ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
กล่าวคำดังนี้  "ขออโหสิกรรม":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ใต้ร่มธรรมเองก็จะเป็นไปตามวัฐจักรนี้ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น (เป็นจริง) หรือ (ไม่จริง):
ธรรมะคือ ธรรมชาติ พิมพ์คำว่า (ธรรมะชาติ) ครับ:
สำนวนไทยที่ว่า แต่ละคนต่างมีรสนิยมแตกต่างกัน หรือไม่ตรงกัน  พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ลางเนื้อชอบลางยา):
ขนทรายเข้าวัดคือ พิมพ์สำนวนต่อไปนี้ครับ (ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำหรือหาประโยชน์เพื่อส่วนรวมมิได้ทำเพื่อตนเอง):
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):
ผู้ที่ไม่เคยรับรู้รสของความขมขื่น จะไม่รู้ว่าความหวานชื่นคืออะไร พิมพ์เป็นประโยคภาษาอังกฤษครับ เป็นตัวพิมพ์เล็กทั้งหมดนะครับ เว้นวรรคคำด้วยครับ (He who has never tasted bitterness does not know what is sweet):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:18:19 pm »

ความรัก กับ ความทุกข์ เศร้า และผิดหวัง
 

อันมนุษย์สุดเฉาให้เศร้านัก
ยังปักรักปักหลงไม่สงสัย
มันก่อร่างทางมาและทางไป
เป็นอย่างไรไม่ดูไม่รู้ลา

เพราะพึงใจในรูปที่จูบหอม
หรือสมยอมยินเสียงไม่เดียงสา
หรือแรงเรียกเพรียกแห่งกระแสตา
หรือใบหน้าคร่าจิตพิชิตใจ

เมื่อยินยอมตรอมตรมก็ซมเปล่า
ไม่รักเราเท่ากันไม่หวั่นไหว
เรื่องของเรื่องอยากเปลืองใจให้โทษใคร
ก็แค่ใจไม่ดูให้รู้คลาย

ถ้าหวงทุกข์จะลุกเดินไม่เพลินแน่
ถ้าอยากแก้อย่าแพ้รักก็จักหาย
อย่ากอดทุกข์จงทิ้งขว้างให้ห่างกาย
ก็คลี่คลายเป็นสุขสนุกเอง

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001076.htm#2



รักสามเส้าก็คือความเศร้าจากราคะสามหน่วยนั่นแหละ
ปฐมเหตุแห่งการมีรักสามเส้าคือความใจอ่อน ไม่เด็ดเดี่ยวในการเลือก ไม่เด็ดขาดในการปฏิเสธ
ปล่อยให้เริ่มต้นง่ายๆ แล้วปล่อยให้เลยตามเลย จนมาถึงจุดที่อ้างได้ว่าสายเกินไป ตัดใจไม่ได้สักทาง

ทางออกคือคุณเลือกชาตินี้แหละ เอาชีวิตนี้แหละเป็นที่ตั้งของกรรมใหม่ที่หักเหเส้นทางเดิม
เลือกให้ได้คนหนึ่ง พิจารณาเอาจากบุญที่ทำร่วมกันได้ แล้วเด็ดเดี่ยวในการเลือกคนหนึ่ง เด็ดขาดในการปฏิเสธอีกคนหนึ่ง สัญญากับตัวเองแน่วแน่ว่าจะไม่ใจอ่อน จำไว้ง่าย ๆ ว่า

๑) มีใครจะมีคนเดียว ไม่เผื่อใจกับใครอื่นทั้งต่อหน้าและลับหลัง
๒) ไม่เผลอใช้มายาหญิงให้ความหวังกับใครทั้งที่ไม่มีใจให้เขาเลย
๓) ไม่หลอกตัวเองว่าตัดใครไม่ได้สักคน

เอาแค่สามข้อนี้ ถ้าขึ้นใจและปฏิบัติจริง ก็จะกลายเป็นสุจริต ๓ ทั้งกาย วาจา ใจ พาให้พ้นจากความเศร้าเพราะรักสามเส้าได้ทั้งชาตินี้และชาติต่อ ๆ ไป

http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=9
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๘ 



มีอะไรอย่างหนึ่งในตัวชายและหญิง ที่มักนำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง และทำให้นึกเจ็บใจตัวเองย้อนหลังอยู่เรื่อยๆ คืออาการ "รู้ทั้งรู้ แต่ก็ใจอ่อน"

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007254.htm#10



อาการที่ถูกต้องของการถอนพิษรักนั้น ไม่ใช่ความพยายาม ‘ตัดใจ’ เพราะใจเป็นสิ่งที่ไม่มีคมมีดชนิดไหนๆ ตัดได้ขาด พฤติกรรมทางจิตที่ถูกต้องคือ ‘สละออก’ ซึ่งเป็นอาการที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากเคยชินที่จะ ‘เอาเข้าตัว’ กันทั้งนั้น ซึ่งนั่นแหละครับคือการเพาะชำนิสัยหวงทุกข์ หวงยางเหนียวยึดติดกับปฏิกูลทางอารมณ์โดยแท้

แต่ละคนมีพลังหรือศักยภาพในการสละออกแตกต่างกัน และศักยภาพดังกล่าวนี้ไม่ใช่มีกันด้วยความบังเอิญ กับทั้งไม่ใช่ความสามารถเฉพาะทาง จิตที่มีดี ที่สามารถสลัดขยะหรือปฏิกูลทางอารมณ์ออกได้ง่ายนั้น คือจิตของผู้ที่เคยชินกับการสละออกเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่เฉพาะเรื่องรักใคร่หรือเรื่องเงินๆ ทองๆ อย่างใดอย่างหนึ่ง

นี่เป็นการมองภาพกว้างภาพรวม ถ้าคุณอ่านเกมของจิตออก จะเห็นความสัมพันธ์ทั่วถึงกันหมด ไม่มีใครฝึกเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการตัดรัก แต่ทุกคนสามารถฝึกที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในการสละอารมณ์ส่วนเกินกันได้ทุกแง่

http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare033.htm 
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๒๘ เม.ย. ๔๘)



อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายถูกทิ้ง
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกที่จะทิ้งขยะชิ้นหนึ่งไป

อย่าคิดว่าเราต้องเป็นฝ่ายเหงา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกพักร้อนให้สบายตัวสบายใจสักระยะหนึ่ง

อย่าคิดว่าเราเป็นฝ่ายทรมาน
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายเลือกทำความสบายใจแก่เขา

อย่าคิดว่าเราควรเหนี่ยวรั้งเขา
ให้คิดว่าเราเป็นฝ่ายให้อิสระเป็นทานแก่คนอื่น

เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด)
จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ
จิตที่สว่างย่อมอบอุ่นเป็นสุข
มีแต่ใคร ๆ วิ่งมาหา มีแต่ความอิ่มเต็มเบิกบาน
มีแต่อยากได้อิสระให้ตนเองและใคร ๆ ทั้งโลก

http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=79&start=10
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๗ ต.ค. ๒๕๔๘



ความซื่อที่ขาดเสน่ห์ น่าจะดีกว่าเสน่ห์ที่ขาดความซื่อมากนัก

(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน)



วันก่อนเมื่อคุณยังไม่อกหัก ก็มีใครบางคนอกหักมาก่อน
วันนี้คุณกำลังอกหัก ก็มีใครบางคนหายเศร้า ทำใจได้ไปล่วงหน้าแล้ว
พรุ่งนี้ถ้าคุณสดใสได้เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง
ลืมความเศร้าจากอาการฟูมฟายเพราะเสียของน่ารักน่าใคร่
ก็จะมีใครบางคนมารับช่วงแทน
โศกเศร้า อาลัยอาวรณ์ ราวกับไม่อาจผ่านทางลำบากได้สำเร็จ

โลกเป็นอย่างนี้มานานเต็มที
แต่ก็ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นของน่าเบื่อหน่าย

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001415.htm#2



ความรักมักเล่นตลก
ตอนต้องการส่วนใหญ่ไม่มา
แต่บางทีมาตอนไม่ต้องการ
ตอนมาก็มักมาพร้อมปัญหา

เหมือนความรักจะเป็นเครื่องยืนยันว่า
ของจริงคือทุกข์ ความสุขแค่ของปลอม

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006133.htm#14



รักนั้น เป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
เป็นที่มาของความผิดหวังเมื่อไม่ได้บุคคลอันเป็นที่รักมาครอง
เป็นที่มาของความคร่ำครวญเมื่อพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก
เป็นที่มาของความอึดอัดเมื่อได้อยู่ร่วมกับคนที่เข้ากับเราไม่ได้เต็มร้อย ฯลฯ

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003580.htm#1



บางทีรางวัลของคนดีก็ไม่ใช่จะมีคู่ที่สมหวังแบบเร็ว ๆ นะครับ
ธรรมชาติอาจกะเกณฑ์ให้เราเจอทุกข์เสียก่อน
เพื่อใช้ความทุกข์นั้นเป็นบันไดก้าวขึ้นสู่ความสุขที่เหนือกว่าความรัก
และเมื่อถึงจุดของความนิ่งจริงๆ ถึงจะยอมเปิดตัวคนรักที่แท้ให้กับเรา

บางคน ถ้าใจยังวุ่น ๆ ยังหยุด ยังนิ่งไม่เป็น ขืนคนที่คู่ควรกับเราโผล่มาตอนนั้น
เขาก็อาจพลาดจากเราไป ไม่อาจเป็นคู่ครองร่วมกันอย่างถาวรได้ฅ
เพราะอาจิณณกรรม คือนิสัยของเรายังอาจเป็นตัวทำลายสัมพันธภาพกับคู่แท้ของเรา
ต่อเมื่อผ่านความเจ็บปวด เรียนรู้จากความผิดพลาด
เห็นจังหวะจะโคนแบบต่างๆ ของชีวิตมากเข้า
พอใจเป็นบุญ มีความนิ่งพอจะรองรับกับคู่แท้ถาวรได้ เขาถึงจะปรากฏตัว

อย่าท้อแท้กับความดีก็แล้วกัน
ที่ผ่านมาในอดีต มองย้อนไปอาจรู้สึกเหมือนไม่ใช่ตัวเรา
พอเราเปลี่ยนมาอยู่กับกระแสธรรมะ
ความเป็นตัวจริงของเราถึงเริ่มปรากฏ
ซึ่งก็อาจเป็นเหตุให้คู่แท้ของเราปรากฏตัวเช่นกัน

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008652.htm#19 

 

 

           


ความรัก กับ สัจจธรรม
 

"การสูญเสียเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร  ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ไม่มีอะไรจากเราไปตลอดกาล ถ้าคลี่เวลาออกเป็นเส้นตรงและสามารถเห็นได้จริงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคตพร้อมกัน เราคงเห็นตัวเองได้ของรักแล้วเสียของรัก หัวเราะแล้วร้องไห้ พบแล้วพลัดพราก ย้อนเวียนกลับไปกลับมา สลับกันเป็นสายโซ่ยืดยาว"

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)



ธรรมชาติจะบังคับให้เราทิ้งทุกคนไปอยู่ดี เราเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม เรารักและหวังหอบหิ้วใครไปด้วยก็ตาม พวกเราต่างก็เป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว มาสวมหัวโขนเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อน ศัตรู หรืออะไรอื่นเดี๋ยวเดียว แล้วก็ต้องตายจากไปเป็นอื่น แม้ในชาติเดียวกันก็อาจเป็นอะไรหลาย ๆ ฐานะ บางคนเดินชนไหล่หรือเหยียบเท้าใครอีกคนบนถนน ทะเลาะกันเลือดขึ้นหน้าเป็นพัก กว่าจะจำได้ว่าเคยเป็นเพื่อนรักสุดรักสมัยประถมมัธยมที่เคยอยากไปไหน ๆ ด้วยกันตลอดชีวิต แต่พอห่างกันมาก ๆ เจออีกทีอาจกลายเป็นศัตรูก็ได้ เราต่างถูกหลอกว่ามีคนรักและเครือข่ายญาติมิตร ทั้งที่จริงทุกคนไม่มีแม้แต่เงาติดตามตัวเองไปได้ตลอด

(๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๕)



มนุษย์เราถูกหลอกให้หลงติด หลงร้องไห้คร่ำครวญกับสิ่งที่วันหนึ่งต้องทิ้งไป

ไม่ว่าจะได้อะไรมาแค่ไหนก็เสียไปแค่นั้น หลงทำบาปทำกรรมติดตัวไปภพหน้ากันก็เพียงเพราะยังติด ยังไม่รู้ด้วยกันทั้งสิ้น

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008619.htm#4



ตัวผู้รัก ผู้ถูกรัก ผู้สมหวัง ผู้ผิดหวัง ปรากฏมีสาระอยู่แต่ในจิตอันปรุงแต่ง เสกปั้นสรรค์ไป จูงให้เราหลงไป เพ้อไป ปราศจากแก่นสาร

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๖ ฝันร้าย)



ปกติเวลาเราฟุ้งซ่านถึงใคร เราจะรู้สึกว่าเขามารบกวนเรา เราจะมีปฏิกิริยาทางใจกับเขาเป็นชอบ เป็นชังยิ่ง ๆ ขึ้นทุกครั้งที่เขามาอยู่ในหัวของเรา ทั้งที่ตัวจริงของเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนั้นเลย

(๗ เดือนบรรลุธรรม สรุปเดือนที่ ๔)



บทสรุปหนึ่งก็คือว่า รักแท้น่ะมีจริง แต่ที่จริงกว่านั้นคือกิเลส
หมายความว่าถ้ามองตามสายตาทางโลกก็ต้องว่ามี
แต่ถ้ามองตามสายตาทางธรรมก็ต้องว่ารากของรักแท้นั้นมาจากกิเลสนี่เอง
ที่รักแท้จะมีอันต้องกลับกลายเป็นรักเก๊ ก็ด้วยกิเลสอันเดียวกันอีกนั่นแหละ
โดยมีตัวแปรเช่นบุคคล เวลา และสถานการณ์มาร่วมสมการกิเลส

กิเลสมากก็ทุกข์มาก กิเลสน้อยก็ทุกข์น้อย
สมดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์

(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน
และ http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2 )



