ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 07:59:39 am ».
รัชดาฯ ถนนโลกีย์ แหล่งราตรีโซนแดง..
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
12 สิงหาคม 2555 14:31 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099073-
สภาพศพนายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา"เต่า ท่าทราย"
นายธนวัฒน์ ดู่คำ หรือ “เบนซ์ ท่าทราย” เพื่อนสนิท ประกาศตามล้างแค้น
โดย ผู้กองตั้ง
ย้อนเกล็ด..คดีสะเทือนขวัญบนถนนสายรัชดาภิเษก แหล่งอัครบันเทิงขนาดใหญ่ของเมืองกรุง ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สน.ห้วยขวาง มักมีคดีใหญ่ๆ ให้คอข่าวอาชญากรรม ต้องตกตะลึงอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่คดีหลานเจ้าพ่อล็อกหวย “กลม บางกรวย” นายณัฐพร หรือโอ๋ อุ่นแพทย์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีซิ่งเก๋งยิงคนตายแค่ขับรถปาดหน้ากัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่หน้าอาคารฟอร์จูน 17 พ.ค.เวลา 03.30 น.โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ชอบอวดศักดา หลังวันหวยออกด้วยการโชว์รวย ปิดผับย่านรัชดาฯ เลี้ยงฉลองเป็นประจำ
29 ก.ค.ช่วงเช้าเกิดเหตุคนร้ายใช้ จยย.บิ๊กไบค์ ยิง นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา “เต่า ท่าทราย” ดับสยองคากระบะวีโก้ หลังออกจากผับย่านรัชดาฯ คาดปมยาเสพติดชนวนสังหาร คดีนี้ ทำท่าจะยืดเยื้อ เพราะตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะออกหมายจับใครได้ ขณะที่เพื่อนผู้ตายประกาศว่า จะตามล้างแค้นทีมสังหารด้วยตัวเอง ด้านผู้ถูกล่าก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจเช่นกัน
ล่าสุด 5 ส.ค.เวลาประมาณ 02.00 น.กระสุนปริศนาเจาะเข้าแสกหน้าของ นายวุฒิชัย หรือ เอก แคโอชา อายุ 30 ปี เสียชีวิตหลังออกจากผับเพียวบาร์ เพราะเกิดไปกระทบกระทั่งกับวัยรุ่นจนถูกตามมายิงตลบหลัง ทั้ง 3 คดีใหญ่ล้วนเกิดในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง
แม้ว่า คดียิง นายวุฒิชัย หรือ เอก แคโอชา เสียชีวิตภายในซอยสถานทูตจีน รัชดาซอย 3 จะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว... แต่น่าสังเวชใจกับปัญหาสังคมเมืองใหญ่ เมื่อพนักงานสอบสวนสรุปคดีนี้ว่าผู้ก่อเหตุมี 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายแดง (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นคนขับจักรยานยนต์คันของกลาง 2.นายภาณุวัตน์ หรือ บอล หนูดำ อายุ 18 ปี เป็นคนซ้อนท้ายรถคันนายแดง 3.นายสุรศักดิ์ หรือ เอ ขุนทอง อายุ 20 ปี คนขับขี่จักรยานยนต์คันยิงก่อเหตุ และ 4.นายวิศวะ หรือ หนุ่ม พัฒน์ทอง อายุ 20 ปี คนซ้อนท้ายและเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต ล้วนเป็นเยาวชนทั้งสิ้น ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยสาเหตุของการตามออกมาไล่ยิง เนื่องจากผู้กลุ่มผู้ตายมีจำนวนกว่า 20 คนและเกิดการกระทบกระทั่งกันภายในสถานบันเทิง ฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงอาศัยจังหวะตามมาเช็กบิลในภายหลัง
“คดีนี้แม้จะปิดคดีลงได้ง่ายดาย แต่ไม่ใช่เป็นเครื่องยืนยันว่า ถนนสายรัชดาฯ ที่เต็มไปด้วยแหล่งอบายมุข จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือแม้แต่นักเที่ยวที่ต้องการแสวงหาความสำราญอีกต่อไป เพราะสถานบันเทิงย่านนี้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ กลายเป็นแหล่งชุมนุมของกลุ่มมิจฉาชีพ มีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบทั้งสิ้น”
