ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 08:36:13 am »เตือน!สาดน้ำแรงเสี่ยงแก้วหูทะลุ
เล่นสงกรานต์ สาดน้ำแรง เสี่ยงแก้วหูทะลุ หมอแนะวิธีดูแลและทำความสะอาดหู ห้ามแคะแรงอาจทำให้หูหนวกได้
รศ.พญ.ยุพา สุมิตสวรรค์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตือนถึงอันตรายจากอาการแก้วหูทะลุ จากอุบัติเหตุในการเล่นน้ำสงกรานต์ ว่าอันตรายจากการเล่นน้ำสงกรานต์ที่อาจเกิดกับหู คือ บางคนที่มีขี้หูเป็นจำนวนมาก เมื่อมีน้ำเข้าไปในหูอาจทำให้เกิดอาการหูอื้อ วิธีการรักษาคือ ต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์นำขี้หูออกให้ กับอีกสาเหตุหนึ่งคือ แก้วหูทะลุ คือภาวะที่แก้วหูที่มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ กั้นระหว่างหูชั้นนอกกับหูชั้นกลาง เกิดรูทะลุเกิดขึ้น ซึ่งมีได้จากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุจากการแคะหู การกระแทก และในช่วงสงกรานต์ให้ระวังแก้วหูทะลุจากการสาดน้ำอย่างรุนแรง”
อาการจากแก้วหูทะลุทำให้เกิดการได้ยินลดลงชนิดที่เป็นจากการนำเสียงซึ่งมัก เป็นอยู่ชั่วคราว อาการอื่น เช่น การได้ยินเสียงในหูปวดหู มีเลือดไหลเล็กน้อย หรือมีสารคัดหลั่งไหลจากหูได้ รูทะลุนั้นมักหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน สำหรับบางกรณีเท่านั้นที่เป็นเยื่อแก้วหูทะลุอย่างถาวร จะเกิดอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงก้องไม่หาย ซึ่งในกรณีแบบนี้ต้องให้แพทย์เป็นผู้ผ่าตัดรักษา ซึ่งอันตรายจากการเยื่อแก้วหูทะลุจากการเล่นน้ำสงกรานต์ หากน้ำที่ใช้เล่นไม่สะอาด อาจมีเชื้อโรคเข้าไปในหูชั้นกลางผ่านทางเยื่อแก้วหูที่ทะลุ ทำให้เกิดการอักเสบ มีอาการหูน้ำหนวก และเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ จึงต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
สำหรับอันตรายจากการกระทบกระเทือนศีรษะ จนอาจทำให้หูหนวกได้นั้น รศ.พญ.ยุพากล่าวว่า การที่แก้วหูทะลุนั้น มีอันตรายไม่ถึงขั้นทำให้หูหนวก แต่จะสูญเสียการได้ยินไปประมาณ 20-40 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการกระทบกระเทือนหูชั้นกลางจะสูญเสียการได้ยินไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่การกระทบกระเทือนหูชั้นใน ซึ่งมีเส้นประสาทจำนวนมาก จะทำให้หูหนวกได้ เช่น การได้รับการกระแทกศีรษะอย่างรุนแรงอาจไปกระทบกับเส้นประสาทภายใน ทำให้หูหนวก นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการกระแทกอาจมีอาการปากเบี้ยวได้ เนื่องจากเส้นประสาททั้งสองส่วนนี้อยู่ใกล้กัน”
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากมีสิ่งไม่พึงประสงค์เข้าหู ห้ามแคะหูด้วยความรุนแรง อาจทำให้ผนังรูหูฉีกขาดได้ ทางที่ดีควรแคะด้วยความระมัดระวัง และเช็ดทำความสะอาดเพียงรูหู และใบหูภายนอก ไม่ควรแคะหูบ่อยจนเกินไป ที่สำคัญคือ เมื่อแคะหูควรอยู่ให้ห่างจากเด็ก และไม่ควรคาอุปกรณ์ไว้ อาจเกิดอันตรายตามมาได้
สำหรับช่วงเทศการณ์สงกรานต์นี้ ขอให้ระมัดระวังการเล่นน้ำ หรือสาดน้ำ อย่าสาดกันด้วยความรุนแรง และระมัดระวังในการขับขี่ยวดยานพาหนะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
-http://www.komchadluek.net/detail/20120414/127859/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99!%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8.html-
.