“พระพุทธองค์ท่านตรัสว่าคนเรามีรักร้อยก็นับว่าทุกข์ร้อย มีรักสิบก็นับว่าทุกข์สิบ มีรักหนึ่งก็นับว่าทุกข์หนึ่ง หากไม่มีรักเลย ก็แปลว่าไม่ต้องมีทุกข์เพราะรักเลยเช่นกัน… สรุปคือ ความรักเป็นแค่รูปแบบหนึ่งของความทุกข์เท่านั้น ต่อให้รักกันยืดยาวจนแก่เฒ่า วันหนึ่งก็ต้องทุกข์ใหญ่หลวงเพราะความพลัดพรากจากบุคคลอันเป็นที่รักอยู่ดี”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๓ คู่มือนักฆ่าตัวตาย)



การเกิดใหม่ช่างเป็นอะไรที่ไม่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรประกันความแน่ใจ และไม่มีใครจำใครได้ เหมือนเล่นซ่อนหาชนิดปิดทางพบเจอ ทำให้ณชะเลมองความสัมพันธ์ทั้งหลายเป็นเรื่องหลอกลวง ถึงแม้พยายามเป็นที่พึ่งให้กันก็เป็นไปได้แค่เดี๋ยวเดียว แล้วต่างต้องแยกย้ายไปเสวยกรรมตามวิบากแห่งตน ไม่อาจนัดหมายว่าจะไปเจอกันที่ไหน เมื่อไหร่ ในสภาพเช่นใดเลย

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๑ คนอยู่ข้างหลัง)



อยู่ในสังสารวัฏ ท่องเที่ยวเกิดตายไปเรื่อย ๆ นั้น
แม้สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวที่สังสารสัตว์หวังฝากไว้ให้อบอุ่นใจ
คือความรัก ความมั่นคงของเนื้อคู่ที่จะติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ
เอาเข้าจริงก็แค่ความไม่แน่นอนอีกชนิดหนึ่ง
ความแปรปรวนเป็นอื่นได้อีกชนิดหนึ่ง

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001630.htm#27



ภพชาติ ความสัมพันธ์ และสายใยต่างๆนั้นซับซ้อน
มีความไม่แน่นอนเป็นความหวังได้ด้วยเหตุปัจจัยอันลึกลับเกินหยั่ง
ทำใจไว้แต่แรกว่าเราทุกคนเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว จะได้สบายใจในระยะยาว

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007278.htm#24



ความรักชั้นสูงคือความรักพระนิพพานครับ
เมื่อรักพระนิพพานอันเป็นธรรมชาติสูงสุดเหนือสมมุติได้
บุคคลย่อมไม่หลงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่ต่ำกว่านั้นแบบยอมตายถวายชีวิตอีก

http://larndham.net/index.php?showtopic=11316&st=5

ขอบพระคุณที่มาhttp://dungtrin.com/watha_love/index2.html#4
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:16:25 pm »

ความรัก กับ กามารมณ์
 

กามเหมือนน้ำพุในความฝัน ที่คล้ายผุดพุ่งน่าชื่นตาชื่นใจตลอดกาล แต่ความฝันนั้นจะถึงใจก็ต่อเมื่อยังหลับใหล เมื่อใดตื่นขึ้นพบความจริงกลางทะเลทราย เมื่อนั้นน้ำพุก็คล้ายพยับแดดลวงตาที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่มีใครเคยพกพาความอิ่มหนำออกมาจากความฝันได้เลย


แต่คนเราก็ยินดีจะหลงทางอยู่กลางฝัน เพราะความฝันเป็นสิ่งที่ได้มาง่าย แค่หลับหูหลับตาจำนนต่อความง่วงงุนอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ต้องออกแรง ไม่ต้องแสวงหา ไม่ต้องหวังรอความจริงที่มาช้าเกินทน…

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๗ น้ำพุแห่งกาม)




เซ็กซ์ไม่ได้ทำให้ไปนรก แต่จิตที่หมกมุ่นในเซ็กซ์จนมัวมน หยาบกระด้าง โหดเหี้ยม หรือปราศจากความละอายต่างหาก เป็นเหตุพาตัวเองไปสู่ภูมิที่อยู่ของวิญญาณระดับต่ำกว่ามนุษย์ การมีเซ็กซ์กับคู่ครองที่ถูกต้องโดยไม่ลุ่มหลงมัวเมาทั้งวันทั้งคืน จะทำให้คุณรู้สึกว่าเป็นปกติ คิดอ่านทำการได้อย่างมีสติ มีความถูกต้อง มีใจไม่เบียดเบียนใคร นั่นแหละ สำนึกที่เสมอตัวของมนุษย์ ลองสังเกตเถอะครับ สัตว์ไม่มีสำนึกแบบนี้หรอก แค่อยากขึ้นมาแล้วเห็นช่องทางก็ใช้ได้แล้ว ไม่คำนึงด้วยซ้ำว่าเป็นญาติเป็นเชื้อกันหรือเปล่า

จาก http://dungtrin.com/newsletter/prepare016.htm
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๑ - ตอนที่ ๓)




“ธรรมชาติพยายามบอกเราว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องต่ำผ่านความจริงหลาย ๆ อย่าง อย่างแรกคือเป็นของทิ่มแทงใจให้เกิดแผลใหญ่ได้ เช่นกรณีนอกใจกัน ถ้าเห็นตำตาขณะอยู่บนเตียง คนเห็นอาจบันดาลโทสะหยิบอาวุธขึ้นฆ่าแกงกัน แม้แต่ศาลยังยกให้เป็นเหตุควรปรานีลดหย่อนโทษ อย่างที่สองคือเซ็กซ์เป็นสิ่งที่เสพมากแล้วสุขภาพเสื่อมโทรม ยิ่งหมกมุ่นเท่าไหร่จิตใจยิ่งหม่นมืดลงเท่านั้น ลองคิดอะไรตอนนั้นจะเห็นเป็นอกุศลไปหมด อย่างที่สามคือเซ็กซ์เต็มไปด้วยข้อแม้ เราทุกคนรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณหรือสามัญสำนึก เช่นเป็นของต้องห้ามระหว่างสายเลือดเดียวกัน หากฝ่าฝืน ธรรมชาติจะทำโทษด้วยกำเนิดเด็กปัญญาอ่อนมาให้เรารับผิดชอบเลี้ยงดู… จุดสรุปรวบยอดคือเมื่อเรายอมเป็นทาสของเซ็กซ์ ใจเราก็เริ่มตกต่ำ มีแนวโน้มจะทำอะไรต่ำๆเพื่อรับใช้มันได้ทั้งนั้น จนในที่สุดสำนึกแบบมนุษย์ก็เลือนลง นั่นแหละคือการลดภูมิจิตไปอยู่ในภพที่ต่ำกว่ามนุษย์”


พูดด้วยเสียงเรียบเรื่อย ระวังไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกกระทบกระแทกนัก แต่ก็ให้ผลพอสมควร อย่างน้อยลานดาวก็ซึมลงสองสามวินาทีก่อนทำตาใสขึ้นมาใหม่


“อย่างนี้ถ้าพี่อ๋องทำให้พี่เอินติดใจเซ็กซ์ วันๆหมกมุ่นครุ่นคิดถึงแต่เรื่องบนเตียง แปลว่าพี่อ๋องทำให้จิตใจพี่เอินลดภูมิลงมาอยู่ต่ำกว่ามนุษย์หรือเปล่า?”


“ตราบใดไม่ผิดศีลข้อกาเม พี่ก็ว่ายังเสมอตัวอยู่นะ หมกมุ่นมาก ๆ อาจทำให้จิตใจหมองหน่อย แต่ถ้าพอมีกุศลกรรมอื่น ๆ เป็นน้ำหนักให้ความชุ่มชื่นถ่วงดุลคุ้มกัน หรือทำความดีสว่างแรงเกินความมืดเทือกนี้ ก็เสมอตัวอยู่ในความเป็นมนุษย์ หรือกระทั่งมีแนวโน้มจะไปเกิดในวรรณะสูงกว่ามนุษย์ ธรรมชาติของกำเนิดตามภพภูมินี่มองง่าย ๆ  ได้อย่างหนึ่ง คือจิตถูกดูดติดอยู่กับเรื่องพรรค์ไหนมากหน่อย ก็มักไปเกิดในภพภูมิพรรค์นั้น อย่างภพที่ข้องติดกับเซ็กซ์โดยเฉพาะน่ะเยอะ วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร มีหน้าที่สมสู่อย่างเดียว จินตนาการดูคงเดาได้นะว่าไม่ใช่ครองอัตภาพดี ๆ มีสิ่งแวดล้อมสบาย ๆ อย่างพวกเราหรอก ในเมื่อเอาแต่หมกมุ่นเรื่องต่ำ จิตก็ไหลลงต่ำ มีความมืดตื้อ หมดกำลังทวนกระแสขึ้นสูงเป็นธรรมดา”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๑๖ อัตวินิบาตกรรม)



ดูรูปโป๊หรือหนังโป๊ผิดศีลหรือไม่? อันนี้ถ้าจับหลักได้ว่ากาเมสุมิจฉาจารนับเอาการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับผู้มีเจ้าของเป็นสำคัญ ก็ต้องมองตามจริงว่าการเสพแค่ทางตานั้นไม่ผิด เพราะยังไม่ได้สมสู่ในหญิงผู้มีเจ้าของรักษา แต่ความหมกมุ่นในกามจนเกินเหตุย่อมทำให้สภาพวิญญาณเหมือนจมอยู่ในบ่อน้ำกามชุ่มโชก และความหมกมุ่นในรูปสตรีจะทำให้จิตเคลื่อนไปอยู่ในภพของสตรีได้ เนื่องจากการมีราคะจัดเป็นตัวบั่นทอนกำลังกุศล ทำให้จิตวิญญาณปวกเปียก

(เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน บทที่ ๓)



ผัสสะที่ทำให้เกิดราคะอาจไม่ใช่ภาพยวนตาเร้าใจของเพศตรงข้ามเสมอไป โดยมากมักเป็นความคิดหรือจินตนาการของเราเองเสียส่วนใหญ่ ดังเช่นที่พระพุทธเจ้าตรัสในกามสุตตนิทเทสที่ ๑ ว่า รากฐานของกามย่อมเกิดจากความดำริ เมื่อได้กามตามปรารถนาย่อมอิ่มใจ แต่เมื่อกามเสื่อมไปย่อมกระสับกระส่ายเหมือนสัตว์ที่ถูกศรเสียบแทง

 (๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๓)




ตราบใดยังตรึกนึกทางกาม ตราบนั้นคนเราจะอยากเสพกามไปจนตาย ไม่ว่าร่างกายจะพร้อมหรือไม่พร้อม

(๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๖)



ที่เราติดใจตรึกนึกถึงกาม ก็ด้วยอาการใส่ใจมองกายโดยความเป็นของสวยของงาม ถ้าหากเรามองเสียตามจริงว่ากายเป็นของสกปรก ใส่ใจโดยแยบคายว่าตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าไม่มีส่วนใดสะอาดเลย อย่างนี้ก็จะเป็นการแก้ลำกลกามเสียได้

(๗ เดือนบรรลุธรรม เดือนที่ ๖)




ถ้าเรายอมตามแรงดึงดูดของกาม จิตวิญญาณเราจะตกต่ำลงเรื่อย ๆ เพราะกามเป็นสิ่งมีแรงดึงดูดให้เราลงต่ำ ทำนองเดียวกับแรงดึงดูดโลก ที่ถ้าเราไม่มีพื้นยืนมั่นคงพอ ก็คงตกร่วงลงไปเรื่อย ๆ


สำหรับ ‘พื้นยืน’ ที่ดี ที่จะทำให้เราไม่ตกต่ำตามแรงดึงดูดของกาม ก็ได้แก่ศรัทธาในกรรมวิบาก ความตั้งใจรักษาศีล นั่นคือ ทำไว้ในใจว่ากระทำเหตุดีย่อมได้รับผลดี กระทำเหตุเลวย่อมได้รับผลเลว ถ้าฉลาดและรักตัวเองก็ควรมุ่งมั่นกระทำแต่เหตุดี โดยเริ่มจากเจตนางดเว้นการประพฤติผิดทางกามอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ยั่วยวนหรือควรสมยอมขนาดไหน

จาก http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare037.htm 
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ๒๖ พ.ค. ๒๕๔๘)



ไม่ว่าใคร จะหญิงหรือชาย หากประพฤติตนไปในกามแบบไม่มีเจ้าของแน่นอน ก็มักแส่ส่ายออกอ่าวกามอันมืดหม่นยิ่ง ๆ ขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปกันทั้งสิ้น เพราะคนเราเมื่อลดความจำกัดทางกามลง ความละอายก็จะลดลงเป็นเงาตามตัว เมื่อความละอายทางกามน้อย ความละอายต่อบาปด้านอื่นๆ ก็จะถูกฉุดร่วงผล็อยๆ ไปทีละตัวสองตัวตามไปด้วย


สังคมเดี๋ยวนี้น่าอึดอัดครับ บางทีอยากหย่าก็ยังมีอาลัย มีเหตุผลให้อยากทนฝืนอยู่กันต่อ ผมขอแนะนำแบบลูกทุ่งแล้วกันว่า คนที่เขาเจริญก้าวหน้าทางจิตวิญญาณนั้น เริ่มจากความคิดแน่วแน่ประเภทยอมตายดีกว่าผิดศีลครับ

จาก http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=60&start=2
(ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๒๕ ส.ค. ๒๕๔๘)



“สำหรับผู้ชาย ถ้าเป็นของใหม่จับต้องแล้วจะรู้สึกมันมือไม่อิ่มไม่เบื่อ แต่ถ้าเริ่มชิน ความแปลกใหม่หมดไป เขาก็จะไม่สนุกอีก ตรงนั้นถ้าไม่มีความรักมาช้อนรับ เราก็จะเหมือนทิชชูที่เขาสั่งขี้มูกเสร็จก็อยากปาทิ้งถังผง ถนอมตัวไว้รอเจอคนที่เขารักและพร้อมจะรับผิดชอบเรา ทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นดอกกุหลาบมีค่า น่าปักในแจกันห้องนอนของเขาตลอดไปเถอะ”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๑๑ ติดใจ)



