กัณฑ์ที่ ๘ กัณฑ์กุมาร พระเวสสันดร ตรัสเรียกพระชาลีและพระกัณหา
ให้ขึ้นมาจากที่ซ่อนในบึงบัว [๑๑๕๘] ดูกรพ่อชาลี เจ้าจงลุกขึ้นยืนเถิด
การมาของพวกยาจกในวันนี้ปรากฏ
เหมือนการมาของพวกยาจกครั้งก่อนๆ พ่อเห็นเหมือนดังพราหมณ์
ความชื่นชมยินดีทำให้พ่อเกษมศานติ์.
[๑๑๕๙] ข้าแต่พระชนกนาถ แม้เกล้ากระหม่อมฉันก็เห็นผู้นั้นปรากฏเหมือน
พราหมณ์ ดูเหมือนเป็นคนเดินทาง จักเป็นแขกของเราทั้งหลาย.
[๑๑๖๐] พระองค์ไม่มีโรคาพาธหรือหนอ พระองค์ทรงพระสำราญดีหรือ ทรง
เยียวยาอัตภาพด้วยการแสวงหาผลาหารสะดวกหรือ ทั้งมูลมันผลไม้มี
มากหรือ เหลือบ ยุง และสัตว์เลื้อยคลาน มีน้อยแลหรือ ในป่า
อันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค ไม่มีมาเบียดเบียนแลหรือ.
[๑๑๖๑] ดูกรพราหมณ์ เราทั้งหลายไม่มีโรคาพาธเบียดเบียน อนึ่ง เราทั้งหลาย
เป็นสุขสำราญดี เราเยียวยาอัตภาพด้วยการหาผลาหารสะดวกดี ทั้งมูล
มันผลไม้ก็มีมาก ทั้งเหลือบยุงและสัตว์เลื้อยคลานก็มีน้อย อนึ่ง ใน
ป่าอันเกลื่อนกล่นไปด้วยพาลมฤค ก็ไม่มีมาเบียดเบียนแก่เรา เมื่อพวก
เรามาอยู่ในป่ามีชีวิตอันตรมเกรียมมาตลอด ๗ เดือน เราเพิ่งเห็นท่าน
ผู้เป็นพราหมณ์บูชาไฟ ทรงเพศอันประเสริฐ ถือไม้เท้าสีดังผลมะตูม
และลักจั่นน้ำนี้เป็นคนแรก ดูกรพราหมณ์ ท่านมาดีแล้ว อนึ่ง ท่าน
มิได้มาร้าย ดูกรท่านผู้เจริญ เชิญท่านเข้ามาภายในเถิด เชิญท่านล้าง
เท้าของท่านเถิด ผลมะพลับ ผลมะหาด ผลมะทราง ผลหมากเม่า
มีรสหวานปานน้ำผึ้ง เชิญเลือกฉันแต่ผลที่ดีๆ เถิดท่านพราหมณ์ แม้
น้ำฉันนี้ ก็เย็นสนิท เรานำมาแต่ซอกเขา
ดูกรพราหมณ์ ก็ท่าน
จำนงหวัง ก็เชิญดื่มตามสบายเถิด ดังเราขอถาม ท่านมาถึง ป่าใหญ่
เพราะเหตุการณ์อะไรหนอ เราถามแล้ว ขอท่านจงบอกความนั้นแก่เรา
เถิด.
[๑๑๖๒] ห้วงน้ำ (ในปัญจมหานที) เต็มเปี่ยมตลอดเวลาไม่เหือดแห้ง ฉันใด
พระองค์มีพระหฤทัยเต็มเปี่ยมไปด้วยศรัทธา
ฉันนั้น เกล้ากระหม่อมฉัน
กราบทูลขอแล้ว ขอพระองค์ทรงพระกรุณาพระราชทานสองปิโยรสแก่
ข้าพระองค์เถิด.