เช่นเดียวกับคดีคนร้ายขึ่ จยย.บิ๊กไบค์ สีดำตามประกบยิง นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา “เต่า ท่าทราย” ดับสยองคากระบะวีโก้ สีขาว ทะเบียน ถล 534 กทม.เหตุเกิดเมื่อ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะ นายวิรัส ขับวีโก้คันดังกล่าวผ่านมาถึงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออก ช่วงขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาภิเษกตัดถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
โดยก่อนหน้านี้ ผู้ตายไปเที่ยวผับฟิวเตอร์ ใกล้แยกเหม่งจ๋าย จนร้านปิดแล้วมาดื่มกินต่อกับเพื่อนๆ ที่ผับอีกแห่งย่านสุทธิสาร ซึ่งตำรวจตั้งประเด็นสังหารโหดไว้ดังนี้ 1.ยาเสพติด เพราะทั้งสองกลุ่มพัวพันยาเสพติด 2.ทะเลาะวิวาทกัน เนื่องจากเกิดเหตุทะเลาะกันในห้องน้ำของผับและตบหน้ากัน 3.นายเต่า ท่าทราย มีประวัติทะเลาะวิวาทกับคนหลายกลุ่มทั้งกลุ่มในกรุงเทพฯ ดอนเมือง
คดีนี้ยังไม่สามารถออกหมายจับใครได้ แต่มีทีท่าว่าจะบานปลาย อาจถึงขั้นเปิดศึกตามล้างแค้นกัน เพราะหลังเกิดยิงถล่ม “เต่า ท่าทราย” เพียงแค่วันเดียวชุดจู่โจมของ สน.มักกะสัน ได้รวบตัว นายธนวัฒน์ ดู่คำ หรือฉายา “เบนซ์ ท่าทราย” อายุ 30 ปี คู่หูคนสนิทของ “เต่า ท่าทราย” ได้พร้อมของกลาง ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ กระสุนเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด ขณะเดินซุ่มโป่งอยู่หน้าร้านฟลิกซ์ จากการนำตัวไปสอบสวน
“เบนซ์ ท่าทราย” ให้การว่าเป็นเพื่อนสนิทกับนายวิรัสจริง โดยก่อนถูกรวบตัวเพิ่งไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพนายเต่า ที่วัดกลางเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากนั้น เวลาประมาณ 22.45 น.ก็นั่งแท็กซี่มาอาร์ซีเอ เพื่อดูแลแฟนของพี่สาว ซึ่งมาเที่ยวที่ร้านฟลิกซ์ นอกจากนี้ ยังต้องการมาปิดบัญชีแค้นให้เพื่อนด้วย หลังจากที่พรรคพวกส่งข้อความแชตทางแบล็กเบอร์รี พร้อมรูปถ่ายของนายปั๊ม ซึ่งคาดว่าเป็นมือปืนที่ลงมือสังหารนายเต่าจนเสียชีวิตมาให้ โดยบอกว่าพบนายปั๊มขี่รถ จยย.คาวาซากิ เคเอ็น 650 สีดำ ที่ก่อเหตุไปจอดไว้ใกล้ร้านฟลิกซ์ด้วย จึงพกปืนติดตัวแล้วรีบเดินทางมา
แต่เมื่อไปถึงเห็นรถ จยย.คาวาซากิ จอดอยู่ใกล้ร้านฟลิกซ์จริง แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นรถรุ่นเดียวกัน แต่สีแดง ไม่ใช่สีดำ จึงเก็บปืนลูกซองใส่กระเป๋าสะพาย นำไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน จากนั้นเดินเข้าไปในผับเพื่อตามหาตัวผู้ต้องสงสัยตามภาพถ่ายที่เพื่อนส่งมาให้ แต่ก็ไม่เจอตัว กระทั่งร้านเลิกเดินออกมาจึงถูกตำรวจขอตรวจค้นและพบปืนดังกล่าว ซึ่งซื้อไว้นานแล้ว พร้อมปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับกลุ่มของนายปั๊มมาก่อน โดยยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ “เต่า ท่าทราย” ไปมีเรื่องกับพวกนายปั๊มที่ผับอินฟินิตี้ ย่านห้วยขวางจริง กระทั่งถูกตามประกบยิงเสียชีวิต
“ซึ่งภายหลังเกิดเรื่อง ทางตำรวจก็เตือนว่าให้ตนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการเอง แต่ตนใจร้อน เพราะอยากแก้แค้นแทนเพื่อน กระทั่งถูกจับปืนเสียเอง” เบนซ์ ท่าทราย กล่าว
