ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆแนวธรรมะในจิตใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า แสงธรรมนำใจ:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ใต้ร่มธรรม:
การแสดงความชื่นชมยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นทำ นิยมใช้คำว่า (อนุโมทนา) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ อนุโมทนา:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
เว็บใต้ร่มธรรมเป็นเว็บเล็กๆในโลกออนไลน์ใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
ใต้ร่มธรรม เป็น แค่เว็บไซต์และจินตนาการทางจิต การทำดี สำคัญที่ใจเรา เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ พิมพ์คำว่า "เริ่มความดีที่ใจเราก่อนเสมอ":
เมื่อให้ท่านเลือก ระหว่าง (หนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เรารัก) กับ (มิตรแท้ที่รักเรา) คุณจะะเลือก:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
ระหว่าง (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะผู้อื่น) กับ (ผู้ที่เรียนรู้ธรรมะเพื่อเอาชนะตัวเอง)  ท่านจะเลือกเป็น:
กล่าวคำดังนี้  "ให้อภัยนะ":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 13, 2012, 12:05:40 pm »

สหรัฐ ห้ามใช้ "ทัลคัม" ผลิตแป้งเด็ก



แป้งฝุ่น (Skin powder) หมายถึง สิ่งปรุงที่มีลักษณะเป็นผงละเอียด หรือคอลลอยด์ของสารอินทรีย์ หรืออนินทรีย์ที่ไม่ละลายน้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกันและไม่ระคายผิว อาจแต่งกลิ่นหรือสี หรือแต่งทั้งกลิ่นและสี เพื่อใช้แก่ร่างกายหรือเพื่อเสริมความงาม แบ่งเป็น 3 ชนิด ได้แก่

1.แป้งฝุ่นโรยตัว (body powders)2.แป้งฝุ่นโรยตัวเด็ก (baby powder)
    3.แป้งฝุ่นผัดหน้า (face powder) ซึ่งมีความละเอียดมากกว่าแป้งฝุ่นโรยตัว
     แป้งฝุ่นโรยตัวที่นิยมใช้กันทั่วไปในปัจจุบันนี้ผลิตจากแร่หินชนิดหนึ่งได้มาจากการทำเหมืองหิน ทัลค์ (Talc) ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์มีชื่อเคมีว่า hydrated magnesium silicate และนำมาโม่บดให้ละเอียดและอบให้แห้ง แล้วแยกสิ่งแปลกปลอมออก แต่ก็อาจจะยังไม่สามารถแยกสิ่งแปลกปลอมออกได้หมด สารแปลกปลอมที่คงเหลืออยู่ที่มีคุณสมบัติคล้ายแอสเบสตอส (Asbestos) ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) และ  U.S. Environmental Protection Agency จัดให้เป็น Unclassifiable Carcinogen (สารก่อมะเร็งที่ไม่สามารถจัดจำพวกได้)
     แป้งฝุ่นทัลคัมมีคุณสมบัติ ช่วยผสมผสานและดูดซึมซับความชื้นทำให้ผิวหนังเนียนลื่น  จึงเป็นที่นิยมใช้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงผู้สูงอายุ การทาแป้งโดยเฉพาะตอนโรยแป้ง ผงแป้งจะล่องลอยในอากาศ ถ้าสูดเข้าทางเดินหายใจทีละเล็กละน้อยเป็นเวลานานๆ ก็จะเกิดการสะสมในปอดเนื่องจากหินแร่ทัลคัมเป็นสารอนินทรีย์ไม่สามารถย่อยสลายเองได้ โดยที่เซลส์บุผิวปอดจะดักจับแป้งไว้เป็นก้อน เรียกว่า ภาวะ “pneumoconiosis” ทำให้มีปัญหากับการหายใจ (Talcosis) ถ้าเป็นเด็กทารกทำให้ปอดอักเสบและตายได้
     สำหรับการใช้แป้งที่ก้นกับอวัยวะเพศซึ่งเป็นที่นิยมใน ยุคปี ค.ศ.1970 มีการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ที่ใช้แป้งกับอวัยวะเพศ มีอัตราเสี่ยงจากการจะเป็นมะเร็งในช่องคลอด (Ovarian Cancer) โดยอาจเป็นไปได้ที่แป้งสามารถหลงเข้าไปในร่างกายผ่านช่องคลอดมดลูกและท่อนำไข่เข้าไปสู่ช่องท้อง และสารทัลค์ ไม่สามารถย่อยสลายได้ในคน การทาแป้งส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งของเด็กและผู้ใหญ่ ควรทาแป้งครั้งละน้อยๆ และทาในบริเวณที่เหมาะสม พยายามอย่าให้ฟุ้งในอากาศ ไม่ควรทาบริเวณก้นและอวัยวะเพศของเด็กทีละมากๆ เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพ
     ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา มีการห้ามใช้ทัลคัมในการผลิตแป้งฝุ่นสำหรับเด็กแล้ว และผู้ผลิตเหล่านั้นก็เลือกใช้วัตถุดิบจากแป้งข้าวโพด ทดแทนหินแร่ทัลคัม ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค โดยแป้งที่ผลิตจากข้าวโพดจัดเป็นสารอินทรีย์ สามารถย่อยสลายเองได้ (bio degradable) โดยจุลินทรีย์ที่มีตามธรรมชาติในปอดและในร่างกายของมนุษย์ โดยกระบวนการผลิตแป้งข้าวโพดจะเลือกใช้เฉพาะจุดสีขาวด้านในของเม็ดข้าวโพด (Corn Starch) ในการผลิตไม่ผ่านการฟอกสี แล้วนำไปอบสเตอริไรซ์ฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ก่อนที่จะนำมาผลิตหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า Pharma Grade (เกรดที่ใช้ในการผลิตยา) ดังนั้นผู้บริโภคจึงมั่นใจได้ในความปลอดภัย และจะไม่เป็นเชื้อราหรือมีการเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างประเทศไทยเรา
    บริษัท อินเตอร์วิชั่น ซัพพลายส์ จำกัด
    โทร. 0-2732-1787-8