งานแต่งเป็นพิธียกระดับจิตใจให้มองการได้เสียกันเป็นเรื่องสูงกว่าความต้องการทางเพศธรรมดา เมื่อเริ่มต้นด้วยการให้เกียรติ เห็นเหมือนสมบัติที่ได้มายาก การมองชีวิตคู่จะเป็นไปแบบผู้ใหญ่เต็มตัว ต่างจากเด็กที่ชิงสุกก่อนห่ามเป็นคนละเรื่อง

(ทางนฤพาน บทที่ ๒๘ วังวน)



เส้นทางกามนั้นแสนสั้น ร้อยรัดฟัดเหวี่ยงกันเหนียวแน่นที่ต้นทาง แล้วกลับผลักไสกันรุนแรงที่ปลายทางในเร็ววันเสมอ ต่างจากเส้นทางบุญที่ยืดยาว ถึงแม้เกี่ยวก้อยคล้องแขนกันเพียงแผ่วที่ต้นทาง แต่ก็จะยึดเหนี่ยวแน่นแฟ้นมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไร้ปลายทางที่สิ้นสุด

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๐ คู่รักคนสุดท้าย)

 

 

           


ความรัก กับ ศีลข้อ ๓
 

การมีเพศสัมพันธ์เป็นของน่าบาดใจ รู้ด้วยสัญชาตญาณโดยไม่ต้องให้ใครบอก เพราะเป็นวิถีทางแห่งการครอบครอง หรือถึงยอดแห่งรสสัมพันธภาพระหว่างมนุษย์ โดยธรรมชาติจะมีใครเพียงคนหนึ่งคนเดียวที่มีสิทธิ์ได้เสพรสดังกล่าว และใครคนนั้นก็เป็นผู้ที่ตกลงเป็นคู่ครองกัน


เงื่อนไขง่าย ๆ เช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของเกม ธรรมชาติอนุญาตให้มีกิจกรรมบาดใจกับคู่ครองที่ตกลงกันเป็นมั่นเป็นเหมาะ หากเกินกว่านั้นจะเกิดภาวะ ‘ไม่ปกติ’ ขึ้นมาทันที สัญญาณเตือนแรกคือความรู้สึกผิดรุนแรง สัญญาณเตือนที่สองเมื่อฝืนทำไประยะหนึ่งไม่เลิกได้แก่ความรู้สึกมืดมนและการมองโลกในแง่ร้าย สัญญาณเตือนที่สามเมื่อยังขืนทำอยู่อีกได้แก่ความรู้สึกชาด้านและเหลือสำนึกผิดชอบชั่วดีน้อยลงทุกที ตรงนั้นอันตรายยิ่งแล้ว เพราะเมื่อทำบาปโดยปราศจากความละอาย ก็ย่อมก่อบาปได้ทุกชนิดโดยไม่รู้สึกว่าเป็นบาป เงาดำของกรรมจะห่อหุ้มจิตวิญญาณหนาทึบขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้แม้ด้วยตาเปล่า คือสีหน้าผู้ชุ่มด้วยบาปจะคล้ำหมองหาสง่าราศีไม่ได้เลย

(เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน บทที่ ๓)



การคบชู้กันอาจก่อให้เกิดสายใยผูกพัน เพราะร่วมทำผิดมาด้วยกัน พอเจอกันในชาติใหม่ถ้าหากเป็นมนุษย์ก็มักมีความกระสันใคร่อยากในทันทีที่เห็นกัน แต่มักมีอาการขนลุกระคนอยู่ด้วย เพราะบาปเก่ามาเตือนว่าสัมพันธ์ระหว่างกันมีความดึงดูดเข้าหาเรื่องสกปรก อีกอย่างหนึ่งเวลาที่เจอกันมักอยู่ในจังหวะเวลาผิดๆ หรือมีเหตุการณ์ไม่ดีเป็นลางร้าย เมื่อทนความกำหนัดไม่ไหวแล้วสมสู่กัน ก็จะมีเหตุให้ต้องทะเลาะเบาะแว้ง มีเหตุให้เกลียดชังกันอย่างรุนแรง หรือกระทั่งอยากฆ่าแกงกันด้วยความทนไม่ได้

(เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน บทที่ ๓)



เมื่อประพฤติผิดทางเพศ ย่อมมีแรงเหวี่ยงกลับมาเป็นเรื่องราวผิดๆ ทางเพศ และจะออกไปในทางภัยเวรรูปแบบต่างๆ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็น ‘คู่เวร’ ที่แรกพบสบตาแล้วหวือหวาอยากกระทำการอันเป็นไปในทางด่วนได้ แล้วประสบอันตรายจากการอยู่ร่วมกันในภายหลัง หรืออย่างเบาที่สุดก็คือทำให้ตกที่นั่งเสียเปรียบทางเพศ ซึ่งก็คือการได้รูปหญิงอันง่ายต่อการถูกรังแกนั่นเอง

(เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน บทที่ ๓)



“ฉันเคยเป็นหนุ่มมาก่อน ถึงรู้ว่า คนที่น่าเชื่อถือ น่าไว้ใจน่ะ ต้องไม่ใช่คนปากว่ามือถึง เพราะความประพฤติแบบนั้นแสดงให้เห็นว่าเคยชินที่จะใช้สัญชาตญาณเบื้องล่างนำความรู้สึกฝ่ายสูง ทำกับคนหนึ่งได้ก็สามารถทำกับผู้หญิงคนต่อๆไปทุกเวลา ทุกที่ ต่อให้ออกเรือนเป็นฝั่งเป็นฝา สมควรควบคุมตัวเองให้อยู่ในร่องในรอยแล้ว ก็จะยังไม่วายเอาแต่ใจตัว เจ้าชู้ไปทั่ว…”

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๓ เจ้าชู้ยักษ์)



นิสัยเจ้าชู้นั้น นอกจากทำให้คราวหน้าเป็นหญิงที่ต้องรับกรรมอีก ก็ยังเสี่ยงต่อภัยในข้อกาเมสุมิจฉาจารง่าย คือไม่ใช่เพียงแค่จะเกิดเป็นมนุษย์เพศหญิง ซึ่งถือว่าต้องรับความทารุณจากธรรมชาติมากกว่าชายแค่นั้น แต่ยังสุ่มเสี่ยงต่อการก่อบาปถึงขั้นต้องตกต่ำลงไปกว่าการเป็นมนุษย์ด้วย

http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=77&start=17
(ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๑๓ ต.ค. ๒๕๔๘)




ผู้หญิงบางคนอยู่กินกับชายดีๆแล้วคิดอยากติดตามสามีของตนไปทุกภพทุกชาติ อันนี้ก็มีสิทธิ์ทำให้เกิดเป็นหญิงไปเรื่อยๆได้เหมือนกัน เพราะความชอบใจและแรงอธิษฐานอันมีพลังหนุนจากความซื่อสัตย์ในสามีคนเดียวนั้น ย่อมส่งผลหนักแน่นตามปรารถนา หญิงที่รักษาศีลข้อกาเมฯได้บริสุทธิ์ พิสูจน์ตัวโดยการไม่ประพฤติผิดแม้มีสถานการณ์ยั่วยุปานใด ย่อมเป็นผู้ไม่มีเวรภัยในเรื่องทางเพศ ไม่เป็นผู้สับสนในการเลือกคู่ และจะเป็นอิสตรีที่มีเกียรติ คนเห็นแล้วคร้ามเกรง ไม่คิดดูถูก ไม่เห็นเป็นผู้น่ารังแกได้ตามใจชอบ

(เสียดาย…คนตายไม่ได้อ่าน บทที่ ๓)



การใจอ่อนให้กับกามกิเลสมีผลเป็นความเดือดเนื้อร้อนใจของทุกฝ่ายอย่างไร ถ้าผ่านด่านของความใจอ่อนด้วยการมีศีลมีสัตย์ ก็จะปลอดภัย ไม่เดือดเนื้อร้อนใจในภายหลัง

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008619.htm#4 



“การมีศรัทธาในรักแท้ รวมทั้งมีวาสนาได้พบรักแท้ก็นับว่าดี เพราะจะเป็นปัจจัยสำคัญให้คิดซื่อกับคู่ครองของตน เรียกว่าได้รักษาศีลข้อกาเมฯอย่างเป็นธรรมชาติ เพราะมีใจจริงคอยช่วยค้ำจุนอยู่แล้ว”


“ค่ะ”


นัยน์ตาลานดาวฉายแววเข้าใจและเชื่อมั่นในรักแท้ยิ่งขึ้น ซึ่งคราวนี้เมื่ออุปการะเห็นอีกครั้งก็วางใจเป็นอุเบกขาเสียได้


“การมีศรัทธาเรื่องกรรมและผลกรรม เชื่อว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จะก่อให้เกิดความละอายต่อบาป ส่งใจให้คิดรักษาศีลยั่งยืนกว่ากัน เพราะรักในคู่ครองอาจโรยราเมื่อวันคืนผ่านไป แต่รักในศีลนั้นจะทำให้เบากายเบาใจไปจนชั่วชีวิต”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)



“ถ้ารักษาศีลจนบริสุทธิ์ผุดผ่อง จะมีส่วนช่วยให้ความรักยั่งยืนใช่ไหมคะ?”


“หนูลองคิดง่ายๆ ถ้าบ้านเราสะอาด ไม่มีความหมักหมม ไม่มีร่องรอยสกปรกน่ารังเกียจ ใครเข้าไปอยู่ก็เป็นที่สบาย หากยิ่งช่วยกันคนละไม้คนละมือ ทำบ้านให้สะอาดยิ่งๆขึ้นทุกวัน ก็ย่อมรู้สึกถึงความสามัคคีปรองดองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจริงไหม? ใจที่ผูกสมัครรักใคร่นั่นแหละคือตัวบ้าน ศีลนั่นแหละเป็นความสะอาดของบ้าน หากรักษาให้สะอาดร่วมกัน ก็อยู่สบายนานทั้งคู่”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)



“อย่างนี้ถ้าอยู่ตัวคนเดียวไม่แต่งงานก็หมดสิทธิ์สร้างกรรมว่าด้วยความซื่อต่อสามีสิคะ?”


“อยู่ตัวคนเดียวก็คิดได้ ว่าเราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับชายที่มีภรรยาแล้ว ถ้าให้ดีครองตัวบริสุทธิ์ไปเลย เพราะการถือครองพรหมจรรย์ การถือศีลแปดประพฤติธรรมจนเกิดปีติสุขปลอดโปร่ง จะบันดาลผลให้ได้เป็นชายตามปรารถนาแน่นอนที่สุด”


“เพราะอะไรคะ?”

“เพราะพรหมจรรย์ทำให้จิตมีกำลังเป็นกุศลหนักแน่นไงล่ะ ต้องใช้กำลังใจไม่ใช่น้อยๆนะถึงจะอยู่รอดตลอด กามน่ะเหมือนห้วงน้ำ ทำให้จิตเอิบชุ่มด้วยยางเหนียว เป็นตัวลดทอนอำนาจกุศลให้อ่อนกำลังลงอย่างมาก คนที่หมกมุ่นครุ่นคิดถึงกามรสหนักๆจิตมักจดจ่ออยู่กับเครื่องเพศของหญิง ยิ่งจดจ่อมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งยึดในอัตภาพหญิงมากขึ้นเท่านั้น เหมือนภพของหญิงเป็นแม่เหล็กดึงดูดจิตให้ไปติดจนแกะยาก พอติดจมมากเข้าในที่สุดเลยกลายเป็นหญิงไปเสียเองเมื่อเกิดใหม่ครั้งต่อไป”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๔๑ ชนะกรรม)



สัมพันธภาพที่สะอาดที่สุดคือทำความรู้จักกันด้วยไมตรีจิตฉันเพื่อนมนุษย์ธรรมดา สัมพันธภาพฉันเพื่อนมนุษย์จะทำให้เรารู้เห็นเองว่าเขามีเจ้าของหรือยัง หากคุณตั้งใจไว้ล่วงหน้าว่าถ้ามีเจ้าของ ก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยอย่างเด็ดขาด หรือจนกว่าเขาจะตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะกับแฟนว่าจะเลิกกัน เจตนาเช่นนี้จะทำให้เป็นผู้หลีกจากภัยเวรทางกาม ทั้งในปัจจุบันและอนาคตครับ


พระพุทธเจ้าตรัสว่าคนในโลกนั้น แปดเปื้อนด้วยกาเมสุมิจฉาจารมากกว่าคนที่ปลอดจากกาเมสุมิจฉาจาร และเพราะเหตุนั้นเอง ย่อมน้อยที่เราจะพบคู่ที่ประสบแต่สุข โดยมากจะอยู่กันด้วยความสงสัยว่าใช่คู่ของตัวแน่หรือไม่ อยู่กันด้วยความคิดกลับไปกลับมาว่าตนเองเลือกคู่ถูกหรือไม่ และอยู่กันด้วยความหวาดระแวงว่าคู่ของตนจะไปมีคนอื่นหรือไม่ คนส่วนใหญ่จะไม่ยอมทนว้าเหว่ แล้วก็ตัดสินใจกันผิดๆร่ำไป บางทีก็เริ่มจากเรื่องเล็กๆน้อยๆที่ยังไม่ผิดบาปชัดเจน เช่นจีบแฟนคนอื่นนี่แหละ


จาก http://dungtrin.com/newsletter/prepare016.htm
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยวตัว เล่ม ๑ - ตอนที่ ๓)



แม้คู่ที่มีความคิดอ่านดี อยากทำชีวิตให้มีสุข อยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง เรียกว่าเสพสุขในการอยู่ร่วมระดับของบุญ ยังอาจมีความเคลือบแคลงระแวงใจในกันได้ เพราะมีสิทธิ์นอกใจกันตลอดเวลา แต่ถ้าคู่ไหนเริ่มขยับ เริ่มอัพเกรดสัมพันธภาพให้อยู่ร่วมกันในระดับของศีล
จะมีความสุขอีกชนิดเกิดขึ้น ที่คู่รักส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะรู้จักกันนัก นั่นคือ "ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน" เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากศีล เป็นคุณของศีลที่เห็นได้อย่างชัดเจน

http://202.44.204.76/narupan/PantipSakajcha02.htm



ความรักไม่มีผิดไม่มีถูกตรงที่หวังครอบครอง หวังเป็นอิสระต่อกัน หรือเปลี่ยนใจไปหาคนอื่น แต่จะเริ่มเป็นบาปหรือเป็นบุญตอนที่เลือกจะมีความสัมพันธ์แบบไหนกับใครและอย่างไร