ขณะที่หัวหน้าแก๊งของนายปั๊ม ผู้ต้องสงสัยได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และประกาศว่า นายปั๊มจะไม่ยอมมอบตัวและพร้อมที่จะสู้กับตำรวจ หากถูกจับกุม ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนกรณีของนายปั๊ม ที่กลุ่มของผู้ตายสงสัยว่าน่าจะเป็นมือปืนนั้น มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่า นายปั๊มอยู่ในกลุ่มที่มีการทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย และเคยถูกตบหน้าที่ผับแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง แต่เมื่อนำภาพของนายปั๊มที่ปรากฏในผับไปเปรียบเทียบกับมือปืนยังมีบางจุดที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ตำรวจจะต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ โดยจะใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า นายปั๊มเป็นคนลงมือสังหาร แต่อยากให้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูล หากไม่ใช่คนลงมือก่อเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะได้ช่วยเหลือ แต่ถ้าหากเป็นผู้กระทำจริงจะได้มีการพูดคุยหาแนวทางกันต่อไป เพราะขณะนี้ตัวนายปั๊มก็อยู่ในสถานะที่ไม่ปลอดภัย เพราะถูกตามล่าอยู่เช่นกัน
คดีสังหารโหด “เต่า ท่าทราย” จึงมีชีวิตเพื่อนร่วมแก๊งเป็นเดิมพัน แน่นอนว่าผู้ตายไม่ใช่ศพสุดท้าย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดศึกล้างแค้นระหว่างกลุ่ม เพราะกลุ่มผู้ตายเตรียมใช้ศาลเตี้ยเปิดศึกล้างแค้น โดยไม่รอกระบวนการยุติธรรม สถานบันเทิงย่านนี้ก็อาจจะกลายเป็นสังเวียนนองเลือด ให้มือปืนทั้งสองฝ่ายใช้เป็นเวทีประหัตประหารกันให้สมกับเป็นแหล่งราตรีโซนแดง
เก้าอี้ ผกก.สน.ห้วยขวาง จึงถือเป็นของร้อน แม้จะอ้างว่าในพื้นที่มีสถานบันเทิงอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท จนนำไปสู่การก่อเหตุด้วยการใช้อาวุธปืนมาตามไล่ยิงคู่กรณีจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้วหลายคดี แต่จากกฏระเบียบในการขออนุญาตเพื่อตั้งสถานบริการ ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจออกใบอนุญาตในการเปิดสถานบริการ สำหรับพื้นที่ กทม.ต้องติดต่อที่ สถานีตำรวจท้องที่ หรือ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของพื้นที่จึงยากจะปฏิเสธความรับผิดชอบ
ต่างจากพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ระเบียบให้ยื่นเรื่องราวขออนุญาตตั้งสถานบริการได้ ที่อำเภอท้องที่ ที่สถานบริการนั้นตั้งอยู่ (ที่ทำการปกครองอำเภอ) หรือขอทราบรายละเอียดได้ที่ 1.สำนักงานจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด 2.กองตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
และเป็นที่ทราบกันดีว่า โรงพัก หรือ สน.ที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีแหล่งสถานบันเทิงหลากหลาย ถือเป็นโรงพัก หรือ สน.เกรดเอ ที่ตำรวจชั้นผู้น้อย-ใหญ่ต่างต้องการเข้าไปดูแล เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ รวมถึงเม็ดเงินที่มีจำนวนมหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีความพยายามวิ่งเต้นและซื้อขายตำแหน่งกันอยู่ทุกยุคสมัย แต่เมื่อเกิดเป็นคดีครึกโครมขึ้นมา การสังเวยด้วยการเด้งฟ้าผ่าหัวแถวยัน 5 เสือ สน.ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวงการสีกากี ที่สุดท้ายแล้วต้องพิสูจน์กันด้วยผลงาน..............
.
รัชดาฯ ถนนโลกีย์ แหล่งราตรีโซนแดง..
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม
12 สิงหาคม 2555 14:31 น.