http://www.komchadluek.net/detail/20090909/27742/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%81.html
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 13, 2012, 12:04:37 pm »

ผวา!เครื่องสำอางแบรนด์ดังเจือปนสารพิษ



เว็บไซต์ของอังกฤษ เผย นักวิจัยพบเครื่องสำอางแบรนด์ดังระดับโลก เจือปนสารพิษ ผสมสารตะกั่ว-สารปรอท

                   22 ก.พ.55 เว็บไซต์แท็บลอยด์เดลี่เมล ของอังกฤษ รายงานว่า มีการตั้งข้อสงสัยมานานแล้ว เกี่ยวกับระดับของสารพิษที่เจือปนอยู่ในเครื่องสำอาง หลังจากมีรายงานที่ให้ความสนใจต่อประเด็นนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระดับของสารตะกั่วที่อยู่ในลิปสติก ซึ่งการใส่สารเคมีที่อันตรายและโลหะหนักในเครื่องสำอาง ไม่ได้จบแค่ที่ลิปสติกสีจัดจ้านทั้งหลาย จากรายงานองค์กรปกป้องสิ่งแวดล้อม อีแม็กซ์เฮลธ์ ที่มีสำนักงานอยู่ในเมืองออนตาริโอ ของแคนาดา ระบุว่า อายไลเนอร์และคอนซีเลอร์ ซึ่งเป็นเครื่องสำอางชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติอำพรางและปกปิดจุดด่างดำบนใบหน้า ต่างก็มีส่วนผสมของแคดเมียม , แป้งฝุ่นและบลัชออนที่ใช้แต่งแต้มสีสันบริเวณแก้ม ก็มีส่วนผสมของนิเกิล , โลหะหนักอย่างเบริลเลียม ก็พบในอายแชโดว์และมาสคาร่า และที่ร้ายไปกว่านั้น คือ ในรองพื้นก็มีสารหนูเจือปนอยู่ด้วย

                   ผู้บริโภคไม่มีทางพบส่วนผสมเหล่านี้ มีชื่อบรรจุอยู่ในส่วนผสมของเครื่องสำอาง ที่โชว์อยู่บนแพ็คเกจ แต่จากรายงาน ชื่อ " อันตรายจากโลหะหนัก : ความเสี่ยงต่อสุขภาพจากโลหะหนัก
ที่ซ่อนเร้นอยู่ในเครื่องสำอางบนใบหน้า " ( Heavy Metal Hazard: The Health Risks of Hidden Heavy Metals in Face Makeup ) ที่ออกมาเมื่อปี 2554 พบว่า มีโลหะผสมอยู่ในเครื่องสำอางทั่วไปเหมือนกับเป็นส่วนผสมปกติ และยังระบุชื่อเครื่องสำอางแบรนด์ดัง 49 ชนิดที่อยู่ในข่าย รวมทั้งรองพื้นของคลีนิคและมาสคาร่าของลอรีอัลด้วย

