ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 18, 2012, 06:24:23 pm »เทศนาธรรมการขจัดภัยพิบัติจากใจมนุษย์
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนกล่าวว่า ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เราจึงควรเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จะมัวชักช้าไม่ได้อีกแล้ว อย่าปล่อยให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์ สับสน ไร้สติ และลังเล ในลักษณะเหมือน "เมื่อเท้าหน้าได้ก้าวแตะพื้นเรียบร้อยแล้วเท้าหลังยังก้าวไม่ออก" แต่ควรจะเป็นแบบ "เมื่อเท้าข้างหนึ่งก้าวออกไปได้หนึ่งก้าว เท้าอีกข้างควรก้าวตามไปโดยมิชักช้า" นั่นหมายความว่า เราควรปล่อยให้อดีตผ่านเลยไปและจงใส่ใจในสิ่งที่ควรทำในวันนี้ โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้กำลังป่วยหนัก และสาเหตุที่ทำให้โลกของเราล้มป่วย ล้วนเกิดจากน้ำมือของพวกเราทุกคน หลายคนอาจคิดว่า เราไม่เคยทำร้ายโลกของเรา แต่ลองคิดตามดูว่า เพียงแค่ลมหายใจของเราก็สามารถทำร้ายโลกของเราได้ ทุกลมหายใจออกของเรา คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ยิ่งมนุษย์มีจำนวนมาก ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลกมากยิ่งขึ้น เครื่องมือสำคัญซึ่งช่วยปกป้องโลกจากก๊าซคาร์บอน คือ ต้นไม้ ก็กลับโดนมนุษย์ตัดโค่นทำลายเพื่อนำมาใช้ประโยชน์นานัปการ
เทศนาธรรมการขจัดภัยพิบัติจากใจมนุษย์
ท่านธรรมาจารย์เจิ้งเอี๋ยนกล่าวว่า ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก เราจึงควรเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น แล้วก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จะมัวชักช้าไม่ได้อีกแล้ว อย่าปล่อยให้ชีวิตจมปลักอยู่กับความทุกข์ สับสน ไร้สติ และลังเล ในลักษณะเหมือน "เมื่อเท้าหน้าได้ก้าวแตะพื้นเรียบร้อยแล้วเท้าหลังยังก้าวไม่ออก" แต่ควรจะเป็นแบบ "เมื่อเท้าข้างหนึ่งก้าวออกไปได้หนึ่งก้าว เท้าอีกข้างควรก้าวตามไปโดยมิชักช้า" นั่นหมายความว่า เราควรปล่อยให้อดีตผ่านเลยไปและจงใส่ใจในสิ่งที่ควรทำในวันนี้ โลกของเราในยุคปัจจุบันนี้กำลังป่วยหนัก และสาเหตุที่ทำให้โลกของเราล้มป่วย ล้วนเกิดจากน้ำมือของพวกเราทุกคน หลายคนอาจคิดว่า เราไม่เคยทำร้ายโลกของเรา แต่ลองคิดตามดูว่า เพียงแค่ลมหายใจของเราก็สามารถทำร้ายโลกของเราได้ ทุกลมหายใจออกของเรา คือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ยิ่งมนุษย์มีจำนวนมาก ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโลกมากยิ่งขึ้น เครื่องมือสำคัญซึ่งช่วยปกป้องโลกจากก๊าซคาร์บอน คือ ต้นไม้ ก็กลับโดนมนุษย์ตัดโค่นทำลายเพื่อนำมาใช้ประโยชน์นานัปการ
เทศนาธรรมการขจัดภัยพิบัติจากใจมนุษย์