-http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9550000099073-
สภาพศพนายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา"เต่า ท่าทราย"
นายธนวัฒน์ ดู่คำ หรือ “เบนซ์ ท่าทราย” เพื่อนสนิท ประกาศตามล้างแค้น
โดย ผู้กองตั้ง
ย้อนเกล็ด..คดีสะเทือนขวัญบนถนนสายรัชดาภิเษก แหล่งอัครบันเทิงขนาดใหญ่ของเมืองกรุง ในพื้นที่ความรับผิดชอบของ สน.ห้วยขวาง มักมีคดีใหญ่ๆ ให้คอข่าวอาชญากรรม ต้องตกตะลึงอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่คดีหลานเจ้าพ่อล็อกหวย “กลม บางกรวย” นายณัฐพร หรือโอ๋ อุ่นแพทย์ ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีซิ่งเก๋งยิงคนตายแค่ขับรถปาดหน้ากัน จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ศพ บาดเจ็บ 1 ราย เหตุเกิดที่หน้าอาคารฟอร์จูน 17 พ.ค.เวลา 03.30 น.โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์ชอบอวดศักดา หลังวันหวยออกด้วยการโชว์รวย ปิดผับย่านรัชดาฯ เลี้ยงฉลองเป็นประจำ
29 ก.ค.ช่วงเช้าเกิดเหตุคนร้ายใช้ จยย.บิ๊กไบค์ ยิง นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา “เต่า ท่าทราย” ดับสยองคากระบะวีโก้ หลังออกจากผับย่านรัชดาฯ คาดปมยาเสพติดชนวนสังหาร คดีนี้ ทำท่าจะยืดเยื้อ เพราะตำรวจยังไม่มีพยานหลักฐานพอที่จะออกหมายจับใครได้ ขณะที่เพื่อนผู้ตายประกาศว่า จะตามล้างแค้นทีมสังหารด้วยตัวเอง ด้านผู้ถูกล่าก็ยืนยันว่าจะไม่ยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจเช่นกัน
ล่าสุด 5 ส.ค.เวลาประมาณ 02.00 น.กระสุนปริศนาเจาะเข้าแสกหน้าของ นายวุฒิชัย หรือ เอก แคโอชา อายุ 30 ปี เสียชีวิตหลังออกจากผับเพียวบาร์ เพราะเกิดไปกระทบกระทั่งกับวัยรุ่นจนถูกตามมายิงตลบหลัง ทั้ง 3 คดีใหญ่ล้วนเกิดในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง
แม้ว่า คดียิง นายวุฒิชัย หรือ เอก แคโอชา เสียชีวิตภายในซอยสถานทูตจีน รัชดาซอย 3 จะสามารถออกหมายจับคนร้ายได้ทั้งหมดแล้ว... แต่น่าสังเวชใจกับปัญหาสังคมเมืองใหญ่ เมื่อพนักงานสอบสวนสรุปคดีนี้ว่าผู้ก่อเหตุมี 4 ราย ประกอบด้วย 1.นายแดง (นามสมมติ) อายุ 15 ปี เป็นคนขับจักรยานยนต์คันของกลาง 2.นายภาณุวัตน์ หรือ บอล หนูดำ อายุ 18 ปี เป็นคนซ้อนท้ายรถคันนายแดง 3.นายสุรศักดิ์ หรือ เอ ขุนทอง อายุ 20 ปี คนขับขี่จักรยานยนต์คันยิงก่อเหตุ และ 4.นายวิศวะ หรือ หนุ่ม พัฒน์ทอง อายุ 20 ปี คนซ้อนท้ายและเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียชีวิต ล้วนเป็นเยาวชนทั้งสิ้น ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหาฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยสาเหตุของการตามออกมาไล่ยิง เนื่องจากผู้กลุ่มผู้ตายมีจำนวนกว่า 20 คนและเกิดการกระทบกระทั่งกันภายในสถานบันเทิง ฝ่ายผู้ก่อเหตุจึงอาศัยจังหวะตามมาเช็กบิลในภายหลัง
“คดีนี้แม้จะปิดคดีลงได้ง่ายดาย แต่ไม่ใช่เป็นเครื่องยืนยันว่า ถนนสายรัชดาฯ ที่เต็มไปด้วยแหล่งอบายมุข จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือแม้แต่นักเที่ยวที่ต้องการแสวงหาความสำราญอีกต่อไป เพราะสถานบันเทิงย่านนี้เกือบร้อยเปอร์เซนต์ กลายเป็นแหล่งชุมนุมของกลุ่มมิจฉาชีพ มีเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องเกือบทั้งสิ้น”
เช่นเดียวกับคดีคนร้ายขึ่ จยย.บิ๊กไบค์ สีดำตามประกบยิง นายวิรัส ดิลกศรี อายุ 37 ปี ฉายา “เต่า ท่าทราย” ดับสยองคากระบะวีโก้ สีขาว ทะเบียน ถล 534 กทม.เหตุเกิดเมื่อ 29 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะ นายวิรัส ขับวีโก้คันดังกล่าวผ่านมาถึงถนนรัชดาภิเษกฝั่งขาออก ช่วงขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดาภิเษกตัดถนนลาดพร้าว แขวงจอมพล เขตจตุจักร กทม.