                   นักวิจัยของอีแม็กซ์เฮลธ์ ได้วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เพื่อหาสารหนู , แคดเมียม ,สารตะกั่ว , สารปรอท , เบลรีเลียม , นิเกิล , เซเลนเนียม และธัลเลียม ที่ถูกห้ามผสมใน
เครื่องสำอางที่จำหน่ายในแคนาดา ในเว็บไซท์อีแม็กซ์เฮลธ์ ระบุว่า พบสารพิษทุกชนิดอยู่ชนิดเจือปนอยู่ตามเครื่องสำอางประเภทต่างๆ แต่สารปรอบพบในเครื่องสำอางทุกชนิด

                   อีแม็กซ์เฮลธ์ ระบุด้วยว่า ผลิตภัณธ์แต่ละชนิด จะมีสารพิษที่น่าวิตกเจือปนเฉลี่ย 4 ชนิด แต่ไม่เคยมีการระบุชื่อของโลหะหนักอยู่บนแพ็คเกจให้เห็น เนื่องจากถูกพิจารณาว่าเป็นสารที่ไม่บริสุทธิ์ ไม่ได้มีเจตนาเพิ่มเติมลงไป แต่การมีอยู่เป็นเพียงผลพลอยได้

                   ได้มีการยกตัวอย่าง สเตย์ ทรู ของคลีนิค หรือที่รู้จักกันในชื่อ สเตย์ ไอวอรี่ เจือปนสารหนูเบลรีเลียม , แคดเมียม , นิเกิล , สารตะกั่ว และธัลเลียม ส่วนอายไลเนอร์ คัฟเวอร์เกิร์ล เพอร์เฟ็ค พอยท์ พลัส มีส่วนผสมของ เบลรีเลียม , แคดเมียม , นิเกิล และสารตะกั่ว ขณะที่มาสคาร่ายอดนิยมของลอรีอัลอย่าง แบร์ เนเชอรัล มีส่วนผสมของสารหนู เบลรีเลียม , แคมเมียม , นิเกิล , สารตะกั่วและธัลเลียม

                   ผลกระทบจากการได้รับสารพิษ ในกรณีที่ถูกดูดซับผ่านผิวหนัง อาจส่งผลต่อสุขภาพหลายอย่าง รวมทั้งรบกวนการทำงานของฮอร์โมน , ก่อให้เกิดมะเร็ง , ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาท , สูญเสียความทรงจำ , อารมณ์ไม่คงที่ ,ปัญหาเกี่ยวกับไต , ปวดศีรษะอาจเจียน , ท่องร่วง , ปอดถูกทำลาย , โรคผิวหนัง และผมร่วง

                   ได้มีการรณรงค์ที่มีชื่อว่า แคมเปญ ฟอร์ เซฟ คอสเมติกส์ เพื่อเรียกร้องให้บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอาง แก้ไขสูตรการผลิตเสียใหม่ และให้ระบุส่วนผสมให้ชัดเจน รายงานของสำนักงานบริหารอาหารและยาของสหรัฐ ที่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า มีสารตะกั่วเจือปนอยู่ในลิปสติกถึง 400 ยี่ห้อ รวมทั้งแบรนด์ดังอย่าง เมย์เบลลีน และลอรีอัล

-------------------------

(ที่มา : http://www.dailymail.co.uk/femail/article-2104453/Cadmium-mascara-lead-lipstick-arsenic-eyeliner-The-ugly-secrets-beauty-industry-isn-t-telling-you.html)

http://www.komchadluek.net/detail/20120222/123677/%E0%B8%9C%E0%B8%A7%E0%B8%B2!%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A9.html
.
ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 13, 2012, 12:02:28 pm »

มะเร็งจากแป้งฝุ่น
รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งจากแป้งฝุ่น โดย...นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ



               บรรยากาศมหาสงกรานต์ที่ชุ่มฉ่ำเย็นทั่วหล้าในเวลานี้ ภาพผู้คนออกมาเล่นน้ำเล่นประแป้งกันไปทั่วท้องถนน ทำให้นึกถึงเรื่องแป้งฝุ่นกับมะเร็งซึ่งเหมาะกับช่วงสงกรานต์ขณะนี้เป็นอย่างยิ่ง