บาปจะเกิด ความผิดพลาดและมลทินติดตัวจะมีต่อเมื่อเราไปยุ่งกับคนมีเจ้าของ


บุญจะเกิด ความถูกต้องและราศีสง่าจะมีเมื่อเราคบกับคนดี มีธรรมะ ในลักษณะที่เกื้อกูลให้กันและกันเจริญขึ้นทั้งทางโลกและทางธรรม


จาก http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=59&start=12
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๑๘ ส.ค. ๒๕๔๘
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:15:03 pm »

วิธีหนึ่งที่จะทำให้คู่เวรของเราเขาตามไม่ทัน

คือรู้ว่าเขาทำเลวแบบใด เราจ้องไว้เลยว่าชั่วชีวิตจะทำดีชนิดนั้นๆ สุดโต่ง

เช่นเขาชอบพูดหยาบ เราต้องมุ่งมั่นทำตัวเป็นคนพูดไพเราะสุดขีดให้ได้ แล้วอธิษฐานไปเรื่อยๆ อิงหลักสัจจะที่ว่าคนแบบเดียวกันย่อมโคจรมาพบ หรือมาใกล้ หรือมาเฉียดกัน

คนต่างกันย่อมไม่มีเส้นทางให้โคจรมาพบ หรือมาใกล้ หรือมาแตะต้องกัน

เขาเป็นอย่างนั้น เราจะเป็นอีกอย่าง ก็ขอให้แคล้วคลาดกันไปเสมอ

แม้จำเป็นต้องมาพบเจอ ก็อย่าได้ทำความมัวหมองให้เราได้ หรืออย่าทำให้เราถึงขั้นเป็นทุกข์ได้
การอธิษฐานจะส่งผลจริง หนักแน่น ตามการประพฤติจริงของเราด้วย

อ้างสัจจะไว้นั่นแหละ ได้ผลที่สุด


http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/005649.htm#82



“คนเราอย่างเก่งก็เต็มใจแค่ ‘ปรับตัว’ เข้าหากัน แต่ที่จะปรับศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาให้เสมอกันนั้นหาได้ยากแสนยาก วันนี้หนูประกาศเปรี้ยงแล้วว่าพร้อมจะลงทุนทุกอย่างเพื่อเอาเขาไว้ ก็เป็นการแสดงความจงใจทำผังกรรมเก่าให้บิดเบี้ยวด้วยแรงกรรมใหม่ ไม่ยินยอม ‘ไปตามดวง’ ฉะนั้นจึงเรียกว่า ‘ฝืนดวง’ ได้เต็มปาก และอำนาจที่จะฝืนดวงได้ก็มีแต่ธรรมะฝ่ายสูงเท่านั้น ธรรมะฝ่ายต่ำไม่มีกำลังพอต้านทานพลังจากผังกรรมเก่าหรอก”

“แล้วหนูมีเวลาแค่ไหน ที่จะเร่งบุญให้ทันใครอีกคน?”

“อย่าให้ผมดูเลย ตอนนี้ผมยังไม่กำหนดรู้เข้าไปชัดๆหรอก หากหนูรู้เวลาแบบจำเพาะเจาะจง รับรองว่าจะต้องมีพฤติกรรมประหลาด ๆ ก่อทุกข์ให้เรา เพิ่มทุกข์ให้เขาเปล่าๆ ให้ผมบอกอย่างนี้ดีกว่า การพบใครสักคนที่เราถูกใจ และเขาก็ถูกใจเรา โดยต่างฝ่ายต่างยังไม่มีเจ้าของ นั่นชี้ให้เห็นชัดว่ายังเหลือเวลาสร้างบุญเพื่ออยู่ร่วมกันในชาตินี้ ด้วยศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา พูดง่ายๆ ว่าถ้ารีบ ต้องทัน!”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)

 

 

           


ความรัก กับ ความรู้สึกผูกพัน
 

ไม่มีเรื่องสำคัญในชีวิตเราเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ พระพุทธองค์ตรัสว่า ความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ ประการแรกคือเพราะอยู่ร่วมกันในอดีตชาติ ประการที่สองคือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน เหมือนดอกบัวที่เกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการคือน้ำและเปือกตม ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้


ถ้าเคยเป็นคู่ผัวตัวเมียมาแต่ปางก่อน ก็อาจทำให้รักตั้งแต่แรกพบ ส่วนจะรักแท้แน่นอน ยั่งยืนแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)



“เอ… หนูสงสัยมานานแล้วนะ ว่าถ้าตายจากกันแล้ว มาเจอะเจอกันได้ยังไงถูก เอาแค่คนรู้จักกันในชาตินี้ บางทีรักสุดชีวิต พอมีเหตุให้พลัดพรากหลายๆปีแล้วคิดถึงกันขึ้นมา ต่อให้พลิกแผ่นดินหาแทบตายก็ไม่เจอ ขนาดจงใจหายังไม่เจอ แล้วอะไรที่เหวี่ยงให้มาเจอคู่กรณีเก่าที่ลืมกันหมดสิ้นได้?”


“กรรมเป็นเรื่องซับซ้อน หนูต้องเข้าใจ ต้องหยั่งรู้ ว่าลำดับการให้ผลของกรรมเป็นอย่างไร แล้วจะรู้สึกว่า พวกเราเหมือนมีแม่เหล็กติดตัว วิ่งไปตามเส้นทางใด ก็มีผลดึงดูดบุคคลหรือกลุ่มคนที่มีบุพกรรมร่วมกับเรามาเจอกัน ใครมีอิทธิพลกับชีวิตเรามาก ให้ผลเปลี่ยนแปลงทางดีหรือร้ายได้รุนแรง ก็หมายความว่าเราหลีกเลี่ยงการพบเจอคนนั้นไม่ได้ และต้องใช้เวลาระยะหนึ่งทำความรู้จัก คบหา และรับผลจากเขาเสียก่อนจึงถึงเวลาผละจาก ต่างจากพวกที่เราจะต้องเสียเวลาในชีวิตร่วมกับเขาเพียงครึ่งนาที เช่นคนบอกทางแยกทางเลี้ยวให้เราไปถึงที่นัดหมาย การพบหรือไม่พบคนจำพวกนี้มีผลเท่ากัน คือจะไม่ทำให้ชีวิตเราต่างไปจากเดิม”


“แล้วแม่เหล็กดึงดูดคู่กรรมที่พี่ว่านี่ฝังอยู่ตรงไหนในเราคะ จิตใต้สำนึกหรือเปล่า?”


“ถ้ายกเอาสิ่งที่เห็นง่ายในชาติปัจจุบันมาพูดก่อนคงพอเข้าใจ หนูคงเห็นว่าถ้าเราพูดกับใครบ่อยๆ ก็จะเหมือนมีสายใยโยงกับคนนั้น ไม่ใช่เหมือนกับเส้นเชือกผูกมัดเป็นตัวเป็นตน แต่สายใยที่รู้สึกได้ด้วยใจนั้นแหละ จะกระตุกให้เราคิดถึงเขาบ่อยๆ อันนี้คงนึกออกนะ”


“ค่ะ บางทีรู้สึกเหมือนใจเราเป็นสิ่งยืดตัวออกไปทางทิศใดทิศหนึ่ง ตามที่อยู่ของใครบางคนได้ตลอดเวลา”


“นั่นแหละที่เรียกความผูกพัน สายใยเชื่อมโยงระหว่างจิตต่อจิต หลักการคือถ้าผูกเหนียวแน่นกับใครมากๆ จะมีลักษณะฝังลงในส่วนลึก หยั่งรากความสัมพันธ์ได้ถึงส่วนไร้สำนึก ชนิดติดจิตติดวิญญาณข้ามภพข้ามชาติได้ เมื่อพบกันอีกก็จะมีสัญญาณในจิตกระตุ้นให้ตื่นตัวรับรู้ มีสายใยเชื่อมติดกันทันที จึงเหมือนคุ้นเคยกันในทางใดทางหนึ่ง นี่เป็นในแง่ของความจำ”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓ พยากรณ์ดาวเด่น)



“เป็น ‘ทาสในเรือนเบี้ย’ หรือ ‘ท่านผู้หญิงในเรือนหอ’ เขาวัดกันตรงไหนคะ?”

“การหยิบยื่นความสุขให้กันด้วยจิตสำนึกของคนรักมั้ง ถ้าเอาแต่กอบโกยและใช้สอยด้วยอารมณ์ดิบ นั่นคือภาษากายของเจ้านาย แต่ถ้ายอมเสียเวลาตามใจและทะนุถนอมนิ่มนวล อันนั้นคือภาษาใจของคนรัก”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๑๖ อัตวินิบาตกรรม)



คู่ที่ติดใจกันและกันโดยเนื้อหนัง เวลาเบื่อจะหน่ายยิ่งกว่าเห็นปลาทูเค็ม เล็บยังไม่อยากจะแตะ เงาก็ไม่อยากจะเห็น นี่คือธรรมชาติเสื่อมโทรมทางความรู้สึกในกาม

คู่ที่ทำบุญร่วมกันทุกวัน จะสัมผัสได้ถึงกระแสชนิดหนึ่ง เยือกเย็น อ่อนโยนเป็นธรรมชาติ กระแสชนิดนี้เหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณทั้งฝ่ายชายและหญิง ให้เกิดความรู้สึกด้านดีต่อกัน แม้เบื่อกันทางเนื้อหนังแล้ว ก็ยังน่าจะอุ่นใจ เย็นกาย ไม่รู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเลย เหมือนแต่ละฝ่ายเป็นส่วนเติมความเย็นให้แก่กัน เข้าใกล้กันแล้วไม่ร้อน อยู่ร่วมกันนานแล้วไม่จืด เพราะคอยเติมความเย็นให้ทวีขึ้นเรื่อยๆ

คู่ที่หมั่นชวนกันภาวนาร่วมกัน ตะลอนๆ หาวัดด้วยกัน จะมีสายสัมพันธ์อีกลักษณะหนึ่งให้สัมผัสรู้สึก มีความละเอียดอ่อนลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่รักประเภทที่กล่าวมาข้างต้นมาก คือนอกจากกระแสความเยือกเย็นที่สื่อเป็นสายสัมพันธ์เหนียวแน่นแล้ว ยังมีความอบอุ่นมั่นคงอีกชนิดหนึ่ง ให้ความรู้สึกโปร่งเบา ปลอดภัย และมีความแน่นอนกว่ากันมาก อยู่ร่วมกันนานๆแล้วเมื่อกระแสจิตจูนตรงกัน ทั้งในระดับของการมีใจเปิดเป็นทาน ช่างให้ทั้งทรัพยทาน อภัยทาน วิทยทาน ธรรมทาน ทั้งในระดับของการมีใจสะอาดเป็นศีล บริสุทธิ์สว่าง ห่างจากการคลุกกิเลสหยาบหนาทั้งในระดับของการมีใจตั้งมั่นเป็นสมาธิ มีความมั่นคงแน่วแน่ในภายใน เป็นที่พึ่งให้แก่กันและกัน รวมทั้งตัวเองได้ ทั้งในระดับของการมีใจปล่อยวางอย่างเป็นพุทธิปัญญา ไม่ยึดมั่นถือมั่นแม้ในกันและกันรุนแรง แบบนี้นะครับ ไปไหนก็เป็นความชุ่มฉ่ำ สุกสว่างให้กับทุกที่ ทุกคนที่ใกล้ชิด

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#4



สรุปทางโลกคือ รักแท้มีจริงขึ้นได้ด้วยปฐมเหตุคือใจ ใจดี ๆ แบบที่หายาก จึงได้รับความสุขอันเป็นไปได้ยาก การทำให้ใครสักคนดีใจจนตาเป็นประกายหรือการทำให้ใครสักคนอบอุ่นสมหวัง ต้องใช้ความเข้มแข็งและเมตตาเหนือสามัญมนุษย์ สามารถหยิบยื่นสิ่งที่คนทั้งหลายยากจะมอบให้แก่กัน เป็นผู้มีศักยภาพในการก่อความผูกพันอันแน่นเหนียว ซาบซึ้งรุนแรง ระดับที่สามารถประทับลงในใจอีกฝ่ายไปจนข้ามภพข้ามชาติ

แต่มีความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์ยิ่งกว่านั้น มีคุณยิ่งกว่านั้น ถ้าเราสามารถทำให้ใครสักคนตาสว่างด้วยการเห็นธรรมะ ถ้าเราสามารถทำให้ใครสักคนอบอุ่นใจด้วยการให้ธรรมะเป็นที่พึ่ง ความรู้สึกมันยิ่งกว่าทำให้คนรักปีติด้วยของกำนัลล้ำค่าใดๆ เพราะการมีตาที่สว่างและใจที่อบอุ่นด้วยธรรมะนั้น จะติดตัวทั้งสองฝ่ายตราบจนแยกจากกันเข้าสู่นิพพาน ที่ที่ไม่มีอะไรมาทำให้เกิดความร้าวฉานแก่สัมพันธภาพระหว่างกันได้อีก

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2



การดึงกันปฏิบัติธรรมนั้นเป็นการสร้างแรงดึงดูดที่เหนือแรงดึงดูดด้วยกรรมร่วมชนิดอื่นใดทั้งสิ้นทั้งปวง เป็นตัวสร้างความนับถือกันและกันอย่างสูง เป็นตัวสร้างความสมานฉันท์กลมเกลียวที่แนบแน่นลึกลงไปถึงส่วนลึกที่สุดของจิตใจ

