ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 04, 2012, 10:26:51 am »เซินถูจยา ผู้มีขาเดียว กับมหาอำมาตย์ จื่อฉั่น ร่ำเรียนในสำนักปราชญ์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 สิงหาคม 2555 08:04 น.
-http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094241-
เซินถูจยาผู้สูญเสียขาข้างหนึ่ง และจื่อฉั่นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นเจิ้ง ศึกษาร่ำเรียนอยู่กับปั๋วฮุนอู๋เหริน วันหนึ่งจื่อฉั่นบอกกับเซินถูจยาว่า “หากข้าออกไปก่อน ท่านจงรออยู่ข้างหลัง หากท่านออกไปก่อน ข้าจะรออยู่ข้างหลัง”
วันต่อมา ทั้งสองนั่งอยู่บนเสื่อผืนเดียวกันในห้องโถง จื่อฉั่นบอกกับเซินถูจยาอีกว่า “หากข้าออกไปก่อน ท่านจงรออยู่ข้างหลัง หากท่านออกไปก่อน ข้าก็จะรออยู่ข้างหลัง และบัดนี้ข้ากำลังจะออกไปแล้ว ท่านจะรั้งรออยู่ข้างหลังนี้ได้หรือไม่? เมื่อเห็นเสนาบดีก็อย่าได้ขยับออกนอกลู่นอกทาง ท่านคิดว่าท่านอาจตีเสมอเสนาบดีหรือ?”
เซินถูจยาจึงกล่าวว่า “ภายในสำนักของอาจารย์ ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเสนาบดีด้วยหรือ? ท่านมีความภาคภูมิในยศตำแหน่ง และผลักไสให้ผู้อื่นอยู่ข้างหลัง แต่ข้าได้ยินมาว่า กระจกที่ใสหมดจดนั้นย่อมไร้ฝุ่นละอองจับ หากมีฝุ่นละอองจับย่อมไม่ใสจริง เมื่อท่านได้อยู่ใกล้ชิดปราชญ์เป็นเวลานานย่อมจะไม่หลงผิด เมื่อท่านนับถืออาจารย์เป็นมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทว่ายังกล่าวออกมาเช่นนี้ นี่จะสมควรแล้วหรือ?”
จื่อฉั่นกล่าวโต้ว่า “คนเยี่ยงเจ้านี้ ยังบังอาจกล่าวอ้างว่าตนดีกว่าเหยา ลองพิจารณาดูคุณธรรมของเจ้าเสียใหม่ ไตร่ตรองดูว่าเจ้ามีสิทธิ์จะกล่าววาจาเยี่ยงนี้หรือ”
เซินถูจยากล่าวว่า “บรรดาผู้คนที่พูดจาแก้ต่างให้กับความผิดของตน และกล่าวอ้างว่าตนไม่สมควรได้รับโทษทัณฑ์นั้น มีอยู่เป็นอันมาก แต่ผู้คนที่ไม่บ่ายเบี่ยงต่อความผิด และยอมรับว่าตนไม่สมควรได้รับการละเว้นนั้น มีอยู่น้อยแสนน้อย การตระหนักรู้ในสิ่งที่ท่านไม่อาจหลีกเลี่ยง และน้อมรับอย่างสงบว่านั่นเป็นชะตานั้น มีเพียงผู้ทรงคุณธรรมเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากท่านยืนขวางทางเป้าหมายของนักแม่นธนูอี้เท่ากับไปอยู่ในวิถีของลูกศร และหากท่านยังรอดปลอดภัย นั่นก็เป็นเรื่องของชะตา
“คนผู้มีสองขาครบถ้วนเป็นอันมากพากันหัวเราะเย้ยหยันข้าที่มีขาเพียงข้างเดียว นั่นทำให้ข้าโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก แต่เมื่อมายังสำนักของอาจารย์แห่งนี้ก็รู้สึกสงบ ไม่รู้ว่าอาจารย์ได้ชำระข้าด้วยคุณความดี หรือว่าข้าได้บังเกิดความเข้าใจในสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง อาจารย์และข้าได้คบหาเป็นสหายกันมาเป็นเวลานานถึงสิบเก้าปี ทว่าเขาไม่เคยแสดงออกเลยว่าข้ามีขาเดียว บัดนี้ตัวท่านและข้าซึ่งสมควรจะไปพ้นจากอาณาจักรของรูปและกาย แต่ท่านกลับมองดูข้าจากภายในอาณาจักรแห่งนั้น ท่านผิดพลาดไปแล้ว หรือมิใช่?”
จื่อฉั่นรู้สึกละอาย จึงเปลี่ยนท่าทีและปรับสีหน้าเสียใหม่ พลางกล่าวว่า “อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่ห้าคุณธรรมที่แท้ 德充符
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094241
.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
1 สิงหาคม 2555 08:04 น.