อันว่าแป้งฝุ่นที่ใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ทำจากสารที่มีชื่อว่าทัลค์มาทำให้เป็นผงละเอียดเรียกว่าผงทัลคัม เป็นเกลือแร่ชนิดหนึ่งประกอบด้วยธาตุแมกนีเซียม ซิลิกอนและออกซิเจน มีคุณสมบัติดูดซับความชื้นและกลิ่นได้ดี ทำให้ผิวแห้งลื่นเนียน จึงนำมาใช้เป็นส่วนประกอบหลักของแป้งฝุ่นชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแป้งฝุ่นทาตัว แป้งเด็ก แป้งน้ำ แป้งรองพื้น แป้งพัฟทาหน้า แป้งปัดแก้มและอายแชโดว์ เจ้าสารทัลค์บางชนิดมีส่วนประกอบของแร่ใยหินหรือแอสเบสทอสผสมโรงอยู่ด้วยตามธรรมชาติ ซึ่งเจ้าแร่ใยหินนี้ยืนยันแล้วว่าเป็นสารก่อมะเร็ง เมื่อถูกสูดดมเข้าทางลมหายใจต่อเนื่องเป็นเวลานาน มะเร็งปอดและมะเร็งเยื่อหุ้มปอดก็จะถามหา ดังนั้นในหลายประเทศจึงห้ามไม่ให้มีการปนเปื้อนของแร่ใยหินในแป้งทาตัวทุกประเภท ในบ้านเรากระทรวงสาธารณสุขเคยทำการสำรวจแป้งพัฟทาหน้าและแป้งปัดแก้มจากท้องตลาดเมื่อ 2 ปีก่อนจำนวน 79 ตัวอย่าง พบว่ามีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ 2 ตัวอย่าง ทำเอาหวาดเสียวไปตามๆ กัน หากพิจารณาเฉพาะตัวแป้งฝุ่นที่ไม่มีแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ ณ เวลานี้ยังไม่มีรายงานทางการแพทย์ว่าจะเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปอดแต่อย่างใด

               ที่ทำเอาตื่นเต้นกว่ามะเร็งปอดคือมะเร็งรังไข่ เพราะมีรายงานการศึกษาจากสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ศึกษาผู้ป่วยจำนวนทั้งสิ้น 11,933 รายจากการทบทวนรายงานทางการแพทย์จำนวน 16 รายงานพบว่าผู้หญิงที่ชอบใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่เพิ่มขึ้นร้อยละ 30 จากการที่ผงแป้งฝุ่นถูกดูดซึมผ่านทางช่องคลอดไปสู่รังไข่ อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่โดยเฉลี่ยตลอดชีวิตพบว่า ผู้หญิงที่ชอบใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีความเสี่ยงเฉลี่ยร้อยละ 1.8 ซึ่งสูงกว่าความเสี่ยงโดยเฉลี่ยของผู้หญิงทั่วไปไม่มาก เพราะความเสี่ยงเฉลี่ยต่อการเป็นมะเร็งรังไข่ของผู้หญิงทั่วไปอยู่ที่ร้อยละ 1.4 ในขณะที่ปัจจุบันองค์การวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศก็ยังไม่จัดให้สารทัลค์ในแป้งฝุ่นเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ แต่ก็ระบุว่าการใช้แป้งฝุ่นทาบริเวณอวัยวะเพศมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นอย่าเสี่ยงเอาแป้งฝุ่นไปทาบริเวณนั้นจะดีกว่า

               ปีใหม่ไทยปีนี้อย่าลืมไปกราบรดน้ำขอพรพ่อแม่ปู่ย่าตายายผู้หลักผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ เล่นสงกรานต์ก็ขอให้ช่วยกันรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงามของไทยไว้ ทางการเค้าห้ามใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูง ห้ามเล่นแป้งในถนนหลายสายก็ให้ความร่วมมือกันหน่อยนะครับ ฝ่าฝืนถูกจับถูกปรับตั้งแต่ต้นปีใหม่ไทยแบบนี้ โบราณว่าไม่เป็นมงคลกับชีวิตตลอดศกนะครับ...ขอบอก

...........................
(รู้ทันมะเร็ง : มะเร็งจากแป้งฝุ่น  โดย...นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ)

http://www.komchadluek.net/detail/20120413/127780/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99.html

.