โดยก่อนหน้านี้ ผู้ตายไปเที่ยวผับฟิวเตอร์ ใกล้แยกเหม่งจ๋าย จนร้านปิดแล้วมาดื่มกินต่อกับเพื่อนๆ ที่ผับอีกแห่งย่านสุทธิสาร ซึ่งตำรวจตั้งประเด็นสังหารโหดไว้ดังนี้ 1.ยาเสพติด เพราะทั้งสองกลุ่มพัวพันยาเสพติด 2.ทะเลาะวิวาทกัน เนื่องจากเกิดเหตุทะเลาะกันในห้องน้ำของผับและตบหน้ากัน 3.นายเต่า ท่าทราย มีประวัติทะเลาะวิวาทกับคนหลายกลุ่มทั้งกลุ่มในกรุงเทพฯ ดอนเมือง
คดีนี้ยังไม่สามารถออกหมายจับใครได้ แต่มีทีท่าว่าจะบานปลาย อาจถึงขั้นเปิดศึกตามล้างแค้นกัน เพราะหลังเกิดยิงถล่ม “เต่า ท่าทราย” เพียงแค่วันเดียวชุดจู่โจมของ สน.มักกะสัน ได้รวบตัว นายธนวัฒน์ ดู่คำ หรือฉายา “เบนซ์ ท่าทราย” อายุ 30 ปี คู่หูคนสนิทของ “เต่า ท่าทราย” ได้พร้อมของกลาง ปืนลูกซองสั้นไทยประดิษฐ์ กระสุนเบอร์ 12 จำนวน 8 นัด ขณะเดินซุ่มโป่งอยู่หน้าร้านฟลิกซ์ จากการนำตัวไปสอบสวน
“เบนซ์ ท่าทราย” ให้การว่าเป็นเพื่อนสนิทกับนายวิรัสจริง โดยก่อนถูกรวบตัวเพิ่งไปร่วมสวดพระอภิธรรมศพนายเต่า ที่วัดกลางเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากนั้น เวลาประมาณ 22.45 น.ก็นั่งแท็กซี่มาอาร์ซีเอ เพื่อดูแลแฟนของพี่สาว ซึ่งมาเที่ยวที่ร้านฟลิกซ์ นอกจากนี้ ยังต้องการมาปิดบัญชีแค้นให้เพื่อนด้วย หลังจากที่พรรคพวกส่งข้อความแชตทางแบล็กเบอร์รี พร้อมรูปถ่ายของนายปั๊ม ซึ่งคาดว่าเป็นมือปืนที่ลงมือสังหารนายเต่าจนเสียชีวิตมาให้ โดยบอกว่าพบนายปั๊มขี่รถ จยย.คาวาซากิ เคเอ็น 650 สีดำ ที่ก่อเหตุไปจอดไว้ใกล้ร้านฟลิกซ์ด้วย จึงพกปืนติดตัวแล้วรีบเดินทางมา
แต่เมื่อไปถึงเห็นรถ จยย.คาวาซากิ จอดอยู่ใกล้ร้านฟลิกซ์จริง แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ เป็นรถรุ่นเดียวกัน แต่สีแดง ไม่ใช่สีดำ จึงเก็บปืนลูกซองใส่กระเป๋าสะพาย นำไปฝากไว้ที่เคาน์เตอร์หน้าร้าน จากนั้นเดินเข้าไปในผับเพื่อตามหาตัวผู้ต้องสงสัยตามภาพถ่ายที่เพื่อนส่งมาให้ แต่ก็ไม่เจอตัว กระทั่งร้านเลิกเดินออกมาจึงถูกตำรวจขอตรวจค้นและพบปืนดังกล่าว ซึ่งซื้อไว้นานแล้ว พร้อมปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จักกับกลุ่มของนายปั๊มมาก่อน โดยยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ “เต่า ท่าทราย” ไปมีเรื่องกับพวกนายปั๊มที่ผับอินฟินิตี้ ย่านห้วยขวางจริง กระทั่งถูกตามประกบยิงเสียชีวิต
“ซึ่งภายหลังเกิดเรื่อง ทางตำรวจก็เตือนว่าให้ตนอยู่เฉยๆ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจจัดการเอง แต่ตนใจร้อน เพราะอยากแก้แค้นแทนเพื่อน กระทั่งถูกจับปืนเสียเอง” เบนซ์ ท่าทราย กล่าว
