ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2011, 02:26:05 pm »ปัญหาของการสวดมนต์กันผีหลอก
ว่าด้วยเรื่อง.. ผีหลอก
ผู้ถาม: หลวงพ่อคะ อย่างบท วิปัสสิสสะ เราจะสวดแค่ไหนดีคะ
หลวงพ่อ: ก็สวดหมดนั่นแหละ แต่อย่าไปสวดกันผีนะ เพื่อกันผีไม่ได้ เราสวดเพื่อความเคารพพระพุทธเจ้า
ผู้ถาม: ที่อยากสวดบทนี้ก็ตั้งใจไว้ว่าจะต้องกันผีคะ เพราะกลัวผี
หลวงพ่อ: ถ้าไปสวดเพื่อกันผีนะ อาจารย์สำราญโดนมาแล้ว ที่เขาวงพระจันทร์แน่ะ เขาลือกันถ้าสวดได้ยินเสียงที่ไหนผีเข้าไม่ได้นะ แกก็สวดทุกวัน เลยบอกอาจารย์ไม่ดีนะ ถ้าสวดเพื่อพรรณาความดีของพระพุทธเจ้า สวดเพื่อความเคารพพระพุทธเจ้า บทนี้คุ้มครอง ถ้าสวดเพื่อไล่ผีเมื่อไรผีตีเมื่อนั้น แกก็ไม่ฟัง
มีวันหนึ่ง เผลอ…พวกเรากำลังทำงานอยู่ได้ยินเสียงร้อง โอ๊ยๆ พอเราวิ่งเข้าไปดูแล้ว นุ่งแดง ห่มแดงผ้าคาด แหม…หวายเบ้อเร่อ ล่อเสียบวมทั้งตัว พอเราก้าวเข้าไปท่านหันมามอง บอกว่าพี่ชาย…ไปเถอะ ไม่ใช่หน้าที่ของแก นี่อาจารย์สำราญโดนมาแล้ว
ถ้าเรากันผี ไม่ช้าก็ถูกผีกัน เข้าพวกผีไม่ได้ ใช่ไหม…นี่ สมัยก่อน กันกูไว้ กูห้ามเข้าพวก เสร็จ ไม่ยอมรับเข้าสมาคมผีกลายเป็นผีจรไป
ผู้ถาม: แล้วจะทำยังไงละคะ จะไม่ให้ผีมาหลอก…?
หลวงพ่อ: ความจริงไม่มีผีคนไหนหลอกคน ฉันถามเขาแล้ว ถ้าเรารู้เรื่องสภาวะของผีจริงๆ ผีนี่เขาไม่หลอกอะไรเลย ไอ้ที่แสดงตนให้ปรากฎนี่เขาต้องการความช่วยเหลือ เพราะเขาลำบาก นี่เขารู้ว่าคนไหนมีบุญพอที่จะช่วยเขาได้ สมมติว่าคนนี้ถูกรถชนตายตรงนี้ ความจริงเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แต่เขาจะมาอยู่ที่ตรงนั้นแสดงตนให้ปรากฏ ไอ้เราเลยหาว่าผีหลอกแช่งต่อไปเลย ให้พร ไอ้ผีเป็นไง…ผีก็ร้องไห้เขาก็เสียใจ เพราะแกอดอยาก ใช่ไหม…ไปถามเขาแล้ว เขาบอกเวลาที่จะหลอกนะไม่มี แต่พวกที่ล้อพวกนี้ก็ไม่ใช่ผี เป็นพวกเทวดาแล้วก็เป็นเทวดาที่เป็นเพื่อนกันมาก่อน ชอบพอกันมาก่อน หมายความว่าเคยเกิดเป็นเทวดามากับเขา หรือว่าเขาไปเกิดเป็นเทวดา แต่เราไม่ได้เกิดเป็นเทวดาเป็นพวกเป็นพ้องกันมาก่อน พวกนี้จึงมาล้อเล่น
ผู้ถาม: ถึงรู้อย่างนี้แล้วก็ยังกลัวอีกแหละคะ ตอนเป็นเด็กๆเขามักจะพูดว่า เดี๋ยวผีหลอกๆ
หลวงพ่อ: ไอ้ตัวนี้แหละเป็นตัวอุปาทาน จิตมันข้องอยู่ก็กลัวอยู่เรื่อย ความจริงผีมันไม่น่ากลัว
