ข้อความโดย: nubthong
« เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2012, 05:42:10 pm »การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง
การที่เราให้วัตถุทาน ให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสื้อผ้า
แก่เพื่อนมนุษย์ที่ตกยาก
มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาพ้นทุกข์หรือรวยขึ้น
หรือมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ตลอดไป
การช่วยอย่างนี้ไม่ไดเรียกว่า “ รื้อสัตว์ขนสัตว์”
เรียกว่า “สงเคราะห์กันชั่วคราว”
ให้ได้มีกิน มีใช้ กินอิ่มเป็นมื้อ ๆ เท่านั้น
วัตถุทานที่ให้ไปนั้น ใช้ได้ไม่นาน
แต่ถ้าเราให้ธรรมทานซึ่งใช้ได้ตลอดชีวิต
เราบอกเขาครั้งเดียว ให้เขาได้เข้าใจธรรมะ
เข้าใจเรื่องราวความเป็นจริง ของชีวิต หรือได้ปฎิบัติธรรม
ได้เรียนรู้ตามประสบการณ์ที่เราเข้าถึง
แค่เพียงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้พบกัน
แล้วได้ฟังเรื่องราวความรู้ที่ทำให้เอาตัวรอดได้
การพบกันครั้งนั้นก็เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่แล้ว
แม้ต่อไปจะไม่ได้พบกันอีกก็ตาม
เพราะได้ให้ธรรมทาน ความรู้ที่จะทำชีวิตให้รอด
และปลอดภัยจากอบาย จากสังสารวัฎ
การให้ธรรมทานนี้จึงเป็นเลิศกว่าการให้ทั้งปวง
และอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า “รื้อสัตว์ขนสัตว์” ให้พ้นจากวัฏสงสาร
เหมือนอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญมา
การที่เราให้วัตถุทาน ให้ข้าว ให้น้ำ ให้เสื้อผ้า
แก่เพื่อนมนุษย์ที่ตกยาก
มันก็ไม่ได้ช่วยให้เขาพ้นทุกข์หรือรวยขึ้น
หรือมีชีวิตที่สุขสมบูรณ์ตลอดไป
การช่วยอย่างนี้ไม่ไดเรียกว่า “ รื้อสัตว์ขนสัตว์”
เรียกว่า “สงเคราะห์กันชั่วคราว”
ให้ได้มีกิน มีใช้ กินอิ่มเป็นมื้อ ๆ เท่านั้น
วัตถุทานที่ให้ไปนั้น ใช้ได้ไม่นาน
แต่ถ้าเราให้ธรรมทานซึ่งใช้ได้ตลอดชีวิต
เราบอกเขาครั้งเดียว ให้เขาได้เข้าใจธรรมะ
เข้าใจเรื่องราวความเป็นจริง ของชีวิต หรือได้ปฎิบัติธรรม
ได้เรียนรู้ตามประสบการณ์ที่เราเข้าถึง
แค่เพียงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้พบกัน
แล้วได้ฟังเรื่องราวความรู้ที่ทำให้เอาตัวรอดได้
การพบกันครั้งนั้นก็เกิดประโยชน์อันยิ่งใหญ่แล้ว
แม้ต่อไปจะไม่ได้พบกันอีกก็ตาม
เพราะได้ให้ธรรมทาน ความรู้ที่จะทำชีวิตให้รอด
และปลอดภัยจากอบาย จากสังสารวัฎ
การให้ธรรมทานนี้จึงเป็นเลิศกว่าการให้ทั้งปวง
และอย่างนี้ถึงจะเรียกว่า “รื้อสัตว์ขนสัตว์” ให้พ้นจากวัฏสงสาร
เหมือนอย่างที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบำเพ็ญมา