ขณะที่หัวหน้าแก๊งของนายปั๊ม ผู้ต้องสงสัยได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และประกาศว่า นายปั๊มจะไม่ยอมมอบตัวและพร้อมที่จะสู้กับตำรวจ หากถูกจับกุม ส่วนความคืบหน้าการสืบสวนกรณีของนายปั๊ม ที่กลุ่มของผู้ตายสงสัยว่าน่าจะเป็นมือปืนนั้น มีความเป็นไปได้เช่นเดียวกัน เนื่องจากจากการตรวจสอบภาพวงจรปิดพบว่า นายปั๊มอยู่ในกลุ่มที่มีการทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย และเคยถูกตบหน้าที่ผับแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง แต่เมื่อนำภาพของนายปั๊มที่ปรากฏในผับไปเปรียบเทียบกับมือปืนยังมีบางจุดที่ไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ตำรวจจะต้องมีหลักฐานมากกว่านี้ โดยจะใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์
จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า นายปั๊มเป็นคนลงมือสังหาร แต่อยากให้เข้ามาพบเจ้าหน้าที่เพื่อให้ข้อมูล หากไม่ใช่คนลงมือก่อเหตุดังกล่าวเจ้าหน้าที่จะได้ช่วยเหลือ แต่ถ้าหากเป็นผู้กระทำจริงจะได้มีการพูดคุยหาแนวทางกันต่อไป เพราะขณะนี้ตัวนายปั๊มก็อยู่ในสถานะที่ไม่ปลอดภัย เพราะถูกตามล่าอยู่เช่นกัน
คดีสังหารโหด “เต่า ท่าทราย” จึงมีชีวิตเพื่อนร่วมแก๊งเป็นเดิมพัน แน่นอนว่าผู้ตายไม่ใช่ศพสุดท้าย แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดศึกล้างแค้นระหว่างกลุ่ม เพราะกลุ่มผู้ตายเตรียมใช้ศาลเตี้ยเปิดศึกล้างแค้น โดยไม่รอกระบวนการยุติธรรม สถานบันเทิงย่านนี้ก็อาจจะกลายเป็นสังเวียนนองเลือด ให้มือปืนทั้งสองฝ่ายใช้เป็นเวทีประหัตประหารกันให้สมกับเป็นแหล่งราตรีโซนแดง
เก้าอี้ ผกก.สน.ห้วยขวาง จึงถือเป็นของร้อน แม้จะอ้างว่าในพื้นที่มีสถานบันเทิงอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท จนนำไปสู่การก่อเหตุด้วยการใช้อาวุธปืนมาตามไล่ยิงคู่กรณีจนมีผู้เสียชีวิตมาแล้วหลายคดี แต่จากกฏระเบียบในการขออนุญาตเพื่อตั้งสถานบริการ ที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจออกใบอนุญาตในการเปิดสถานบริการ สำหรับพื้นที่ กทม.ต้องติดต่อที่ สถานีตำรวจท้องที่ หรือ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าของพื้นที่จึงยากจะปฏิเสธความรับผิดชอบ
ต่างจากพื้นที่ต่างจังหวัด ที่ระเบียบให้ยื่นเรื่องราวขออนุญาตตั้งสถานบริการได้ ที่อำเภอท้องที่ ที่สถานบริการนั้นตั้งอยู่ (ที่ทำการปกครองอำเภอ) หรือขอทราบรายละเอียดได้ที่ 1.สำนักงานจังหวัด ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศาลากลางจังหวัดทุกจังหวัด 2.กองตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
และเป็นที่ทราบกันดีว่า โรงพัก หรือ สน.ที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีแหล่งสถานบันเทิงหลากหลาย ถือเป็นโรงพัก หรือ สน.เกรดเอ ที่ตำรวจชั้นผู้น้อย-ใหญ่ต่างต้องการเข้าไปดูแล เพราะมีเรื่องผลประโยชน์ รวมถึงเม็ดเงินที่มีจำนวนมหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงมีความพยายามวิ่งเต้นและซื้อขายตำแหน่งกันอยู่ทุกยุคสมัย แต่เมื่อเกิดเป็นคดีครึกโครมขึ้นมา การสังเวยด้วยการเด้งฟ้าผ่าหัวแถวยัน 5 เสือ สน.ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนในวงการสีกากี ที่สุดท้ายแล้วต้องพิสูจน์กันด้วยผลงาน..............
.