แค่คู่ที่ร่วมกันทำบุญใส่บาตร ร่วมกันช่วยเหลือคนและสัตว์ที่ตกทุกข์ได้ยากเป็นนิตย์ ก็ประจักษ์แล้วว่าความดีที่ทำร่วมกันเป็นสิ่งลึกลับ เป็นเชือกร้อยรัดที่เหนียวแน่น สร้างความรู้สึกระลึกถึงกันในทางดีงาม เห็นอีกฝ่ายแล้วเกิดความอ่อนโยนในใจ แต่คู่ที่ทำบุญในระดับตั้งใจถือศีลร่วมกัน ปวารณาตัวให้อีกฝ่ายตักเตือนได้เมื่อเห็นตนเขว ทำท่าจะด่างพร้อย จะยิ่งเกิดความคิดถึง ความผูกพันลึกซึ้งยิ่งกว่าคู่ที่แค่ทำบุญใส่บาตรร่วมกันไม่รู้กี่สิบกี่ร้อยเท่า

ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถสอนอีกฝ่ายให้ตั้งจิตเป็นสมาธิ สร้างตัวรู้ขึ้นมาได้ หรือเป็นสมาธิด้วยกันทั้งคู่มาก่อน เข้าที่ภาวนา นั่งสมาธิร่วมกันเสมอ จะเข้าใจความรักฉันหญิงชายอีกแบบที่ประหลาดมาก แค่อยู่ด้วยใกล้กันเฉยๆโดยไม่ต้องทำอะไรก็เหมือนเป็นแรงเสริมให้อีกฝ่ายเป็นสุขได้อย่างน่าแปลกใจ ยิ่งหากแต่ละฝ่ายรู้คิด รู้จักพูดจา ก็จะมีมิติของสัมพันธภาพที่หลากหลาย เวลาหนึ่งอาจคุยกันได้มากมายสารพัดเรื่อง อีกเวลาหนึ่งอาจรู้จักการอยู่ร่วมกันเงียบๆเพื่อฟังเสียงของใจแต่ละฝ่าย เมื่อคิดอะไรก็เหมือนจะรู้กัน เมื่อขยับนิดหนึ่งก็เหมือนเดาถูกว่าจะทำอะไร

http://202.44.204.76/narupan/PantipSakajcha02.htm




ในมุมมองของผู้เห็นรูปนามเป็นทุกข์ การอยู่ตัวคนเดียว ปฏิบัติธรรมโดยลำพัง เที่ยวไปอย่างสันโดษเอกา นับเป็นความสุขอันประเสริฐแท้ แต่เมื่อยังข้องอยู่ ยังสงสัยอยู่ ยังอยากในรสอยู่ จะเรียนรู้ชีวิตคู่ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่ตั้งใจไว้ดีๆ มองหน้าคู่รักเราแล้วอธิษฐานไว้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะมีทุกข์ใดปรากฏ ก็ขอใช้เป็นบทเรียน ผลักดันให้ปรารถนาดับทุกข์จนสนิท เมื่ออยู่ร่วมกันจริงๆแล้วเกิดเหตุการณ์เลวร้าย หรือพลาดพลั้งตกทุกข์สาหัสประการใด จะได้มีภาคหนึ่งระลึกว่าเราเคยเตรียมใจรับเรื่องนี้มาก่อน จะใช้ทุกข์นี้เป็นบทเรียนไปนิพพาน และพยายามแก้ปัญหาด้วยน้ำใจเมตตา ปรารถนาเกื้อกูลกัน ไม่แก้ปัญหาด้วยการเพิ่มปัญหา

การได้คู่ครองที่ประเสริฐ ดึงกันไปดีนั้นยากแสนยาก แต่ถ้าหาได้ก็ควรหา อย่ายึดถือกันที่หน้าตา เพราะหน้าที่ฉาบบังความเลวไว้นั้นนานไปเหม็นได้ แต่ใบหน้าเรียบสงบที่อาบด้วยความดีงามนั้นหอมหวนไม่เปลี่ยนแปลงเลย

http://202.44.204.76/narupan/PantipSakajcha02.htm

 

 

           


ความรัก กับ ความหลง
 

“เธอจะเลือกแฟนแบบไหนให้ตัวเองก็ตาม รู้ไว้เถอะว่าเธอไม่ได้เลือกแค่คน แต่เธอกำลังเลือกใจตัวเองด้วย เขาเป็นแบบไหน ใจเธอก็จะค่อย ๆ เป็นแบบนั้น ถ้าเขาเอาแต่สนุก ใจเธอก็อยากเอาแต่สนุกด้วย ถ้าเขาฉาบฉวย ใจเธอก็ฉาบฉวยตาม”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๘ โลกกลม)





“เลือกคบกับผู้ชายคนไหน ก็คือการยอมให้กรรมของผู้ชายคนนั้นเข้ามาเกื้อกูลหรือรบกวนวิถีชีวิตของเรา เขาจะมีส่วนทำให้กรรมทางความคิด คำพูด และการกระทำต่าง ๆ ของเราเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๗ ข้ามรุ่น)



“พี่ไม่พูดเรื่องบาปเรื่องบุญ เรื่องผิดเรื่องถูก เรื่องเหมาะเรื่องควรอะไรกับเค้กดีกว่า แต่อยากชี้ให้เห็นว่า ถ้าเธอหน้ามืดกับเสน่ห์ของผู้ชายโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกภายในว่าใช่หรือไม่ใช่ ต่อไปเธอจะไม่เหลือเครื่องช่วยตัดสินใจไหน ๆ เลย ถ้าชอบคือใช่หมด เอาหมด!”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๗ ข้ามรุ่น)



“คนเราเนี่ยนะ ที่จะใช่หรือไม่ใช่ เหมาะหรือไม่เหมาะ ใจตัวเองบอกอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผิดฝาผิดตัวชัด ๆ อย่างนี้นะ เราจะตามใจฝ่ายผิดของตัวเองทำไม เดี๋ยวก็ต้องมีผลกระทบข้างเคียงเกิดขึ้น”

 (กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๗ ข้ามรุ่น)



"ตกลงที่เราโหยหาความรักมาทั้งชีวิต แทบอยากตายเมื่อไม่เจอความรัก หรืออยากตายเมื่อผิดหวังในรัก แท้จริงแล้วเป็นแค่อารมณ์หลอกตัวเองเท่านั้นหรือ? เราไม่เคยพร้อมจะตายเพื่อบูชารักเลย เราจะเป็นจะตายเมื่อไม่ได้อย่างใจมากกว่า นี่แหละ คนเรามีแต่รักตัวเอง เรียกร้องเอาอะไรเข้าตัวเองทั้งนั้น…"

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓๒ ค่าตัว)




ความดื้อเพราะมีราคะกล้านั้นน่ากลัวยิ่งกว่าดื้อเพราะมีทิฐิแรง มนต์สะกดจากสำนักไสยศาสตร์ใดก็ไม่ทรงอำนาจมืดยิ่งใหญ่เท่ามนต์สะกดจากราคะอันเป็นของภายใน
(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๗ ข้ามรุ่น)



บางคนจริงจังรอรักแท้จนแก่ก็ไม่เจอสิ่งที่ราคะหลอกให้หลงรอ บางคนเจอใครที่นึกว่าใช่ก็ตาลีตาเหลือกจัดงานแต่งงานอย่างรีบด่วน เพื่อพบในภายหลังว่าคู่แต่งกลายเป็นคู่เวร บาปกรรมที่เคยทำร่วมกันไว้แต่ปางก่อนเหนี่ยวนำให้มาร่วมชายคาเพื่องจองเวรกันต่อต่างหาก

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๒๔ คำสาป)



“เธอเดาใจตัวเองในอนาคตถูกแน่หรือ? เชือกที่มัดเรารอบแรกหลวม ๆ ก็เหมือนดิ้นง่าย แต่ถ้าชะล่าใจยืนเฉย ปล่อยให้เขารัดวันละทบ เดี๋ยวพอถึงรอบที่สิบมันจะต่างไปมาก ที่โลกนี้เต็มไปด้วยการจับคู่ที่ไม่เหมาะสม ก็เพราะมีการยอมให้กับก้าวแรก พอรู้สึกอีกทีนะเค้ก เธออาจพบตัวเองเดินมายืนอยู่ตรงจุดที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๐ คู่รักคู่สุดท้าย)
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:13:46 pm »

หลักการดูคู่ ขอแนะว่าลองชักชวนกันทำบุญ ดูความรู้สึกผูกพันด้านดี จะแน่นอนกว่าการดูฤกษ์ยามใดๆ ครับ แต่ผมก็เข้าใจและเห็นใจ บางคนไม่มีโอกาสเลือกมากนัก ถ้าใครคิดว่าตนเองมีบุญในเรื่องคู่น้อย ผมอยากแนะนำให้ตั้งใจรักษาศีล ๕ อย่างเข้มงวด ทำทานด้วยความเบิกบานอย่างเข้าใจสักพัก มนุษย์เรายกระดับความมีบุญได้ในชาติเดียว เดี๋ยวถ้าบุญถึงขีดบันดาลสุขในปัจจุบันทันตาเมื่อไหร่ บุญนั้นก็จะแปรสภาพเป็นแรงดึงดูดชักนำคนดีๆที่สมกันมาหาเราเองครับ หากถือหลักความจริงนี้ ก็คงเป็นคำตอบไปในตัว ว่าเราจำเป็นต้องเชื่อเกณฑ์ชะตาราศีไหม

http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare064.htm

เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับวันที่ ๑ ธ.ค. ๒๕๔๘





สิ่งที่ควรดู คือเมื่อเข้าคู่กันแล้ว

๑) รู้สึกว่าใช่หรือเปล่า (เป็นเรื่องของสัญญาที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกล้วนๆ)

๒) เกิดแต่เรื่องดีๆเมื่ออยู่ด้วยกันหรือเปล่า (วัดผลของอดีตกรรมที่ให้เป็นวิบากฝ่ายดี)

๓) ร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรคหรือเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้หรือเปล่า (ดูปัจจุบันกรรมที่เอื้อให้เกื้อกูลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้แค่ไหน)
๔) เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดี ๆ ต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า (ปัจจุบันกรรมที่จะให้ผลเป็นวิบากอนาคตที่สดใสหรือไม่ เท่าที่ผมพบมา คู่ที่จรรโลงใจกันด้วยบุญ เลี้ยงใจกันด้วยบุญไม่ขาดสายเท่านั้น ที่ไม่เบื่อ ไม่แห้งแล้งต่อกันเสียก่อนตาย)

สรุปคือเข้าคู่กันแล้วรู้สึกดีๆ เกิดเรื่องดี ๆ ก็ใช่เลยครับ และไม่ต้องไปหมายมั่นเอาว่านั่นคือเครื่องแสดงความถาวร เป็นเนื้อคู่นิรันดร์ เพราะสังสารวัฏไม่มีอะไรอย่างนั้นให้ มีแต่เปลี่ยนกับเปลี่ยนครับ จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#1





ชีวิตคู่จะประสพความสำเร็จหรือล้มเหลวใช่ว่าเกิดจากการสำคัญถูกหรือสำคัญผิดในเบื้องต้น ที่ว่าใช่แน่เหมือนกิ่งทองใบหยก วันหนึ่งกลายเป็นใบข่อย ใบมะกรูดไปก็มาก หรือที่ว่าเหมือนดอกฟ้ากับหมาวัด วันหนึ่งหมาวัดกลายเป็นใหญ่เป็นโตในบ้านเมืองก็มีให้เห็น หรืออีกทางหนึ่ง ดูตอนเริ่มต้นว่ารักกันมาก นานไปก็อาจรักกันน้อยลง ดูตอนเริ่มต้นว่ารักกันน้อย นานไปก็อาจรักกันมากขึ้น ของแบบนี้เอาพฤติกรรมปัจจุบันมาเป็นแนวโน้มพอได้ แต่ไม่แน่นอนเท่าไหร่นัก

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)




คู่ที่แตกต่างกันมากอาจมีความสุข มีแรงดึงดูดเข้าหากันในช่วงแรก แต่อาจไม่ใช่อย่างที่แม่เหล็กรักความเป็นขั้วตรงข้ามได้ตลอดเวลา การอยู่กินร่วมกันในระยะยาวต้องการอะไรบางอย่างชวนใจให้อยู่ใกล้กันทุกวันได้โดยไม่อึดอัด ถ้าต่างคนต่างอยากทำสิ่งที่ตัวเองพอใจแล้วลืมเลยว่าอีกฝ่ายอยู่ที่ไหน หรือมุมไหนของบ้าน วันหนึ่งก็กลายเป็นความห่างเหินโดยปริยาย

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๔ ร่วมทาง)




ความเข้ากันได้ระหว่างสองบุคคลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นที่ยอมรับว่าลักษณะนิสัยใจคอของคนเราจะก่อลักษณะกระแสจิตประเภทหนึ่งๆขึ้นมา ซึ่งเมื่อใกล้กันก็รู้สึกได้ว่าพอจะ 'รับ' กันได้ไหม ถัดจากนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆอีก ทั้งความคิด คำพูด และปฏิกิริยาที่กระทำต่อกัน เป็นตัวตัดสินว่าเข้ากันได้สนิทจริงหรือไม่


ตรงนี้น่าคิดว่าถึงจะเคยร่วมบุญกันมา ทว่าเข้ากันยากด้วยคุณสมบัติเฉพาะตัวของแต่ละฝ่าย แม้มีเวลากระดี๊กระด๊าด้วยกันในช่วงแรกอยู่บ้าง ต่อไปก็น่าจะฝ่อลงจนแหนงหน่ายในที่สุด

เคยทำบุญร่วมกันมาก็เรื่องหนึ่ง ลักษณะกระแสจิตคล้ายกันก็เรื่องหนึ่ง เจอกันแล้วเกิดอะไรขึ้นบ้างก็เรื่องหนึ่ง มีโอกาสใช้เวลาในชีวิตด้วยกันนานช้าแค่ไหนก็อีกเรื่องหนึ่ง


สรุปแล้วหากว่าตามหลักอนิจจัง หญิงชายในสังสารวัฏต่างท่องเที่ยวไปไกลตามลำพัง ผลัดเปลี่ยนเวียนจับคู่ด้วยความผูกพันมากน้อย แล้วถอยฉากจากกันไปเรื่อยๆ หาคู่แท้ถาวรมิได้? ...