เล่นสงกรานต์ สาดน้ำแรง เสี่ยงแก้วหูทะลุ หมอแนะวิธีดูแลและทำความสะอาดหู ห้ามแคะแรงอาจทำให้หูหนวกได้
รศ.พญ.ยุพา สุมิตสวรรค์ อาจารย์ประจำภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เตือนถึงอันตรายจากอาการแก้วหูทะลุ จากอุบัติเหตุในการเล่นน้ำสงกรานต์ ว่าอันตรายจากการเล่นน้ำสงกรานต์ที่อาจเกิดกับหู คือ บางคนที่มีขี้หูเป็นจำนวนมาก เมื่อมีน้ำเข้าไปในหูอาจทำให้เกิดอาการหูอื้อ วิธีการรักษาคือ ต้องไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์นำขี้หูออกให้ กับอีกสาเหตุหนึ่งคือ แก้วหูทะลุ คือภาวะที่แก้วหูที่มีลักษณะเป็นเยื่อบางๆ กั้นระหว่างหูชั้นนอกกับหูชั้นกลาง เกิดรูทะลุเกิดขึ้น ซึ่งมีได้จากหลายสาเหตุ เช่น อุบัติเหตุจากการแคะหู การกระแทก และในช่วงสงกรานต์ให้ระวังแก้วหูทะลุจากการสาดน้ำอย่างรุนแรง”
อาการจากแก้วหูทะลุทำให้เกิดการได้ยินลดลงชนิดที่เป็นจากการนำเสียงซึ่งมัก เป็นอยู่ชั่วคราว อาการอื่น เช่น การได้ยินเสียงในหูปวดหู มีเลือดไหลเล็กน้อย หรือมีสารคัดหลั่งไหลจากหูได้ รูทะลุนั้นมักหายได้เองภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน สำหรับบางกรณีเท่านั้นที่เป็นเยื่อแก้วหูทะลุอย่างถาวร จะเกิดอาการหูอื้อ ได้ยินเสียงก้องไม่หาย ซึ่งในกรณีแบบนี้ต้องให้แพทย์เป็นผู้ผ่าตัดรักษา ซึ่งอันตรายจากการเยื่อแก้วหูทะลุจากการเล่นน้ำสงกรานต์ หากน้ำที่ใช้เล่นไม่สะอาด อาจมีเชื้อโรคเข้าไปในหูชั้นกลางผ่านทางเยื่อแก้วหูที่ทะลุ ทำให้เกิดการอักเสบ มีอาการหูน้ำหนวก และเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาได้ จึงต้องรีบมาพบแพทย์ทันที
สำหรับอันตรายจากการกระทบกระเทือนศีรษะ จนอาจทำให้หูหนวกได้นั้น รศ.พญ.ยุพากล่าวว่า การที่แก้วหูทะลุนั้น มีอันตรายไม่ถึงขั้นทำให้หูหนวก แต่จะสูญเสียการได้ยินไปประมาณ 20-40 เปอร์เซ็นต์
ส่วนการกระทบกระเทือนหูชั้นกลางจะสูญเสียการได้ยินไปประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ แต่การกระทบกระเทือนหูชั้นใน ซึ่งมีเส้นประสาทจำนวนมาก จะทำให้หูหนวกได้ เช่น การได้รับการกระแทกศีรษะอย่างรุนแรงอาจไปกระทบกับเส้นประสาทภายใน ทำให้หูหนวก นอกจากนี้ยังอาจทำให้ผู้ป่วยที่ได้รับการกระแทกอาจมีอาการปากเบี้ยวได้ เนื่องจากเส้นประสาททั้งสองส่วนนี้อยู่ใกล้กัน”
วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากมีสิ่งไม่พึงประสงค์เข้าหู ห้ามแคะหูด้วยความรุนแรง อาจทำให้ผนังรูหูฉีกขาดได้ ทางที่ดีควรแคะด้วยความระมัดระวัง และเช็ดทำความสะอาดเพียงรูหู และใบหูภายนอก ไม่ควรแคะหูบ่อยจนเกินไป ที่สำคัญคือ เมื่อแคะหูควรอยู่ให้ห่างจากเด็ก และไม่ควรคาอุปกรณ์ไว้ อาจเกิดอันตรายตามมาได้
สำหรับช่วงเทศการณ์สงกรานต์นี้ ขอให้ระมัดระวังการเล่นน้ำ หรือสาดน้ำ อย่าสาดกันด้วยความรุนแรง และระมัดระวังในการขับขี่ยวดยานพาหนะ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
-http://www.komchadluek.net/detail/20120414/127859/%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99!%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B8.html-
.