ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:18:19 pm »ความรัก กับ ความทุกข์ เศร้า และผิดหวัง
อันมนุษย์สุดเฉาให้เศร้านัก
ยังปักรักปักหลงไม่สงสัย
มันก่อร่างทางมาและทางไป
เป็นอย่างไรไม่ดูไม่รู้ลา
เพราะพึงใจในรูปที่จูบหอม
หรือสมยอมยินเสียงไม่เดียงสา
หรือแรงเรียกเพรียกแห่งกระแสตา
หรือใบหน้าคร่าจิตพิชิตใจ
เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูให้รู้คลาย
ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001076.htm#2
รักสามเส้าก็คือความเศร้าจากราคะสามหน่วยนั่นแหละ
ปฐมเหตุแห่งการมีรักสามเส้าคือความใจอ่อน ไม่เด็ดเดี่ยวในการเลือก ไม่เด็ดขาดในการปฏิเสธ
ปล่อยให้เริ่มต้นง่ายๆ แล้วปล่อยให้เลยตามเลย จนมาถึงจุดที่อ้างได้ว่าสายเกินไป ตัดใจไม่ได้สักทาง
ทางออกคือคุณเลือกชาตินี้แหละ เอาชีวิตนี้แหละเป็นที่ตั้งของกรรมใหม่ที่หักเหเส้นทางเดิม
เลือกให้ได้คนหนึ่ง พิจารณาเอาจากบุญที่ทำร่วมกันได้ แล้วเด็ดเดี่ยวในการเลือกคนหนึ่ง เด็ดขาดในการปฏิเสธอีกคนหนึ่ง สัญญากับตัวเองแน่วแน่ว่าจะไม่ใจอ่อน จำไว้ง่าย ๆ ว่า
๑) มีใครจะมีคนเดียว ไม่เผื่อใจกับใครอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒) ไม่เผลอใช้มายาหญิงให้ความหวังกับใครทั้งที่ไม่มีใจให้เขาเลย
๓) ไม่หลอกตัวเองว่าตัดใครไม่ได้สักคน
เอาแค่สามข้อนี้ ถ้าขึ้นใจและปฏิบัติจริง ก็จะกลายเป็นสุจริต ๓ ทั้งกาย วาจา ใจ พาให้พ้นจากความเศร้าเพราะรักสามเส้าได้ทั้งชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป
http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=9
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘
มีอะไรอย่างหนึ่งในตัวชายและหญิง ที่มักนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง และทำให้นึกเจ็บใจตัวเองย้อนหลังอยู่เรื่อยๆ คืออาการ "รู้ทั้งรู้ แต่ก็ใจอ่อน"
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007254.htm#10
อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆ ตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้
แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare033.htm
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๒๘ เม.ย. ๔๘)
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งไป
อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนให้สบายตัวสบายใจสักระยะหนึ่ง
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสบายใจแก่เขา
อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น
เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด)
จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ
จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
มีแต่ใคร ๆ วิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใคร ๆ ทั้งโลก
http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=10
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๔๘
ความซื่อที่ขาดเสน่ห์ น่าจะดีกว่าเสน่ห์ที่ขาดความซื่อมากนัก
(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน)
วันก่อนเมื่อคุณยังไม่อกหัก ก็มีใครบางคนอกหักมาก่อน
วันนี้คุณกำลังอกหัก ก็มีใครบางคนหายเศร้า ทำใจได้ไปล่วงหน้าแล้ว
พรุ่งนี้ถ้าคุณสดใสได้เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ลืมความเศร้าจากอาการฟูมฟายเพราะเสียของน่ารักน่าใคร่
ก็จะมีใครบางคนมารับช่วงแทน
โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่อาจผ่านทางลำบากได้สำเร็จ
โลกเป็นอย่างนี้มานานเต็มที
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นของน่าเบื่อหน่าย
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001415.htm#2
ความรักมักเล่นตลก
ตอนต้องการส่วนใหญ่ไม่มา
แต่บางทีมาตอนไม่ต้องการ
ตอนมาก็มักมาพร้อมปัญหา
เหมือนความรักจะเป็นเครื่องยืนยันว่า
ของจริงคือทุกข์ ความสุขแค่ของปลอม
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006133.htm#14
รักนั้น เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
เป็นที่มาของความผิดหวังเมื่อไม่ได้บุคคลอันเป็นที่รักมาครอง
เป็นที่มาของความคร่ำครวญเมื่อพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นที่มาของความอึดอัดเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้เต็มร้อย ฯลฯ
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003580.htm#1
บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็ว ๆ นะครับ
ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา
บางคน ถ้าใจยังวุ่น ๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้ฅ
เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด
เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆ ของชีวิตมากเข้า
พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว
อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008652.htm#19
ความรัก กับ สัจจธรรม
"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"
(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)
ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว มาสวมหัวโขนเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น แม้ในชาติเดียวกันก็อาจเป็นอะไรหลาย ๆ ฐานะ บางคนเดินชนไหล่หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก กว่าจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยมที่เคยอยากไปไหน ๆ ด้วยกันตลอดชีวิต แต่พอห่างกันมาก ๆ เจออีกทีอาจกลายเป็นศัตรูก็ได้ เราต่างถูกหลอกว่ามีคนรักและเครือข่ายญาติมิตร ทั้งที่จริงทุกคนไม่มีแม้แต่เงาติดตามตัวเองไปได้ตลอด
(๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๕)
มนุษย์เราถูกหลอกให้หลงติด หลงร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่วันหนึ่งต้องทิ้งไป
ไม่ว่าจะได้อะไรมาแค่ไหนก็เสียไปแค่นั้น หลงทำบาปทำกรรมติดตัวไปภพหน้ากันก็เพียงเพราะยังติด ยังไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008619.htm#4
ตัวผู้รัก ผู้ถูกรัก ผู้สมหวัง ผู้ผิดหวัง ปรากฏมีสาระอยู่แต่ในจิตอันปรุงแต่ง เสกปั้นสรรค์ไป จูงให้เราหลงไป เพ้อไป ปราศจากแก่นสาร
(ทางนฤพาน บทที่ ๑๖ ฝันร้าย)
ปกติเวลาเราฟุ้งซ่านถึงใคร เราจะรู้สึกว่าเขามารบกวนเรา เราจะมีปฏิกิริยาทางใจกับเขาเป็นชอบ เป็นชังยิ่ง ๆ ขึ้นทุกครั้งที่เขามาอยู่ในหัวของเรา ทั้งที่ตัวจริงของเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนั้นเลย
(๗ เดือนบรรลุธรรม สรุปเดือนที่ ๔)
บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส
กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน
และ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2 )
“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน… สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”
(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๓ คู่มือนักฆ่าตัวตาย)
การเกิดใหม่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรประกันความแน่ใจ และไม่มีใครจำใครได้ เหมือนเล่นซ่อนหาชนิดปิดทางพบเจอ ทำให้ณชะเลมองความสัมพันธ์ทั้งหลายเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้พยายามเป็นที่พึ่งให้กันก็เป็นไปได้แค่เดี๋ยวเดียว แล้วต่างต้องแยกย้ายไปเสวยกรรมตามวิบากแห่งตน ไม่อาจนัดหมายว่าจะไปเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ในสภาพเช่นใดเลย
(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๑ คนอยู่ข้างหลัง)
อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง
ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001630.htm#27
ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007278.htm#24
ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก
http://larndham.net/index.php?showtopic=11316&st=5
ขอบพระคุณที่มาhttp://dungtrin.com/watha_love/index2.html#4
อันมนุษย์สุดเฉาให้เศร้านัก
ยังปักรักปักหลงไม่สงสัย
มันก่อร่างทางมาและทางไป
เป็นอย่างไรไม่ดูไม่รู้ลา
เพราะพึงใจในรูปที่จูบหอม
หรือสมยอมยินเสียงไม่เดียงสา
หรือแรงเรียกเพรียกแห่งกระแสตา
หรือใบหน้าคร่าจิตพิชิตใจ
เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูให้รู้คลาย
ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001076.htm#2
รักสามเส้าก็คือความเศร้าจากราคะสามหน่วยนั่นแหละ
ปฐมเหตุแห่งการมีรักสามเส้าคือความใจอ่อน ไม่เด็ดเดี่ยวในการเลือก ไม่เด็ดขาดในการปฏิเสธ
ปล่อยให้เริ่มต้นง่ายๆ แล้วปล่อยให้เลยตามเลย จนมาถึงจุดที่อ้างได้ว่าสายเกินไป ตัดใจไม่ได้สักทาง
ทางออกคือคุณเลือกชาตินี้แหละ เอาชีวิตนี้แหละเป็นที่ตั้งของกรรมใหม่ที่หักเหเส้นทางเดิม
เลือกให้ได้คนหนึ่ง พิจารณาเอาจากบุญที่ทำร่วมกันได้ แล้วเด็ดเดี่ยวในการเลือกคนหนึ่ง เด็ดขาดในการปฏิเสธอีกคนหนึ่ง สัญญากับตัวเองแน่วแน่ว่าจะไม่ใจอ่อน จำไว้ง่าย ๆ ว่า
๑) มีใครจะมีคนเดียว ไม่เผื่อใจกับใครอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒) ไม่เผลอใช้มายาหญิงให้ความหวังกับใครทั้งที่ไม่มีใจให้เขาเลย
๓) ไม่หลอกตัวเองว่าตัดใครไม่ได้สักคน
เอาแค่สามข้อนี้ ถ้าขึ้นใจและปฏิบัติจริง ก็จะกลายเป็นสุจริต ๓ ทั้งกาย วาจา ใจ พาให้พ้นจากความเศร้าเพราะรักสามเส้าได้ทั้งชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป
http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=9
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘
มีอะไรอย่างหนึ่งในตัวชายและหญิง ที่มักนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง และทำให้นึกเจ็บใจตัวเองย้อนหลังอยู่เรื่อยๆ คืออาการ "รู้ทั้งรู้ แต่ก็ใจอ่อน"
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007254.htm#10
อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆ ตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้
แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง
นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่
http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare033.htm
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๒๘ เม.ย. ๔๘)
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งไป
อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนให้สบายตัวสบายใจสักระยะหนึ่ง
อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสบายใจแก่เขา
อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น
เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด)
จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ
จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
มีแต่ใคร ๆ วิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใคร ๆ ทั้งโลก
http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=10
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๔๘
ความซื่อที่ขาดเสน่ห์ น่าจะดีกว่าเสน่ห์ที่ขาดความซื่อมากนัก
(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน)
วันก่อนเมื่อคุณยังไม่อกหัก ก็มีใครบางคนอกหักมาก่อน
วันนี้คุณกำลังอกหัก ก็มีใครบางคนหายเศร้า ทำใจได้ไปล่วงหน้าแล้ว
พรุ่งนี้ถ้าคุณสดใสได้เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ลืมความเศร้าจากอาการฟูมฟายเพราะเสียของน่ารักน่าใคร่
ก็จะมีใครบางคนมารับช่วงแทน
โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่อาจผ่านทางลำบากได้สำเร็จ
โลกเป็นอย่างนี้มานานเต็มที
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นของน่าเบื่อหน่าย
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001415.htm#2
ความรักมักเล่นตลก
ตอนต้องการส่วนใหญ่ไม่มา
แต่บางทีมาตอนไม่ต้องการ
ตอนมาก็มักมาพร้อมปัญหา
เหมือนความรักจะเป็นเครื่องยืนยันว่า
ของจริงคือทุกข์ ความสุขแค่ของปลอม
http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006133.htm#14
รักนั้น เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
เป็นที่มาของความผิดหวังเมื่อไม่ได้บุคคลอันเป็นที่รักมาครอง
เป็นที่มาของความคร่ำครวญเมื่อพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นที่มาของความอึดอัดเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้เต็มร้อย ฯลฯ
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003580.htm#1
บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็ว ๆ นะครับ
ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา
บางคน ถ้าใจยังวุ่น ๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้ฅ
เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด
เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆ ของชีวิตมากเข้า
พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว
อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008652.htm#19
ความรัก กับ สัจจธรรม
"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"
(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)
ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว มาสวมหัวโขนเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น แม้ในชาติเดียวกันก็อาจเป็นอะไรหลาย ๆ ฐานะ บางคนเดินชนไหล่หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก กว่าจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยมที่เคยอยากไปไหน ๆ ด้วยกันตลอดชีวิต แต่พอห่างกันมาก ๆ เจออีกทีอาจกลายเป็นศัตรูก็ได้ เราต่างถูกหลอกว่ามีคนรักและเครือข่ายญาติมิตร ทั้งที่จริงทุกคนไม่มีแม้แต่เงาติดตามตัวเองไปได้ตลอด
(๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๕)
มนุษย์เราถูกหลอกให้หลงติด หลงร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่วันหนึ่งต้องทิ้งไป
ไม่ว่าจะได้อะไรมาแค่ไหนก็เสียไปแค่นั้น หลงทำบาปทำกรรมติดตัวไปภพหน้ากันก็เพียงเพราะยังติด ยังไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008619.htm#4
ตัวผู้รัก ผู้ถูกรัก ผู้สมหวัง ผู้ผิดหวัง ปรากฏมีสาระอยู่แต่ในจิตอันปรุงแต่ง เสกปั้นสรรค์ไป จูงให้เราหลงไป เพ้อไป ปราศจากแก่นสาร
(ทางนฤพาน บทที่ ๑๖ ฝันร้าย)
ปกติเวลาเราฟุ้งซ่านถึงใคร เราจะรู้สึกว่าเขามารบกวนเรา เราจะมีปฏิกิริยาทางใจกับเขาเป็นชอบ เป็นชังยิ่ง ๆ ขึ้นทุกครั้งที่เขามาอยู่ในหัวของเรา ทั้งที่ตัวจริงของเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนั้นเลย
(๗ เดือนบรรลุธรรม สรุปเดือนที่ ๔)
บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส
กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์
(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน
และ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2 )
“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน… สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”
(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๓ คู่มือนักฆ่าตัวตาย)
การเกิดใหม่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรประกันความแน่ใจ และไม่มีใครจำใครได้ เหมือนเล่นซ่อนหาชนิดปิดทางพบเจอ ทำให้ณชะเลมองความสัมพันธ์ทั้งหลายเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้พยายามเป็นที่พึ่งให้กันก็เป็นไปได้แค่เดี๋ยวเดียว แล้วต่างต้องแยกย้ายไปเสวยกรรมตามวิบากแห่งตน ไม่อาจนัดหมายว่าจะไปเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ในสภาพเช่นใดเลย
(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๑ คนอยู่ข้างหลัง)
อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง
ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001630.htm#27
ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007278.htm#24
ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก
http://larndham.net/index.php?showtopic=11316&st=5
ขอบพระคุณที่มาhttp://dungtrin.com/watha_love/index2.html#4