[๑๑๖๓] ดูกรพราหมณ์
เรายอมให้ มิได้หวั่นไหว ท่านจงเป็นใหญ่พาเอาลูก
ทั้งสองของเราไปเถิด
พระราชบุตรีมารดาของลูกทั้งสองนี้ เสด็จไปป่า
แต่เช้าเพื่อแสวงหาผลไม้ จักกลับจากการแสวงหาผลไม้ในเวลาเย็น
ดูกรพราหมณ์ เชิญท่านพักอยู่ราตรีหนึ่ง แล้วจึงไปในเวลาเช้า ดูกร-
พราหมณ์ ท่านจงพาเอาลูกรักทั้งสอง อันประดับด้วยดอกไม้ต่างๆ
ตกแต่งด้วยของหอมนานา พร้อมด้วยมูลมันและผลไม้หลายชนิดไปเถิด.
[๑๑๖๔] ข้าแต่พระองค์ผู้จอมทัพ ข้าพระองค์ไม่ชอบใจการพักอยู่ ข้าพระองค์
ยินดีจะไป แม้อันตรายจะพึงมีแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์ขอทูลลาไป
ทีเดียว
เพราะว่าธรรมดาสตรีเหล่านี้ เป็นผู้ไม่สมควรแก่การขอ ย่อม
ทำอันตรายต่อบุญของทายก และลาภของยาจก ย่อมรู้มารยา ย่อมรับ
สิ่งทั้งปวงโดยข้างซ้าย เมื่อฝ่าพระบาททรงบำเพ็ญทานด้วยพระราชศรัทธา
ฝ่าพระบาท อย่าได้ทรงเห็นพระมารดาของ พระปิโยรสทั้งสองเลย
ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นจอมทัพ พระมารดาของพระปิโยรสนั้นพึงกระทำ
แม้อันตรายได้ ข้าพระองค์ขอทูลลาไปทีเดียว ขอพระองค์จงตรัสเรียก
พระลูกแก้วทั้งสองนั้นมา อย่าให้พระลูกแก้วทั้งสองได้ทันเห็นพระชนนี
เลย เมื่อพระองค์ทรงบำเพ็ญทานด้วยพระราชศรัทธา บุญย่อมเจริญด้วย
อาการอย่างนี้ ขอพระองค์ตรัสเรียกพระลูกแก้วทั้งสองนั้นมาอย่าให้
พระลูกแก้วทั้งสองได้ทันเห็นพระชนนีเลย ข้าแต่พระราชา พระองค์
ทรงประทานทรัพย์ คือพระโอรสพระธิดาแก่ยาจกเช่นข้าพระองค์แล้ว
จักเสด็จไปสวรรค์.
[๑๑๖๕] ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะเห็นภริยาของเราผู้มีวัตรอันงาม ท่านก็จงทูลถวาย
ชาลีกัณหาชินาทั้งสองนี้ แก่พระเจ้าสัญชัยมหาราชผู้พระอัยยกา ท้าวเธอ
ทอดพระเนตรเห็นพระกุมารทั้งสองนี้ ผู้มีเสียงไพเราะ กล่าววาจาน่ารัก
จะทรงปลื้มพระหฤทัยปรีดาปราโมทย์
จักพระราชทานทรัพย์แก่ท่านเป็น
อันมาก
[๑๑๖๖] ข้าแต่พระราชบุตร ขอพระองค์ทรงฟังข้าพระองค์ ข้าพระองค์กลัวต่อ
การที่จะถูกหาว่าฉกชิงเอาไป สมเด็จพระเจ้าสญชัยมหาราช
จะลงพระ-
ราชอาชญาข้าพระองค์ คือ จะพึงทรงขายหรือให้ประหารชีวิต ข้าพระ
องค์จะขาดทั้งทรัพย์ทั้งทาสและจะพึงถูกนางพราหมณี ผู้เป็นเผ่าพันธุ์
พราหมณ์ติเตียนได้.
