ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 08:45:51 pm »... หลวงพ่อเทียนมีปรีชาญาณ ...
ชาติกำเนิดเลือกไม่ได้ แต่หลวงพ่อเทียนมีปรีชาญาณ ท่านเป็นคนธรรมดา ถ้อยคำธรรมดา แต่แทงทะลุใจคน ท่านเอาแก่นมอบให้คนที่เข้าร่วมปฏิบัติด้วยใจจริง ๆ ถือเป็นนิมิตที่ดีที่มีคนเข้าร่วมเรื่อย ๆ
หลวงพ่อบอกว่า แทบทุกจังหวัดมีคนปฏิบัติตามแนวทางของท่าน ปฏิบัติแบบเงียบ ๆ ชนิดที่ “ทุ่มชีวิต” ให้ทั้งชาติไปเลย ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกกิจกรรมของชีวิตคือการภาวนา แต่ไม่เคร่งเครียด ไม่คาดหวัง และไม่เป็นทุกข์
การปฏิบัติภาวนานี้ ไม่มีใครช่วยปฏิบัติแทนใครได้ นอกจากต้องปฏิบัติเอง ต้องช่วยตัวเองก่อน
ที่สิงคโปร์ เวลาหลวงพ่อเทียนสอนปฏิบัติจะคึกคักมาก ชาวสิงคโปร์เดินมากมายเหมือนสายน้ำ
สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าตรัสกับนักบวชว่า ทุกลมหายใจคือการภาวนา ทั้งยืน เดิน นอน นั่ง ล้วนแล้วแต่ภาวนาทั้งสิ้น ที่เมืองสาวัตถี คนปฏิบัติเจริญสติกันทั้งเมือง อิทธิพลคำสอนของพระพุทธเจ้าครอบคลุมทั่วทั้งชมพูทวีป เป็นคำสอนที่ลัด ตรง ทุกคนทุกวัยได้รับประโยชน์ จนพราหมณ์คนหนึ่งถึงกับอุทานว่า “เจอช้าง เจอเสือ เอาตัวรอดได้ แต่พอมาเจอพระสมณโคดม ไม่มีรอดสักราย”
คนรุ่นหลังๆ ให้ข่าวสารเรื่องชีวิต แต่ชีวิตมิได้มีเท่าที่ตาเห็น เราได้ตอบสนองต่อพระศาสดา ต่อศรัทธาของพระองค์ท่านหรือไม่ ดูพระพุทธเจ้า ดูวิถีทางของพระองค์ จากเจ้าชายผู้มั่งคั่ง มาเป็นขอทาน เพื่อแลกกับสติปัญญาระดับสูง
... ของดีเป็นของไทย หลวงพ่อเทียนนำมาเปิดเผย ...
ศาสนาพุทธเป็นเรื่องของสติปัญญาระดับสูง เป็นของดีของคนไทย ฝรั่งตามหากันมาก แต่คนไทยไม่เข้าใจ หลงลืมไป หลวงพ่อเทียนนำมาเปิดเผย ท่านทำเรื่องเล่าลือให้เป็นจริง คนทุกคนที่ปฏิบัติตามแนวทางของหลวงพ่ออย่างจริงจังแล้ว เขาจะเป็นสื่อที่ดี หลวงพ่อฝากลายไว้ให้โลกลือ เล่าลูกเล่าหลานในวันหน้า ท่านสอนโดยวิถีทางเฉพาะราย ท่านทำในสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้ “ให้โลกดู” เหมือนเมื่อครั้งสมัยก่อนหน้านี้ที่มีพระอรหันต์นั่งตายให้โลกดู
การนำการปฏิบัติภาวนามาประยุกต์เข้ากับการเต้น การรำ เพื่อดึงดูดให้คนสนใจเข้ามาร่วมปฏิบัติธรรมมาก ๆ นั้น เป็นการกระทำที่ต้องระวังเป็นอย่างมาก เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง เป็นการต่อรอง อาจทำให้การเจริญในธรรมเป็นไปอย่างเชื่องช้า จริงอยู่การกระทำดังกล่าวอาจทำให้คนเข้าร่วมได้มาก แต่เราไม่ได้วัดกันที่ตรงนั้น หากได้คนเข้าร่วม ๑๐,๐๐๐ คน แต่ไม่ได้กรรมฐานก็เหมือนคนป่า หากธรรมะสร้างคนแล้ว คนจะเป็นสื่อเอง
หลวงพ่อเป็นคนธรรมดา พูดเหน่อ มิใช่ผู้วิเศษ แต่ท่านเข้าถึงจริง ๆ ท่านบอกว่า หากพระพุทธเจ้าเสด็จมาสนามหลวง ท่านจะไม่ไปเยี่ยม ฟังเหมือนอวดดี แต่จริง ๆ แล้วท่านให้กำลังใจ เพราะการภาวนายาก คนมักเกียจคร้านและเบื่อหน่าย หรือที่ง่ายเกินไป นี่ก็เป็นปัญหาได้เท่ากัน
หลวงพ่อไม่กระหายจะมีสาวก หากเขาไม่พร้อมจะเอาหัวใจให้ เราก็ต้องรอก่อน นักฟุตบอล หากไม่มีลูกฟุตบอลผ่านหน้า ชู้ตไปก็เหนื่อยเปล่า เราต้องการความแน่วแน่ มิใช่ตึงเครียด เอาเป็นเอาตาย อาจเป็นบ้าได้
... การตั้งสติคือการภาวนา ...