แล้ว ก็ผีที่คอยติดตามเราอยู่ เราก็ใช้ศัพท์ว่าผี คือพวกเทวดาและพรหมที่เป็นญาติ เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นเพื่อน พวกนี้เขาติดตามอารักขา แต่ว่าบางทีมันจะมีอันตรายเกิดขึ้น อาจจะมีคนดักมาทำร้ายบ้าง เขาแสดงตัวให้เราเห็นเขาก็เห็นไม่ได้ เขาพูดเราก็ไม่ได้ยินบางทีเดินไปใกล้ต้นไม้ เขาอาจจะเขย่าต้นไม้ ไอ้การเขย่าต้นไม้นี่เขาต้องการให้เรารู้สึกตัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น เราก็ตกใจ อ๊ะ อะไรไม่มีลม ทำไมต้นไม่เขย่าได้ ถ้าเดินต่อไปก็เกิดการระแวง มองหน้ามองหลังกลัวผีหลอก อันตรายก็จะไม่มี เขาให้เราระแวง บางทีเดินใกล้บ้านก็ทุบฝาเรือนบ้าง อะไรบ้าง ทำให้เรารู้สึกตัว แสดงว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น อันตรายก็จะไม่เกิด นี่เขาเล่าให้ฟังแบบนี้นะ ถ้าไม่เชื่อไปถามเขาดู
ผู้ถาม: หนูเคยโดนหลอกมาอย่างหนักคะ คือทีแรกนะคะไปเยี่ยมเพื่อนคะ แม่เขาไม่สบาย บางคืนแกก็ร้องโหยหวน
หลวงพ่อ: ถ้าร้องแสดงว่าเขาไม่สบายมาก เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาอยู่ในเกณฑ์ของความทุกข์ อย่างนี้เขาต้องการความช่วยเหลือจากเรา เราก็แอบไปกลัวเสียอีก อีตานั่นก็เลยร้องฟรีไปเลย
ผู้ถาม: (หัวเราะ) แต่หนูก็ยังสงสัย เพราะเห็นมีคนแก่นั่งอยู่ตรงปลายเท้า ถ้าเป็นผีเข้า ทำไมถึงไม่อยู่ในตัวของแม่เพื่อนคะ…?
หลวงพ่อ: คือว่าผีจริงๆนะ เขาไม่ได้เข้าอยู่ในตัว เขาอยู่ข้างนอก เขาใช้กำลังจิตเขาบังคับ คนที่กำลังจิตสู้เขาไม่ได้ เขาจะให้เป็นยังไงก็เป็นยังงั้น ฉันก็เคยเจอมาแล้วเหมือนกัน ที่เขาเรียกว่าผีเข้าๆ นึกว่าอยู่ในตัว แต่ความจริงไม่ใช่นะ คืออยู่ใกล้ แต่ว่าใช้กำลังจิตบังคับ ให้ปฏิบัติตามเขา คนป่วยนี่กำลังสติสัมปชัญญะนี่มันไม่มี เพราะเวทนามาก ใช่ไหม…เขาก็บังคับง่าย แต่ก็น่าสงสัย เพราะว่าอาการเป็นยังงั้น มันมีอาการเป็น ๒ ประเภท คือถ้าเป็นคนตายที่ไม่ใช่เทวดาก็ต้องเป็นสัมภเวสี ถ้าสัมภเวสีเขามาเข้าแบบนั้น พวกนี้ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าเป็นเทวดาเขาไม่กวนแบบนั้น ที่บอกว่ามีเสียงร้องก็ต้องเป็นสัมภเวสีมากกว่า
ผู้ถาม: แล้วเราจะทำอย่างไรดีคะ ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลือ
หลวงพ่อ: ก็อุทิศส่วนกุศลโดยเฉพาะเลย ต้องตรงเขานะ ให้ตรงแล้วก็ไม่แบ่งคนอื่น อย่างนี้เขาจึงจะได้ ไม่เหมือนพวกปรทัตตูปชีวีเปรตพวกนี้เราให้แล้วเราก็ให้คนอื่นต่อไป แต่ว่าสัมภเวสีนี่เขาต้องบอกว่า เขาต้องการอะไร เมื่อให้แล้วก็ให้ตรงโดยเฉพาะเขาจึงจะมีส่วนได้รับ เพราะเขายัง(บาป) หนาอยู่มาก
ผู้ถาม: ที่โค้งบางปิ้ง เมื่อก่อนมีผีเยอะครับ ตั้งแต่หลวงพ่อลีไปทำบุญแล้วค่อยหายไป พวกนี้คงเป็นพวกสัมภเวสีนะครับ…?