[๑๑๖๗] พระมหาราช
ทรงสถิตในธรรม ทรงผดุงสีพีรัฐให้เจริญ ได้ทอดพระเนตร
เห็นสองพระกุมารนี้ผู้มีเสียงไพเราะ กล่าววาจาน่ารัก ได้พระปีติโสมนัส
แล้ว
จักพระราชทานทรัพย์ แก่ท่านเป็นอันมาก.
[๑๑๖๘] พระองค์ทรงพร่ำสอนข้าพระองค์ สิ่งใดๆ ข้าพระองค์
จักทำสิ่งนั้นๆ ไม่ได้ ข้าพระองค์จักนำสองพระกุมาร
ไปเป็นทาสรับใช้ของนางพราหมณี.
[๑๑๖๙] ลำดับนั้น พระกุมารทั้งสอง คือ พระชาลี และพระกัณหาชินา ได้
สดับคำของชูชก ผู้หยาบช้า ตกพระทัยกลัว จึงพากันเสด็จวิ่งหนีไป
ในที่นั้นๆ.
[๑๑๗๐] ดูกรพ่อชาลีลูกรัก มานี่เถิด ลูกทั้งสอง
จงยังบารมีของพ่อให้เต็ม จง
ช่วยโสรจสรงหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ จงทำตามคำของพ่อ ขอเจ้าทั้งสอง
จงเป็นดังยานนาวาของพ่อ อันไม่หวั่นไหวในสาครคือภพ พ่อจักข้าม
ซึ่งฝั่งคือชาติ จักยังสัตว์โลกพร้อมทั้งทวยเทพให้ข้ามด้วย ดูกรลูกกัณหา
มานี่เถิด เจ้าเป็นธิดาที่รัก ทานบารมีก็เป็นที่รักของพ่อ จงช่วยโสรจ
ทรงหทัยของพ่อให้เย็นฉ่ำ ขอจงทำตามคำของพ่อ ขอเจ้าทั้งสองจงเป็น
ยานนาวาของพ่อ อันไม่หวั่นไหวในสาครคือภพ พ่อจักข้ามซึ่งฝั่ง คือ
ชาติจักช่วยสัตวโลกพร้อมทั้งทวยเทพใช้ข้ามด้วย.
[๑๑๗๑] ลำดับนั้น พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ ทรงพาพระกุมารทั้งสอง
คือ พระชาลีและพระกัณหาชินา มาพระราชทานให้เป็น
ปุตตกทานแก่
พราหมณ์ ลำดับนั้น พระเวสสันดรผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ ทรงพาพระ-
กุมารทั้งสอง คือ พระชาลี และพระกัณหาชินา มาพระราชทานให้
แก่พราหมณ์
มีพระหฤทัยชื่นบานในปุตตกทานอันอุดม ในครั้งนั้น
เมื่อพระเวสสันดรราชฤาษี พระราชทานพระกุมารทั้งสอง
ก็บังเกิดมี
ความบันลือลั่นน่าสะพรึงกลัว ขนพองสยองเกล้า เมทนีดลก็หวั่นไหว พระเวสสันดรเจ้าผู้ผดุงสีพีรัฐให้เจริญ ทรงประคองอัญชลี พระราชทาน
สองพระกุมารผู้เจริญด้วยความสุขให้เป็นทานแก่พราหมณ์ ก็บังเกิดมี
ความบันลือลั่น น่าสะพรึงกลัวขนพองสยองเกล้า.
[๑๑๗๒] ลำดับนั้น พราหมณ์ผู้หยาบช้านั้น เอาฟันกัดเถาวัลย์ให้ขาดแล้ว เอา
มาผูกพระหัตถ์ พระกุมารทั้งสองฉุดกระชากลากมา แต่นั้นพราหมณ์
นั้นจับเถาวัลย์ถือไม้เท้าทุบตีพระกุมารทั้งสองนำไป เมื่อพระเวสสันดร
สีพีราช กำลังทอดพระเนตรอยู่.