คนเรามักกังวลเรื่องสุขภาพจนลืมปฏิบัติธรรม แล้วหลงเรียกว่าภาวนา จริง ๆ แล้วไม่ใช่ การตั้งสติคือการภาวนา ปฏิบัติแบบธรรมดา ๆ ไม่หวังอะไร ผลย่อมเกิดแต่เหตุ ทุกครั้งที่ปรารภความเพียร คือทุกครั้งที่ได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
เรื่องสุขภาพ อาหารการกิน ธุรกิจ ถือเป็นเรื่องเล็ก ๆ อย่าไปทุ่มเทมาก เรื่องใหญ่กว่านั้น “มี” ให้นั่งยกมือสร้างจังหวะ เจริญสติ จับความรู้สึกตัว แล้วชีวิตจิตใจจะงอกงามไปเรื่อย ๆ โดยที่เราคาดไม่ถึง เราจะพบว่าเรื่องใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว มันเปลี่ยนได้จริง ๆ เคยกลัวความยากจน กลัวผี กลับกลายเป็นไม่กลัว ไม่กังวลกับเรื่องใด ๆ จิตใจที่เดิมเต็มไปด้วยความทุกข์ จะกลับทุเลา เบาบางลง น้อยใจคนไม่เป็น บางเรื่องที่คิดว่าเราไม่น่าจะทำได้ แต่เราทำได้ เรื่องนี้เราน่าจะทุกข์ แต่เราไม่ทุกข์ เรื่องเช่นนี้เราน่าจะโกรธ แต่เรากลับเฉยมิใช่เก่งกล้าที่ละกิเกสได้ กิเลสยังมีอยู่ แต่เราไม่อุ้มฉวยมันมา มันก็ไม่หนัก
มิใช่กิเลสหมด มันยังมี แต่เราไม่ยึดถือ มันก็ไม่หนัก ขอให้วันคืนเป็นวันคืนแห่งการภาวนา อย่าให้ผลประโยชน์เล็กน้อยช่วงชิงผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ของชีวิต
เมื่อไรที่จับความรู้สึกตัวได้ เมื่อนั้นหลวงพ่อเทียนอยู่ตรงนั้น พระพุทธเจ้าอยู่ตรงนั้น คือ อยู่กับปัจจุบัน แต่อย่าเกาะกับปัจจุบัน
อยู่กับปัจจุบัน แต่อย่ายึดถือปัจจุบัน
ดูใจอย่างเดียวคือการปฏิบัติ
การภาวนาเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนมารู้สึกตัว พอรู้ตัวว่าขาดสติ นั่นคือสติ
การภาวนาอย่างต่อเนื่องจะทำให้รู้สึกตัวถี่ขึ้น ความไม่รู้สึกตัวจะถดถอย ความไม่รู้สึกตัวมีรากเหง้าคืออวิชชา เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรี หากคนหนึ่งนั่งแล้ว อีกคนก็นั่งไม่ได้
การไม่รู้สึกตัว การรู้สึกตัวอย่างไม่ต่อเนื่อง การดิ้นรนที่จะรู้สึกตัว ถือเป็นความทุกข์ทั้งสามอย่าง อุปสรรคของการปฏิบัติคือ ปฏิบัติไม่ต่อเนื่อง ปฏิบัติแบบเล็งผลเลิศ
การปฏิบัติเพื่อความรู้สึกตัวตามแนวทางของหลวงพ่อเทียน เป็นเรื่องง่าย ๆ แต่ยากสำหรับคนเหยาะแหยะ แล้วจะมากินแหนงตัวเองภายหลังว่า หากรู้อย่างนี้ปฏิบัติจริง ๆ จัง ๆ ตั้งแต่ต้นก็ดี
ท่านอาจารย์โกวิท เขมานันทะเล่าเรื่องหลวงพ่อเทียนให้พวกเราฟังมาถึงตรงนี้แล้วท่านก็รู้สึกเหนื่อยมาก สำหรับวันนี้จึงขอหยุดพักไว้เพียงเท่านี้ก่อน
เราทั้งสองเห็นว่า ตลอดเวลา ๒ ชั่วโมงที่ท่านอาจารย์กรุณาเล่าเรื่องธรรมะของหลวงพ่อเทียนให้พวกเราฟังนั้นมีประโยชน์มาก จึงขออนุญาตท่านอาจารย์นำไปเผยแพร่ ท่านก็อนุญาตและกรุณาตรวจต้นฉบับให้ด้วย พวกเรา คณะกรรมการอำนวยการจัดงาน ๔ ภาค ๑๐๐ ปี ชาตกาลหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์โกวิท เขมานันทะเป็นอย่างสูงมา ณ ที่นี้
เรา ๒ คน สมคิด มหิศยาและสิริรัตน์ เจ้าประเสริฐ ผู้เล่าเหตุการณ์
Credit by :
ทวีเกียรติ โตจำเริญ : http://lpteean.blogspot.com/2010/11/blog-post_09.html
Pics by : Google
สุขใจดอทคอม * อกาลิโกโฮม
ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