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๐  ผู้วิเศษ)



ในเมื่อยังต้องติดอยู่กับความรักประจำโลก ก็ควรเป็นความรักที่เกื้อกูลกันและกันด้วยธรรมะ อยู่ร่วมกันด้วยกระแสบุญกุศล


หากผูกพันกับใครด้วยกระแสบุญมากกว่ากระแสบาป ก็มักได้เป็นตัวจริงของเขาหรือเธอในที่สุด

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008619.htm#4

 

 

           


ความรัก กับ วิบากแห่งกรรม
 

“การก่อกรรมกับผู้อื่นมีหลักอยู่ง่าย ๆ นะ หนึ่งคือมีเจตนากระทำการกับสิ่งมีชีวิต สองคือสิ่งมีชีวิตนั้นได้รับผลทางกายหรือทางใจสมเจตนาของผู้กระทำ เราทำเวรทำกรรมไปนั้น จะรู้หรือไม่รู้ก็ตามว่าเป็นกรรมเวร อย่างไรวันหนึ่งก็ต้องให้ผล ผมพูดอย่างนี้อาจทำให้หนูนึกได้… นับถูกไหมว่ากี่ครั้งที่หนูพูดอะไรเช่น ‘ชักจะใจอ่อนแล้วซี’ ทั้งที่ความจริงยังไม่มีใจแม้แต่นิดเดียว”


ลานดาวตะลึงคล้ายถูกไฟดูด นั่นเป็นถ้อยคำที่หล่อนใช้เป็นประจำจริงๆ โดยเฉพาะกับนักตื๊อที่ดูดี และท่าทางจะไม่มีพิษมีภัยในภายหลัง จะว่านนทกานต์แอบมาเล่าให้ฟังก็คงยาก เพราะจำได้ว่าหล่อนไม่เคยโปรยคำเด็ดนี้ใส่หูเขา ต้องพิเศษกว่านนทกานต์อีกสักนิดหนึ่งหรอกถึงมีสิทธิ์ได้ยิน


“แค่นี้ก็ถือว่าเป็นกรรมที่ต้องได้รับโทษหรือคะ?”


“ไม่ใช่แค่คำพูดนี้หรอกนะ ทุกอาการ ทุกถ้อยคำที่รวมกันทำให้ใครต่อใครเขาคาดหวังนั่นแหละ ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถูกหลอกให้คาดหวังอย่างแรง จบลงด้วยความผิดหวังอย่างหนัก เหมือนเมื่อเรายังอ่อนแอในวัยเด็ก พ่อแม่บอกว่าจะมาแล้วไม่มา เราน้อยใจ เราอยากร้องไห้อย่างไร ก็คือความรู้สึกแบบนั้นคูณเข้าไปด้วยจำนวนหนุ่มๆที่อกหักจากเรา ลองคำนวณเถอะว่าถ้าวันหนึ่งมันย้อนกลับมากระแทกเรา มันจะหนักขนาดไหน”


(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๓ พยากรณ์ดาวเด่น)



“ถ้าน้าเค้กมีเวลาสั่งสมกองบุญไว้มาก น้ำหนักน่าจะเกินความหลงผิดในช่วงต้นชีวิตแล้วนี่คะ ทำไมถึง… เอ่อ…”


“กรรมดีในชาติก่อนส่งให้ชาตินี้มาเกิดในตระกูลดี เป็นคนมีจิตใจดี พบแต่เรื่องดี แต่ในเรื่องของความรัก ถึงคิวที่กรรมร้ายๆให้ผล การที่หนูเค้กเคยล่อหลอกให้คนอื่นหลงใหลคลุ้มคลั่งรูปตน ปรุงแต่งจิตให้ชาตินี้เป็นคนหลงรูปง่าย และเจอแต่พวกโลเล นิยมรักซ้อน ทอดทิ้งหนูไปหาคนอื่นเสมอ”


อเวรายกมือปิดปาก น้ำเอ่อขึ้นปริ่มขอบตาอีก ใช่แล้ว… หล่อนเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง อยากได้ความรัก ความอบอุ่น ความมั่นคง ทว่าก็พบแต่รักฉาบฉวยของคนมาแรงแล้วทิ้งเร็ว รูปแบบก็ซ้ำๆ กันไม่เลิก คือเจอเจ้าชายในฝันที่สมบูรณ์แบบคนแล้วคนเล่า ทว่าต้องเผชิญกับความจริงว่าเจ้าชายเหล่านั้นพบเจ้าหญิงที่ครบพร้อมกว่าตนในเวลาแสนสั้น

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๔ กรรมเก่า กรรมใหม่)





“อ้อยจะบอกว่าถ้ากรรมวิบากมีจริง เค้กก็ออกดี๊ดี แต่ทำไมถูกทิ้งใช่ไหมล่ะ?... พูดไปเถอะ เค้กรับได้ ไม่ใช่เรื่องเจ็บปวดสักเท่าไหร่แล้ว ปลงตกแล้ว”


“ปลงว่า... เคยไปทิ้งเขามาก่อน?”


“ก็คงงั้น เพราะชาตินี้โดนจนชิน จนชา ด้วยวิธีเดิมๆ ตลอด มันคงไม่ใช่เรื่องฟลุก และถ้าธรรมชาติมีเหตุผล ไม่คอยแกล้งใครเล่นตามอำเภอใจ เค้กก็เชื่อว่าเค้กต้องทำคนอื่นไว้ก่อนเกิดมาในชาตินี้จริงๆ เพราะชาตินี้เค้กไม่เคยตั้งใจหลอกให้ใครมีความหวังลมๆ แล้งๆ สักคน...”


หญิงสาวพูดด้วยเสียงเรียบสนิท เรียบเสียจนคนฟังไม่รู้สึกเป็นเรื่องน่าสงสาร แต่ขณะเดียวกันก็ได้แรงบันดาลใจที่จะสงบสติอารมณ์ตาม


“ถ้าเธอเคยหลอกชาวบ้านไว้ในชาติก่อน ทำไมไม่ติดนิสัยเจ้าชู้ชอบหลอกมาบ้างล่ะ?”

นั่นคือสิ่งที่อเวราตอบไม่ได้


“อาจจะ... เข็ดแล้วอธิษฐาน กลับตัวกลับใจใหม่ในช่วงท้ายมั้ง ไม่รู้ซี ก็ได้แต่เดาส่งประสานักเดาคุยกันนั่นแหละ”


“ในเมื่อไม่รู้จริง และไม่มีทางรู้ได้ อย่างนี้จะมีประโยชน์อะไรถ้าโทษอดีตกาลปางบรรพ์แต่ครั้งไหน?”

“ก็... ประโยชน์ตรงที่จะได้ตั้งใจ ไม่หลอกคนอื่นให้รอเก้ออีกไง ชาตินี้ใช้ๆ กรรมให้หมดไป ชาติหน้าไม่ต้องเป็นทุกข์อีก”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๓๑ เหตุผลลี้ลับ)



“รู้ไหมรางวัลของการเป็นคนรักเดียวใจเดียว ไม่แกล้งหลอกให้ใครมาหลงชอบคืออะไร?”

“คนใจเดียวที่ซื่อสัตย์ไม่เป็นอื่น ครองกายอยู่กับคู่ของตนได้ตลอดรอดฝั่ง แม้ถูกทดสอบให้ไขว้เขวก็ไม่วอกแวก รางวัลคือจะทำให้เกิดใหม่เป็นคนมีเสน่ห์จับตา ทรงอิทธิพลบันดาลใจให้เพศตรงข้ามเห็นแล้วอยากตู่ว่าเป็นคู่แท้ เกิดจินตนาการอบอุ่น อยากเคียงบ่าเคียงไหล่ไปตลอดกาล นอกจากนั้นกระแสวิบากยังดึงดูดแต่คนดีๆ มาให้เลือกนับไม่ถ้วน ใครต่อใครเทใจจริงให้เพราะเห็นเรามีค่า ไม่อยากเข้ามาหลอกเล่นเอาสนุกกันเลย ส่วนคนใจคดแม้อยากเข้ามาใกล้ ก็จะเหมือนมีแรงผลักให้ห่างออกไป พยายามเท่าไหร่ก็เข้าไม่ถึงตัวสักที”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๔ กรรมเก่า กรรมใหม่)




“แล้วทำไมชาตินี้เขาถึงเจ้าชู้นักคะ? ในเมื่อเคยใจบุญออกปานนั้น”

ซักต่อราวกับเป็นเจ้าของคดีเสียเอง

“คนเราเกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ หลงลืมอดีต มองไม่เห็นที่มาที่ไปของคุณสมบัติต่างๆในตน พอเขาพบว่าตนเองเกิดมายังไม่ทันต้องทำอะไรก็หล่อเหลา มีแต่สาวๆมาหลง ก็ย่อมกระหยิ่มในความเป็นคนเจ้าเสน่ห์ กับทั้งเห็นว่าภาวะของเพศชายนั้นได้เปรียบ มีแต่ได้ไม่มีเสีย จึงลำพองในวัยต้นของชีวิตเป็นธรรมดา”

“สรุปว่าผู้ชายอาจเจ้าชู้ได้โดยไม่จำเป็นต้องเคยเป็นคนเลวในอดีตชาติหรือคะ?”

“ในชาติเดียวกัน คนเรายังกลับไปกลับมาระหว่างเลวกับดีได้หลายร้อยหลายพันครั้ง แล้วข้ามชาติข้ามภพมาจะหาความแน่นอนอะไรได้? ถ้าหนูตัดอคติทิ้ง เห็นตามจริงว่าทุกๆ คนต่างก็มีที่มาที่ไปในการก่อกรรมและรับผลกรรม ใจก็จะเป็นกลาง ไม่ต้องทุรนทุรายเรียกหาความยุติธรรมเมื่อเห็นคนน่าหมั่นไส้ยังอยู่ดีมีสุข และไม่ต้องมืดหม่นกับความสะใจสมน้ำหน้าเมื่อเห็นศัตรูประสบทุกข์ปางตาย”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๔ กรรมเก่า กรรมใหม่)



“ถ้าใช้ชีวิตตามสัญชาตญาณอย่างเดียว สัตว์ทั้งหลายก็ว่ายตามน้ำตามกระแสกันเกือบหมด วิบากซัดไปทางไหน กิเลสก็หนุนให้ไหลไปทางนั้น ไม่มีสักกี่คนหรอกที่ต้านกระแส หรือกระทั่งมีแก่ใจทวนกระแส”

“ไม่มีทางเป็นตัวของตัวเองได้นานๆ เลยหรือคะ?”


“ก็มีทางอยู่ การเป็นผู้ชนะกิเลสในทางใดทางหนึ่งได้ตลอดชีวิต คงเส้นคงวาไม่หวั่นไหวแม้ถูกทดสอบหนักหนาเพียงใด นั่นแหละจะกลายเป็นนิสัยติดตัวข้ามภพข้ามชาติในระยะยาวได้ อย่างเช่นถ้าเป็นชายที่มีดีพร้อม แล้วเจอผู้หญิงมาเสนอตัวมากมาย แต่ก็ปฏิเสธด้วยความปรารถนาในรักเดียวใจเดียวตลอดชีวิต ก็จะเกิดนิสัยอันเป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา เกิดอีกกี่ชาติก็มักซ้ำรอยเดิม คือไม่เป็นคนเจ้าชู้หลายใจไปเรื่อยๆ ”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๔๔ กรรมเก่า กรรมใหม่)




ในธรรมบทมีอยู่บทหนึ่งท่านกล่าวไว้ว่าสิริกับกาลีมาอยู่ด้วยกัน ความวิบัติก็เกิดขึ้นเอง อันนี้เป็นเรื่องจริง ถ้าคิด พูด ทำต่างกันมากๆ คนหนึ่งไปทางบุญ อีกคนไปทางบาป อยู่กันก็รังแต่จะมีเรื่องร้อนๆตลอด และกรรมจะเป็นผู้แยกทางให้ ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย ฝ่ายดีจะยิ่งได้ไปดีขึ้น ส่วนฝ่ายร้ายก็จะยิ่งได้ไปเสวยทุกขเวทนาแสนสาหัส โดยเอาเวลาที่อยู่ร่วมกันนั่นเองเป็นเครื่องสร้างอนาคต กล่าวคือฝ่ายดีจะได้บำเพ็ญทั้งขันติ ทั้งอภัยทาน และอีกสารพัด ส่วนฝ่ายร้ายก็จะได้ก่อเวร ทั้งความเบียดเบียน ทั้งนิสัยถืออำนาจบาตรใหญ่

รายละเอียดเรื่องการครองคู่นั้นพิสดารลึกซึ้งนัก แต่พอสรุปได้คร่าวๆคืออยู่ดี อยู่ร้าย และอยู่ครึ่งดีครึ่งร้าย โดยมากจะเป็นแบบที่สาม คือครึ่งดีครึ่งร้าย เพราะฉะนั้นโดยมากเช่นกัน ที่คนเราจะเจอรัก "ครึ่งแท้ครึ่งปลอม" กัน

นอกจากรักแท้แพ้ใกล้ชิดแล้ว ต้องบอกด้วยว่ารักแท้แพ้กรรมเก่า คนเราถ้าเคยร่วมกันบาปมากกว่าร่วมบุญกันมา อยู่ด้วยกันป๊อบแป๊บ วันหนึ่งก็ต้องมีเหตุให้แยกจากกัน แล้วไปเสี่ยงบุญเสี่ยงกรรม หาคนใหม่ที่เคยร่วมดีร้ายมาหนักเบากว่ากันอีก


http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/006918.htm#2



เกมกรรมน่ะเล่นยาก เตรียมใจยาก ทุ่มมากไปก็กลายเป็นยึดมั่นถือมั่นผิดตัวได้ เผื่อมากไปก็กลายเป็นหลายใจได้ เอาเป็นว่า เมื่อตัดสินใจอยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกับใคร ต่างคนต่างก็ไม่ทำเรื่องบาดใจกันด้วยการรักษาศีล ไม่ล่วงละเมิดศีลข้อกาเมฯแน่ๆ จนกว่าจะแยกเตียงเป็นเรื่องเป็นราวก็แล้วกัน โลกนี้นะ ถ้าเอาตามอุดมคติ ต่างคนต่างทำหน้าที่ ฝ่ายชายเลี้ยงดูและปกป้องภรรยา ภรรยาปรนนิบัติรับใช้สามีด้วยความซื่อสัตย์ มีค่านิยมผัวเดียวเมียเดียว ก็ได้ชื่อว่าทั้งคู่ทำจิตไม่ให้ซัดส่ายสับสน ไม่ต้องชดใช้บาปกรรมทางเพศทั้งชาตินี้และชาติหน้ากันแล้ว ต่อให้ชาตินี้ยังไม่รักกันดูดดื่มปานจะกลืน ศีลสัตย์ก็จะกลายเป็นพลังดลใจให้รู้สึกรักลึกซึ้งเมื่อเจอกันในปรโลกไปเอง

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๔๑ ชนะกรรม)




“ตกลงนี่เราจะต้องเวียนว่ายอยู่กับการเจอผู้ชายทิ้งขว้างไปตลอดชีวิตหรือเปล่า เค้กไม่เข้าใจ ทำไมเวรกรรมส่งแต่ผู้ชายห่วยๆ มาให้เลือกตลอด”


“ถ้าวิธีคิด วิธีฝันถึงผู้ชายของเธอเปลี่ยนแปลง ตัวเลือกที่เข้ามาก็อาจเปลี่ยนไป… ถ้ายังคิดเป็นแฟนกับผู้ชายเจ้าชู้น่ะ ลืมได้เรื่องหวังเป็นหนึ่งเดียวของเขา อย่างมากเธออาจเป็นหมายเลขหนึ่งครู่หนึ่ง แล้วที่สุดก็เลื่อนอันดับไปเป็นหมายเลขสอง หรือกระทั่งสามอยู่ดี”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๘ โลกกลม)



“แล้วจ๊ะหลุดจากบ่วงกรรมได้เพราะหมดแรงส่งของกรรม หรือว่าตามขั้นตอนของผังกรรมนั้นจ๊ะจะต้องเจอพี่แตร หรือว่าเป็นเพราะจ๊ะทำใจสละบาปแล้วอธิษฐานขอพบคนใหม่กันแน่คะ?”