[๑๑๗๓] ลำดับนั้น สองพระกุมารพอหลุดพ้นจากพราหมณ์ก็รีบวิ่งหนีไป พระ-
เนตรทั้งสองนองไปด้วยน้ำอัสสุชล พระชาลี ชะเง้อมองดูพระบิดา
ทรงถวายบังคมพระยุคลบาทของพระบิดา
พระวรกายสั่นระริกดังใบโพธิ์ ทรงถวายบังคมพระยุคลบาท พระบิดาแล้วได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระ-
ชนกนาถ ก็พระมารดาเสด็จออกไปป่า และพระบิดาทอดพระเนตร
เห็นแต่กระหม่อมฉัน ข้าแต่พระชนกนาถ ขอพระองค์ทรงทอด
พระเนตรเกล้ากระหม่อมฉันทั้งสองอยู่ก่อน
จนกว่าเกล้ากระหม่อมฉัน
ทั้งสองได้เห็นพระมารดา ข้าแต่พระชนกนาถ พระมารดาเสด็จออกไป
ป่า ขอพระบิดาทอดพระเนตรเห็นกระหม่อมฉันทั้งสองอยู่ก่อน ข้าแต่
พระชนกนารถ
ขอพระองค์อย่าเพิ่งพระราชทานเกล้ากระหม่อมฉันทั้ง
สอง จนกว่าพระชนนีของเกล้ากระหม่อมฉันจะเสด็จกลับมา เมื่อนั้น
พราหมณ์นี้ จักขายหรือจักฆ่าก็ตามปรารถนา พราหมณ์ผู้หยาบช้านี้
ประกอบด้วย
บุรุษโทษ ๑๘ ประการ คือมี
เท้าคดทู่ตะแคง ๑ เล็บเน่า ๑
ปลีน่องย้อยยาน ๑ ริมฝีปากบนยาว ๑ น้ำลายไหลยืด ๑ เขี้ยวงอก
ออกเหมือนเขี้ยวหมู ๑ จมูกหักฟุบ ๑ ท้องพลุ้ยดังหม้อ ๑ หลังค่อม ๑
ตาข้างหนึ่งเล็กข้างหนึ่งใหญ่ ๑ หนวดแดง ๑ ผมบางเหลือง ๑ หนัง
ย่นเป็นเกลียว ตัวตกกระ ๑ ตาเหลือง ๑ คดสามแห่ง คือ ที่สะเอว
หลังและคอ ๑ ขากาง ๑ เดินดังกฏะกฏะ ๑ ขนตามตัวยาวและหยาบ ๑ นุ่งห่มหนังเสือเป็นอมนุษย์น่ากลัวเหลือเกิน เป็นมนุษย์หรือยักษ์มีเนื้อ
และเลือดเป็นเครื่องบริโภค ออกจากบ้านมาสู่ป่า
มาขอทรัพย์คือบุตร
กะพระองค์ ลูกทั้งสองกำลังถูกพราหมณ์ปีศาจนำไป ข้าแต่พระชนกนาถ
กระไรหนอฝ่าพระบาททรงนิ่งเฉยอยู่ได้ พระหฤทัยของพระชนกนาถ
ปานดังหนึ่งหิน หรือดังว่ายึดมั่นด้วยพืดเหล็ก พระองค์
ช่างไม่ทรงรู้สึก
ถึงลูกทั้งสอง ซึ่งถูกพราหมณ์ผู้แสวงหาทรัพย์หยาบคาย ผูกมัด แก
เฆี่ยนตีลูกทั้งสอง เหมือนนายโคบาลตีโคฉะนั้น ขอให้
น้องกัณหาจง
อยู่ ณ ที่นี้แหละ เธอไม่รู้จักความทุกข์อะไรๆ เมื่อเธอไม่เห็นพระ
มารดาก็จะคร่ำครวญหาเหมือนลูกเนื้อที่ยังดื่มนมพลัดจากฝูง ไม่เห็นแม่
ก็จะร่ำไห้คร่ำครวญ ฉะนั้น.
มีต่อค่ะ