-http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094241-
เซินถูจยาผู้สูญเสียขาข้างหนึ่ง และจื่อฉั่นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นเจิ้ง ศึกษาร่ำเรียนอยู่กับปั๋วฮุนอู๋เหริน วันหนึ่งจื่อฉั่นบอกกับเซินถูจยาว่า “หากข้าออกไปก่อน ท่านจงรออยู่ข้างหลัง หากท่านออกไปก่อน ข้าจะรออยู่ข้างหลัง”
วันต่อมา ทั้งสองนั่งอยู่บนเสื่อผืนเดียวกันในห้องโถง จื่อฉั่นบอกกับเซินถูจยาอีกว่า “หากข้าออกไปก่อน ท่านจงรออยู่ข้างหลัง หากท่านออกไปก่อน ข้าก็จะรออยู่ข้างหลัง และบัดนี้ข้ากำลังจะออกไปแล้ว ท่านจะรั้งรออยู่ข้างหลังนี้ได้หรือไม่? เมื่อเห็นเสนาบดีก็อย่าได้ขยับออกนอกลู่นอกทาง ท่านคิดว่าท่านอาจตีเสมอเสนาบดีหรือ?”
เซินถูจยาจึงกล่าวว่า “ภายในสำนักของอาจารย์ ยังมีสิ่งที่เรียกว่าเสนาบดีด้วยหรือ? ท่านมีความภาคภูมิในยศตำแหน่ง และผลักไสให้ผู้อื่นอยู่ข้างหลัง แต่ข้าได้ยินมาว่า กระจกที่ใสหมดจดนั้นย่อมไร้ฝุ่นละอองจับ หากมีฝุ่นละอองจับย่อมไม่ใสจริง เมื่อท่านได้อยู่ใกล้ชิดปราชญ์เป็นเวลานานย่อมจะไม่หลงผิด เมื่อท่านนับถืออาจารย์เป็นมนุษย์ผู้ยิ่งใหญ่ ทว่ายังกล่าวออกมาเช่นนี้ นี่จะสมควรแล้วหรือ?”
จื่อฉั่นกล่าวโต้ว่า “คนเยี่ยงเจ้านี้ ยังบังอาจกล่าวอ้างว่าตนดีกว่าเหยา ลองพิจารณาดูคุณธรรมของเจ้าเสียใหม่ ไตร่ตรองดูว่าเจ้ามีสิทธิ์จะกล่าววาจาเยี่ยงนี้หรือ”
เซินถูจยากล่าวว่า “บรรดาผู้คนที่พูดจาแก้ต่างให้กับความผิดของตน และกล่าวอ้างว่าตนไม่สมควรได้รับโทษทัณฑ์นั้น มีอยู่เป็นอันมาก แต่ผู้คนที่ไม่บ่ายเบี่ยงต่อความผิด และยอมรับว่าตนไม่สมควรได้รับการละเว้นนั้น มีอยู่น้อยแสนน้อย การตระหนักรู้ในสิ่งที่ท่านไม่อาจหลีกเลี่ยง และน้อมรับอย่างสงบว่านั่นเป็นชะตานั้น มีเพียงผู้ทรงคุณธรรมเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากท่านยืนขวางทางเป้าหมายของนักแม่นธนูอี้เท่ากับไปอยู่ในวิถีของลูกศร และหากท่านยังรอดปลอดภัย นั่นก็เป็นเรื่องของชะตา
“คนผู้มีสองขาครบถ้วนเป็นอันมากพากันหัวเราะเย้ยหยันข้าที่มีขาเพียงข้างเดียว นั่นทำให้ข้าโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก แต่เมื่อมายังสำนักของอาจารย์แห่งนี้ก็รู้สึกสงบ ไม่รู้ว่าอาจารย์ได้ชำระข้าด้วยคุณความดี หรือว่าข้าได้บังเกิดความเข้าใจในสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง อาจารย์และข้าได้คบหาเป็นสหายกันมาเป็นเวลานานถึงสิบเก้าปี ทว่าเขาไม่เคยแสดงออกเลยว่าข้ามีขาเดียว บัดนี้ตัวท่านและข้าซึ่งสมควรจะไปพ้นจากอาณาจักรของรูปและกาย แต่ท่านกลับมองดูข้าจากภายในอาณาจักรแห่งนั้น ท่านผิดพลาดไปแล้ว หรือมิใช่?”
จื่อฉั่นรู้สึกละอาย จึงเปลี่ยนท่าทีและปรับสีหน้าเสียใหม่ พลางกล่าวว่า “อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีกเลย”
แปลเรียบเรียงตัดตอนจากหนังสือจวงจื่อ(庄子) บทที่ห้าคุณธรรมที่แท้ 德充符
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9550000094241
.