“ทุกอย่างประกอบกัน แต่จุดใหญ่ที่สุดคือจาคะ ความมีใจคิดสละบาปนั่นแหละเป็นตัวประกอบสำคัญสูงสุดในกรณีของหนู เพราะเดิมหนูมีความคิดเอาแต่ได้ เห็นแก่ตัวจัด ถ้าหากไม่เปลี่ยนแปลงตัวตนเดิมๆ ก็จะต้องหลงวนอยู่ในวงโคจรเดิมๆ ไม่อาจเจอคนใหม่ที่ดีกว่า คล้ายสร้างเขาวงกตให้ตัวเองหาทางออกไม่เจอ หรือเหมือนขุดหล่มให้ตัวเองติดอยู่อย่างไม่อาจถอนเท้าขึ้นมาสำเร็จ”

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๔๑ ชนะกรรม)



“ลองยกตัวอย่างซิว่าเปลี่ยนแปลงตรงไหนได้เจอคู่แท้เร็วที่สุด”


“อย่าเรียกว่า ‘คู่แท้’ เลย เรียกว่า ‘คู่เหมาะ’ หรือคนที่ดี ‘คู่ควร’ กับเราดีกว่า หลักการที่พี่สาวของเค้กบอกไว้ ถ้าจะเข้าใจง่ายๆ คือ... เรายกระดับตัวเองสูงขึ้นแค่ไหน โอกาสจะไปเจอคนในระดับนั้นก็มีสูงขึ้น”


พิมพ์พรรณีทำหน้าสงสัย

“จะยกระดับจากตรงไหนก่อนดีล่ะ อ้อยก็ว่าทุกวันนี้อ้อยดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้แล้วนะ ให้รวยกว่านี้ในปีสองปีนี่หมดสิทธิ์แน่เลย”

“ยกระดับฐานะยากนัก ก็ยกระดับจิตใจเป็นไง... ตราบใดที่ใจยังผูกพันกับคนเก่าแปลว่าเธอยังยินดีทุกข์กับทางโคจรของชีวิตแบบเดิม ต่อเมื่อเลิกข้องแวะกับพี่ตู้ของเธอ ไม่ผูกพันแม้เพียงด้วยใจคิดแค้นพี่ตู้หรือครอบครัวเขา นั่นถึงจะสะท้อนการเปลี่ยนบางสิ่งในตัวตนของอ้อย ที่หลุดพ้นออกมาจากอดีตเสียได้”


“อ๋อ... เข้าใจล่ะ จะให้อ้อยยกโทษ ไม่ติดใจกับครอบครัวพี่ตู้อีก?”


“ใช่! ทั้งทางผูกพันด้านดีและด้านร้าย ให้ถือว่าเหมือนฝันไป ไม่ต้องไยดีให้เสียเวลาเดินทางไปข้างหน้าเปล่าๆ ”


“เท่านั้นก็ทำให้เกิดแรงดึงดูด พาไปเจอคนใหม่ทันที?”

“ตามหลักการ ไม่ใช่ว่าเธอ ‘พยายาม’ เปลี่ยนแปลงแล้วทุกอย่างจะแปลกไปในทันที เธอต้องเปลี่ยนให้มากพอ ถึงจะเรียกว่าเป็นการยกระดับจริง คู่ควรกับการพบคนใหม่ที่ดีกว่าจริงๆ ”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๓๑ เหตุผลลี้ลับ)




“อย่าหาว่าเค้กงมงายนะคะ เค้กเพิ่งไปดูหมอแถวอยุธยามา เขาบอกว่าเค้กหลีกเลี่ยงคนนี้ไม่ได้หรอก แต่อีกไม่นานก็จะต้องพลัดพรากจากกัน คำทำนายช่วยให้เค้กทำใจได้เยอะ”


“พี่ไม่รู้เรื่องดวงเท่าไหร่ แต่รู้จริงๆ อย่างหนึ่ง คือ ถ้าดวงมีอยู่ ก็คือเส้นทางของวิบากกรรมแต่หนหลังนั่นเอง เราเลือกที่จะทอดหุ่ยไปตามกรรมเก่าซัดพาก็ได้ หรือเลือกกัดฟันสู้เพื่อผ่อนหนักเป็นเบาด้วยกรรมใหม่ก็ได้ พูดง่ายๆ ว่าศักยภาพของมนุษย์เรามีมากพอจะอยู่เหนือดวงชะตานะเค้ก”


อเวราทำหน้าเหยนิดๆ


“กรรมใหม่แบบไหนล่ะคะพี่หน่อง? เค้กมองไม่เห็นทางสู้ความน่าติดใจพรรค์นี้ได้เลย”


“พี่เคยบอกตั้งแต่เมื่อครั้งที่เธออกหักจากคนก่อนไง คนเราจะเริ่มอยู่เหนือดวงชะตาก็เมื่อมีใจคิดสละสิ่งที่หวงไว้แบบผิดๆ ทิ้งไป ถ้าไม่ฝึกมีใจคิดสละ จิตจะหวงแม้กระทั่งสิ่งที่เห็นๆ อยู่ว่าเป็นต้นเหตุทุกข์ก้อนใหญ่ แต่ละวันเราเจอเหยื่อล่อที่กรรมเก่าส่งมายั่วกิเลสทั้งนั้น ถ้าตะครุบหมดก็เท่ากับเก็บทุกข์มาหวงไว้ในอ้อมกอดทั้งหมด แต่ถ้าสละบ้าง ทิ้งๆ มันบ้างด้วยปัญญาเพ่งเล็งเห็นโทษ ก็จะเหมือนทวนกระแสกรรมเก่าไปหาทิศทางใหม่ที่ดีขึ้น ทีละครั้ง ทีละหน”

(กรรมพยากรณ์ : เลือกเกิดใหม่ ตอนที่ ๒๐ คู่รักคู่สุดท้าย)
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:11:50 pm »

ความรัก กับ บุพเพสันนิวาสและเนื้อคู่
 

คู่หญิงชายนั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้ คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’

หากหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้ ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป และนั่นก็แปลว่า คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ

มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่ายๆว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อๆมา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริงๆ

http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare064.htm
เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับวันที่ ๑ ธ.ค. ๒๕๔๘




ความรู้สึกด้านดีชั้นแรกในระยะแรกพบสบตานั้น เป็นผลบุญจากการอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุขผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่างๆมาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ พระพุทธเจ้าตรัสว่าความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากเหตุปัจจัยทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน

ไม่ว่าจะเป็นของเก่าหรือของใหม่ บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆกัน พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ได้แก่

๑) มี ศรัทธา ไปในแนวทางเดียวกัน เช่นถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆกัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น เมื่อศรัทธาไม่ตรงกันก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกันก็คุยกันได้ไม่นาน เมื่อคุยกันได้ไม่นานก็เบื่อกันเร็ว อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศเดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน

๒) มี ศีล อันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน คือมีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว และนั่นก็เช่นเดียวกัน ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวน สำส่อนไปเรื่อยโดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่งสำหรับคนใจซื่อถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว ศีลที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้วย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่นเชื่อมั่นในกันและกัน สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ

๓) มี จาคะ อันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่นอีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กันแน่นแฟ้นขึ้น จาคะที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียงย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่ เหมือนอยู่ด้วยกันจะเป็นที่พึ่งให้กัน ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน

๔) มี ปัญญา เสมอกัน กล่าวทางโลกคือคุยกันรู้เรื่อง กล่าวทางธรรมคือมีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัดว่าอะไรๆไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง ปัญญาที่ร่วมเสริมส่งกันและกันย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน

หากอดีตกาลคุณเคยครองเรือนกับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้) ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้ ก็จะเกิดแรงดึงดูดที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุมด้วยความเข้าใจกระจ่าง

และขอเพียงเกื้อกูลกันนิดๆหน่อยๆ เช่นฝ่ายหนึ่งมาถามทาง อีกฝ่ายบอกทางให้ เท่านี้ก็จะเกิดแรงปฏิพัทธ์ขึ้นอย่างรุนแรง ชนิดที่ฝ่ายชาย (ซึ่งมีธรรมชาติเป็นรุก) อาจยื่นข้อเสนอเดินพาไปส่ง และฝ่ายหญิงก็ตกลงรับข้อเสนออย่างยินดีเต็มใจทันที แล้วการตกลงร่วมทางกันไปจนกว่าจะตายก็ติดตามมาอย่างรวดเร็ว ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่มีเหตุการณ์น่าปวดหัว ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับคู่บุญประเภทนี้
 

แน่นอนว่าสายตาทั่วไปมองแล้วย่อมนึกอิจฉา โดยไม่มีใครเข้าใจต้นสายปลายเหตุที่แท้จริงว่าเหตุใดจึงมีคู่ที่น่าอิจฉาได้ปานนั้น รู้แต่ว่ามีจริง แต่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาได้อย่างไร ต้องต่อว่าใครที่แกล้งลำเอียง ความจริงคือคู่บุญได้รับความยุติธรรมจากธรรมชาติกรรมวิบากต่างหาก แต่อาจเป็นความยุติธรรมที่ลึกลับ เพราะนำอดีตชาติมาแสดงให้เห็นเป็นภาพยนตร์ตามโรงไม่ได้

http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare064.htm
เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ฉบับวันที่ ๑ ธ.ค. ๒๕๔๘



จากที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัส ว่าหญิงชายจะพบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็เพราะมีเหตุ คือต่างฝ่ายต่างมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คำว่า "เสมอกัน" นั้น อย่างน้อยที่สุดคือร่วมยินดีไปในแนวความเชื่อเดียวกัน มีใจปรารถนาจะรักษาศีล มีใจอยากสละให้ และอย่างน้อยพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งเสนอ อีกฝ่ายนอกจากไม่สนองแล้วยังเอาแต่ขัดๆๆ

ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุสองประการ ประการแรกคือเคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ ประการที่สองคือชาตินี้ได้เกื้อกูลกัน นั่นแหละความรักอย่างลึกซึ้งถึงจะเกิดได้

มองด้วยข้อสรุปนี้ คู่บุญตัวจริงก็คือคนที่เคยคิดดี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน รวมทั้งมีศรัทธาไปในทางเดียว แข็งแรงในศีลข้อเดียวกัน มีใจคิดสละประมาณเดียวกัน และอย่างน้อยต้องพูดกันรู้เรื่องประมาณเพลินคุยได้ไม่รู้เบื่อ ประเภทใส่บาตรครั้งสองครั้ง อาจมีผลให้เกิดความรู้สึกปิ๊งๆบ้าง แต่จะไม่มีเหตุปัจจัยส่งเสริมสนับสนุนให้ได้พบกันบ่อยๆ ได้เกื้อกูลกันโดยปราศจากอุปสรรคขัดขวางอย่างสิ้นเชิง พูดง่ายๆ ว่าต้องสร้างปัจจัยใหม่กันเหนื่อยพอดูครับ


http://dungtrin.net/newsletter/viewtopic.php?t=70&start=77
ดังตฤณวิสัชนา ฉบับวันที่ ๑ ก.ย. ๒๕๔๘




ถ้านับตามบันทึกของพุทธ ก็ต้องว่าคนเราแม้อยู่เคียงครองเรือน คนหนึ่งตายแล้วอาจไปสวรรค์ คนหนึ่งตายแล้วอาจไปนรก ใช่จะพุ่งขึ้นหรือไหลลงตามกันเพียงเพราะอยู่เรียงเคียงหมอน มันขึ้นอยู่กับว่าก่อนตายแต่ละฝ่ายเดินอยู่บนทางสวรรค์หรือทางนรกเท่านั้น

ตรงข้าม คู่ผัวตัวเมียที่มีบารมีอันได้แก่ทาน ศีล สมาธิ และปัญญาเสมอกัน หรือคล้อยตามกัน ย่อมมีโอกาสได้พบเจอบ่อยกว่าคู่อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากจิตเป็นกุศลแล้วอธิษฐานสำทับร่วมกันเสมอๆ ก็จะให้ผลแรงเป็นทวีคูณขึ้นไปเรื่อยๆ หนักแน่นมั่นคงและเป็น ‘ตัวจริง’ ของกันและกันอย่างยากจะหาใครมาแทนที่