หลวงพ่อ: ถ้าทำบุญแล้วหายไป แสดงว่าเป็นพวกสัมภเวสี หรือปรทัตตูปชีวีเปรต แต่อย่าลืมนะว่าที่เขาแสดงภาพให้ปรากฎนะ แสดงว่าคนที่เห็นนะมีบุญพอที่จะช่วยเขาได้ มันเป็นลักษณะแบบขอทานเข้าบ้าน เรานึกว่าเป็นโจรนะ เสร็จเขาหิวเกือบตาย เราคิดว่าเป็นโจรเสียได้ อย่างที่หลวงพ่อลีทำบุญให้แล้วหายไป พวกนี้ถ้าเขามีความสุขแล้วเขาไม่มากวนอีก
มันมีเรื่องอยู่เรื่อง หนึ่ง ตอนนั้นฉันอยู่ที่วัดบางนมโค มีคนไข้คนหนึ่งมารักษา หลวงพ่อปานท่านก็ดู แล้วท่านก็บอกว่า รักษาด้วยยานี่มันไม่หาย เพราะเป็นอำนาจของความกลัวผี ฉันก็เลยไปถามแกว่า ก่อนที่จะป่วยมันเป็นยังไง แกบอกว่า วันหนึ่งตอนกลางวัน นั่งไปในเรือกันหลายคน แกเห็นว่ามีคนบรรเลงปี่พาทย์อยู่บนยอดไผ่ต้นไผ่มันมาก ตั้งวงปี่พาทย์บรรเลงแกเห็นคนเดียว คนอื่นไม่เห็น ก็เกิดความกลัวเลยป่วย อย่างนี้ผีมันบันดาลให้เห็นคนเดียว แต่ไปกลัวเสียนี่
ผู้ถาม: บางคนเขาก็บอกว่า ถ้าสวดมนต์บทวิรูปักเขแล้วไม่มีอันตราย เพราะบทนี้เป็นการแผ่เมตตา อันนี้ถูกไหมครับ…?
หลวงพ่อ: ใช่…วิรูปักเขนี่แผ่เมตตาตั้งแต่สัตว์ไม่มีเท้า สัตว์มีเท้าน้อยจนกระทั่งสัตว์มีเท้ามาก เรียกว่าแผ่เมตตาไปในสัตว์ทั้งหมด
ผู้ถาม: หลวงพ่อคะ หนูได้ยินพระสวดมนต์ว่า “ชาติ ทุกขา ชราปิ ทุกขา มรณัมปิ ทุกขัง” เขาแปลว่าอะไรคะ…?
หลวงพ่อ: ถ้าให้ฉันแปลมันไม่เหมือนกับชาวบ้านเขาหรอก “ชาติปิ ทุกขา” ความเกิดเป็นทุกข์ที่ขา “ชราปิทุกขา” พอแก่แล้วก็ทุกข์ที่ขาอีก “มรณัม ทุกขัง” พอตายแล้วก็ถูกขังในโลงอีกถูกไหม…ท่านว่าของท่านถูกจริงๆ ชาติ แปลว่า เกิด เกิดมาแล้วก็ทุกข์ที่ขา ความจริงขามีงานหนักจะไปไหนเขาก็ใช้ขาเดิน พอจะพัก พับขาเสียอีก เมื่อยอีก ไอ้ขานี่แหม…โชคร้ายจริงๆ ทุกข์หมด
ผู้ถาม: คนไม่มีขาทุกข์ไหมคะ…?
หลวงพ่อ: ทุกข์ซี มันอยากมีขากับเขานะ ทุกข์เพราะอยากมีขา ทุกข์หนักเลย มันไม่มีอะไรจะเดิน มันเคยเดินมาแล้วนี่ มันไม่ได้เดินมันกลุ้มบรรลัยเลย อย่าไปคิดนะว่าสิ่งที่มีแล้วมันเกิดใช้อะไรไม่ได้ มันจะเป็นสุขนะ ถ้าตาเราเห็นมาแล้ว ตาบอดปุ๊บ แหม…กลุ้ม “ใครวะ…รูปร่างยังไง…สูงหรือต่ำ…ดำหรือขาว…” นี่ถามเขาตะพึด ถ้าไม่มีตาตั้งแต่ต้นก็ไม่วิตกกังวลใช่ไหม นี่ของเคยมีมาแล้ว หมดไปยิ่งกลุ้มใหญ่ คนที่ไม่มีขาเห็นคนอื่นเขามีขา เดินไปไหนต่อไหนได้ เราเดินไม่ได้ต้องคลานดุ๊บๆ ใช้แขนแทน ก็ต้องมานั่งเป็นทุกข์นึกในใจ ถ้ากูมีขาอย่างเขาบ้างจะวิ่งให้ปรื๋อเลย
สรุปแล้ว มีขาก็มีทุกข์ ไม่มีขาก็มีทุกข์ มีขาทุกข์เพราะขา ไม่มีขาทุกข์เพราะอยากมีขาเดิน เป็นอันว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความทุกข์หาความสุขไม่ได้ ถูกไหม…?
ผู้ถาม: ถูกคะ
หลวงพ่อ: รีบตายเสีย จะได้ไม่ทุกข์ดีไหม…?
ผู้ถาม: (หัวเราะ) ยังไม่อยากตายคะ
คัดลอกจาก
หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓
:http://www.dhammatan.net/
อนุโมทนาสาธุที่มาทั้งหมดมากมายค่ะ