังคะ คือ
สัปปุริสสังเสวะ ๑
สัทธรรมสวนะ ๑
โยนิโสมนสิการ ๑
ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ ๑.
[๑๔๓๐] ดูกรสารีบุตร ก็ที่เรียกว่า ธรรมเพียงดังกระแสๆ ดังนี้
ก็ธรรมเพียงดังกระแสเป็นไฉน?
ท่านพระสารีบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล คือ
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ชื่อว่า ธรรมเพียงดังกระแส.
[๑๔๓๑] พ. ถูกละๆ สารีบุตร อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้แล คือ
สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ
สัมมาสมาธิ ชื่อว่า ธรรมเพียงดังกระแส
[๑๔๓๒] ดูกรสารีบุตร ที่เรียกว่า โสดาบันๆ ดังนี้
โสดาบันเป็นไฉน?
สา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ผู้ใดประกอบด้วยอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้
ผู้นี้เรียกว่าพระโสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้.
[๑๔๓๓] พ. ถูกละๆ สารีบุตร
ผู้ซึ่งประกอบด้วยอริยมรรค ๘ นี้ เรียกว่า โสดาบัน
ท่านผู้นี้นั้น มีนามอย่างนี้.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=19&A=8316&Z=8337
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๙ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๑
สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค
สาริปุตตสูตรที่ ๒
ว่าด้วยองค์ธรรมเครื่องบรรลุโสดา
[๔๓๔] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรจอมเทพ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น ถ้าข้อนี้ ภิกษุได้สดับแล้วอย่างนี้ ภิกษุนั้นย่อมรู้ยิ่งซึ่งธรรมทั้งปวง ครั้นรู้ยิ่งซึ่งธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมทราบชัดธรรมทั้งปวง ครั้นทราบชัดธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สุขก็ดี ทุกข์ก็ดีมิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ดี เธอย่อมพิจารณาเห็นว่าไม่เที่ยง พิจารณาเห็นความหน่าย พิจารณาเห็นความดับ พิจารณาเห็นความสละคืนในเวทนาทั้งหลายนั้น เมื่อพิจารณาเห็นดังนั้น ย่อมไม่ยึดมั่นสิ่งอะไรๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสให้สงบได้เฉพาะตัว และทราบชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดังนี้ ดูกรจอมเทพ กล่าวโดยย่อ ด้วยข้อปฏิบัติเท่านี้แล
ภิกษุชื่อว่าน้อมไป ในธรรมเป็นที่สิ้นแห่งตัณหา มีความสำเร็จล่วงส่วน มีความปลอดโปร่ง
จากกิเลสเป็นเครื่องประกอบล่วงส่วน เป็นพรหมจารีล่วงส่วน มีที่สุดล่วงส่วน เป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=12&A=7915&Z=8040
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔
มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
พระพุทธเจ้าสอนให้เราเดินเข้าสู่อริยะมรรค ทั้งพระไตรปิฎกพระบรมศาสดาทรงสอนให้เราทำเรื่องเดียวคือ ที่สุดแห่งทุกข์โดยทำอริยมรรคผลให้เกิดแก่จิตเรา ดังนั้นการนำคำสอนมาอบรมจิตย่อมมีความสำคัญ ตัวอย่าง พระโมคคัลนะก็นำคำสอนมาอบรมจิตในขณะที่พบกับความง่วง จนบรรลุอรรหัตมรรคเช่นกัน หรือ พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะก่อนบวช พระสารีบุตร นามเดิม อุปปติสสะ ก็บรรลุโสดาบันเพียงแค่ฟังธรรมจากพระอัสสชิ เพราะขณะฟังท่านดำรงฌาณ คือมีสัมมาสมาธิ วิจัยธรรม พิจารณาตามโดย วิตก วิจาร จนเกิด ปิติ สุข เอกัคคตารมณ์
"เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาประกาศพระศาสนา ณ กรุงราชคฤห์ วันหนึ่งพระอัสสชิได้เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน อุปติสสะมาณพผ่านไปพบท่าน จึงเกิดความเลื่อมใสในอิริยาบถอันสงบเสงี่ยมของท่านและได้ติดตามท่านไป เมื่อได้โอกาสอันควรจึงเข้าไปแสดงความเคารพและขอให้ท่านแสดงธรรมให้ฟัง พระอัสสชิบอกว่าท่านอยู่กับพระศาสดา เพิ่งบวชได้ไม่นาน ไม่อาจชี้แจงหลักธรรมได้ละเอียดมากนัก ท่านจึงได้แสดงโดยย่อว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้นและความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระศาสดาทรงสั่งสอนอย่างนี้” พอท่านได้ฟังหลักธรรมย่อก็สามารถเข้าใจความหมายได้เป็นอย่างดี และเกิดความซาบซึ้ง มีความเลื่อมใสเชื่อมั่นในพระพุทธศาสนา จนได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคลชั้นต้น คือ พระโสดาบันได้ อุปติสสะรีบนำความไปเล่าให้โกลิตะมาณพสหายฟัง โกลิตะพอได้พอได้ฟังก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเช่นกัน"
หลังจากพระสารีบุตรได้อุปสมบทได้ 15 วัน ก็ได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ เพราะได้ฟังพระเทศนาที่พระศาสดาตรัสแก่ปริพพาชกผู้เป็นหลานฟัง ขณะที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่หลาน พระสารีบุตรได้ตรึกตรองตามพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัส เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง จึงได้ดวงตาเห็นธรรมเกิดปัญญา จิตหลุดพ้นจากกิเลสทั้งหลาย ได้บรรลุพระอรหัตตผล ส่วนหลานได้เพียงดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน
รวบรวมข้อธรรมนำมาแบ่งปันโดย :
natjar2001 : webboard.news.sanook.com
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