(ทางนฤพาน บทที่ ๑๐ ผู้วิเศษ)





"บุพเพสันนิวาส" ตามความหมายอันแท้จริง จะต้องเคยครองคู่ ร่วมทุกข์ร่วมสุข ฝ่าฟันแล้วสุขสมด้วยกันมาก่อน มีลูกให้ช่วยกันเลี้ยงดูด้วยกันมาก่อน มีความจากพรากอันน่าอาลัยมาก่อน
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยสำคัญอย่างสูงคือเคยทำบุญในพุทธเขตร่วมกันมาก่อน
(จะทำบุญร่วมกันในศาสนาไหนก็ได้ ที่ไม่ใช่ลัทธิความเชื่ออันนำไปสู่อบาย แต่การทำบุญร่วมกันในพุทธเขต มีกำลัง มีความสว่างสูงส่งเหนือสิ่งอื่นใด)

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/007278.htm#24




ลานดาวบอกตนเองว่าเข้าใจความหมายที่แท้จริงของ ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บารมี’ ก็คราวนี้เอง ถ้าเป็นคู่แท้ที่เคยร่วมบุญร่วมบารมีกันมาก่อน ก็มิใช่ว่าจะต้องด่วนเจอทันใจเสมอไป แต่อาจรอจังหวะเหมาะสมที่เมื่อพบกันแล้วต่างอยู่ในภาวะพร้อมจะร่วมทางกุศลดังเดิมอีกด้วย

แรงเหวี่ยงของกรรมใหญ่ฝ่ายกุศลจะดึงดูดให้วิญญาณตามติดกันไปเรื่อยๆ คล้ายดาวแม่กับดาวบริวารนั่นแหละ ตราบใดเรายังมีใจเห็นดีเห็นงามกับกุศลผลบุญของเขา แล้วก็ร่วมกันทำประโยชน์ให้สาธารณชนไม่เลิกรา เกิดใหม่ก็ได้อยู่ด้วยกันอีกเสมอไป เว้นแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพลาดไปอยู่ภพต่ำ ปล่อยให้อีกฝ่ายโดดขึ้นไปอยู่สูงตามลำพัง ก็อาจคลาดกันระยะหนึ่ง

(กรรมพยากรณ์ : ชนะกรรม ตอนที่ ๔๑ ชนะกรรม)





การที่มีอัตภาพได้มาเจอกันแล้วรู้สึกดี ก็ถือว่าเป็นบุญเก่าที่ให้ผลเป็นกุศลวิบากอยู่แล้ว นั่นเป็นของในอดีตล้วนๆ นับแต่วินาทีแรกที่พบกัน แม้ว่าวิบากเก่าอาจจะยังให้ผลไม่หมดสิ้น มีแรงหนุนให้อยากคบหา หรือมีความหนุนเนื่องให้เกิดเหตุการณ์ดีๆ ปัจจัยประกอบดีๆ ก็ต้องถือว่าทั้งสองต้องเลือกเอาเอง กำหนดเอาเอง ว่าจะทำปัจจุบันให้เป็นอย่างไร ถางทางอนาคตให้ดีร้ายแค่ไหน

จะเลี้ยงความรู้สึกดีต่อกันไว้ได้นั้น บุญเก่าอาจมีส่วนในแง่ของการเอื้อปัจจัย แต่ไม่ได้เป็นประกันชัดเจนเหมือนบุญใหม่แน่นอน

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#4



คนสองคนที่สร้างบุญมาด้วยกันหากชาติใกล้ชักชวนกันทำทานเป็นงานอดิเรก ต่างฝ่ายต่างก็ได้แดนเกิดร่ำรวยไม่ขัดสน พอมาเจอกัน คบกัน อยู่ด้วยกันไม่ทันไร อยากทำธุรกิจค้าขาย ก็อาจรวยไม่รู้เรื่อง

หากชาติใกล้เตือนกันและกันตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ต่างฝ่ายต่างมีรูปร่างหน้าตาต้องใจเพศตรงข้าม พอมาเจอกัน ก็เอ็นดูเสน่หา หลงใหลในกันและกันรุนแรง ชนิดที่ใครอื่นหมื่นแสนก็ทำให้หลงไม่ได้เท่า


หากชาติใกล้อาจจูงมือกันเข้าวัดเข้าวา ฝึกภาวนาให้เกิดความตั้งมั่นทางจิตใจ เจริญปัญญาให้แก่กล้าหวังความหลุดพ้นในที่สุดด้วยกัน ตั้งความปรารถนาว่าจะพบเพื่อเกื้อกูลกันให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ไม่ขวางกันและกันในเส้นทางมรรคผล พอมาเจอกัน ก็เกิดความผ่องใส เย็นรื่น แค่อยู่ด้วยกันเฉยๆก็อาจเป็นแรงสะกิดอีกฝ่ายให้สงบลงจากทุกข์ และโน้มน้าวกันให้ใฝ่แต่เรื่องแสนดี งดงาม ไม่เป็นที่ระคายต่อกัน เจอพระสงฆ์องค์เจ้าก็แต่ที่ดีๆ ไม่ลุ่มหลงประเภทพาญาติโยมลงเหว

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#4




มีคู่รักหลายคู่ ที่ทำบุญมาด้วยกันแค่ระดับทาน อาจรวยร่วมกัน เจอกันยิ่งรวยมหารวยเป็นบ้าเป็นหลัง แต่ปัญญาที่จะประคองรักร่วมกันอาจขาดไป ได้กันแล้วก็เบื่อกัน ไม่ต่างกับเสพสมบัติชนิดอื่นๆ ฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงอาจมักมากในกามจนต้องออกไปเลอะเทอะข้างนอก และคนมีเงินนั้น ผิดศีลได้มากข้อนัก คงไม่ต้องขยายความ

มีคู่รักอีกหลายคู่ ที่ชวนกันรักษาศีลมาก่อน จะโกหกนั้นไม่เอา บี้มดตบยุงก็ไม่ยอม แต่ขาดทานบารมีร่วมกันมา ชวนกันอดออม ชวนกันตระหนี่เสียมาก เพราะไม่รู้ค่าของทาน ไม่เชื่อผลของทาน เกิดมาเจอกันอาจจะรักกันดูดดื่มปานจะกลืน เพราะรูปสวยด้วยกันทั้งคู่ แต่ขอโทษ ต้องกัดก้อนเกลือกินจนตาย ถึงสัญญาเก่าที่เจือด้วยความบริสุทธิ์ของศีลจะดึงรั้งไม่ให้นอกใจกัน ก็อยู่ร่วมกันอย่างอัตคัดขัดสน ผอมแห้งแรงน้อย เจ็บออดๆแอดๆ ก็เป็นเหตุให้เกิดความเบื่อหน่ายกันและกันอันเนื่องจากความเป็นอยู่ได้อีก

โดยความไม่สมบูรณ์ของ ทาน ศีล ภาวนา ที่บำเพ็ญมาร่วมกัน คู่รักที่เป็นปุถุชนทั่วไปจึงมักขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือหลายสิ่ง ที่จะเป็นปัจจัยหล่อเลี้ยงตามวิถีทางธรรมชาติ ให้มั่นคงในรักต่อกัน หรือให้มีความสุขสดชื่นบำรุงจิตใจกันและกัน ฉะนั้นถ้าหากอยู่ด้วยกันแล้วไม่มีปัจจัยปรุงแต่งชนิดที่เป็นกุศล หล่อเลี้ยงให้เกิดความชุ่มชื่นใหม่ๆ ทวีขึ้นทุกๆวัน ก็เป็นธรรมดาที่ความรักจะโรยราลงตามธรรมชาติใจที่เบื่อหน่ายของเก่าซ้ำซากจำเจ

http://larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001500.htm#4







คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักกันว่าบุญกรรมที่มีกำลังส่งผลสูงสุด
มีอิทธิพลดีร้าย และเป็นตัวจัดสรร เลือกคู่ครองให้เราอย่างแท้จริง
ได้แก่กรรมทางกาย วาจา ใจที่เกิดขึ้นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า "นิสัยใจคอ" นั่นเอง
นิสัยคือพฤติกรรม หรือการกระทำที่สั่งสมจนเกิดความเคยชิน
และนั่นก็ตรงกับศัพท์บัญญัติทางพุทธคือ อาจิณณกรรม


http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008652.htm#2



เกี่ยวกับเรื่องของเนื้อคู่หรือคู่แท้ สังสารสัตว์ที่มาจับคู่กันนั้น
ไม่ใช่มีใครดลบันดาล ไม่ใช่มีฐานะคู่กันโดยเดิม
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยกรรมสัมพันธ์ทั้งสิ้น


http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/001630.htm#27



วิธีที่จะเจอคนจริงใจกับเรา ไม่ว่าในด้านความรักหรือธุรกิจ ไม่ใช่ด้วยความบังเอิญ ทำนองเดียวกับที่ไม่มีใครงมเข็มในมหาสมุทรเจอโดยปราศจากเครื่องช่วย ซึ่งในที่นี้ก็คือกรรมนั่นแหละ คุณต้องเข้าใจหลักกรรมข้อหนึ่ง คือ เมื่อให้สิ่งใดย่อมไม่สูญเปล่า ต้องมีการสะท้อนตอบเป็นการได้รับสิ่งนั้นคืนมาเสมอ ฉะนั้น หากตอนนี้อยู่ในช่วงรับความไม่จริงใจซึ่งเราเคยทำไว้กับใครมาก่อนก็ช่างเถอะ เอาเป็นว่า ขอให้สร้างเหตุ สร้างเครื่องช่วยให้เราไปพบกับคนจริงใจในกาลข้างหน้า คือพยายามจริงใจกับคนอื่นโดยไม่ย่อท้อ ก็แล้วกัน
(เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๑)
ข้อความโดย: lek
« เมื่อ: พฤศจิกายน 01, 2011, 05:08:13 pm »

คำนำผู้จัดทำ
 

วาทะดังตฤณ ฉบับชวนคิด  ซึ่งเป็นหนังสือเล่มแรกในชุด ‘วาทะดังตฤณ’ ที่ได้จัดพิมพ์ขึ้นเมื่อเดือนธันวาคม ๒๕๔๘ ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับจากกัลยาณมิตรเป็นอย่างดี หลังจากที่จัดพิมพ์เสร็จและได้แจกจ่ายไปยังที่ต่าง ๆ คณะผู้จัดทำได้รับฟังเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้อ่านหนังสือวาทะดังตฤณมากมาย ทำให้เห็นว่า ประโยคเพียงไม่กี่ประโยคนั้น สามารถมีพลังสะกิดใจผู้อ่านและพลิกมุมมองชีวิตของผู้อ่านจากข้างในได้จริง

ความรักความหลงนับเป็นกับดักตัวฉกาจ ที่ทำให้ผู้คนติดอยู่ในวังวนชีวิตอยู่ทุกยุคทุกสมัย  ผู้คนต่างปรารถนาจะพบรักแท้  ต่างปรารถนาจะได้คู่ครองที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข แต่จะมีสักกี่คนที่ได้รับความสุขสมหวังจากความรัก รักแท้มีจริงหรือไม่ คู่แท้อยู่ที่ไหน ทำไมบางคนถึงผิดหวังในความรักซ้ำ ๆ ซาก ๆ

หนังสือ วาทะดังตฤณ ฉบับความรักหลากสี นี้ ได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อนำเสนอให้เห็นสีสันของความรักในแง่มุมต่าง ๆ โดยได้รวบรวมข้อความจากงานเขียนของ ‘ดังตฤณ’ ทั้งจากหนังสือ และจากข้อความถามตอบบนอินเตอร์เน็ท และคัดสรรข้อความสำนวนอันเป็นวาทะที่น่าจะสามารถกระตุกความคิดผู้อ่านในมุมมองต่าง ๆ ของความรักได้อย่างตรงใจโดยเฉพาะ

คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ จะได้ประกายความรู้สึกนึกคิดและมุมมองใหม่ ๆ ในเรื่องราวของความรักจากวาทะที่ได้คัดสรรมาแล้วนี้ตามสมควร

                                                                                                        คณะผู้จัดทำ
                                                                                                     มกราคม ๒๕๔๙

 


คำนำผู้เขียน
 

ความรักเป็นแรงดึงดูดทางใจอย่างหนึ่ง เมื่อคุณรักใคร แปลว่าคุณคิดถึงเขาในทางที่ดี และคุณก็ไม่รังเกียจที่จะคิดถึงเขาก่อนคิดถึงตัวเอง แต่บางครั้งคุณก็อาจสับสนได้ว่าทำไมจึงรักเขา ทั้งที่เขาร้ายกับคุณขนาดนั้น

ในบรรดางานเขียนของผม โดยเฉพาะที่เป็นนวนิยายนั้น เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวข้องกับความรักหลายรูปแบบ ด้วยเจตนาที่จะส่องให้เห็น ให้เข้าใจ ตลอดจนให้เข้าถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของความรักแต่ละแบบ ทั้งจุดเริ่มต้น จุดดำเนิน และจุดจบตามเหตุปัจจัย

เมื่อคณะผู้จัดทำวาทะดังตฤณรวบรวมข้อความที่พวกเขาเห็นว่าดีเกี่ยวกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ จึงสมควรได้ชื่อว่าความรักหลากสี จะเป็นสีที่ใครชอบหรือชัง ก็ล้วนเป็นสีที่มีอยู่จริง ผสมจากเรื่องราวสารพันบรรดามีในโลกแห่งความผูกจิตผูกใจของมนุษย์นี้

จากวาทะดังตฤณเล่มแรก หลายฝ่ายเห็นว่าการคัดสรรถ้อยวาทะดี ๆ มารวมกันเป็นประโยชน์ได้ ผมก็เกิดความยินดี และหวังว่าวาทะดังตฤณฉบับความรักหลากสีจะก่อมุมมองตามจริงเกี่ยวกับความรักได้บ้างเช่นกัน

                                                                                                        ดังตฤณ
                                                                                                   มกราคม ๒๕๔๙
 



 
   ขอบพระคุณที่มาhttp://dungtrin.com/watha_love/index2.html#4