ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 500 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

Verification:
ระหว่างความดีกับความไม่ดี เราจะเลือกทำสิ่งใดจึงจะสามารถบรรลุธรรมได้จริง ( เลือกตอบแค่ ความดี กับ ความไม่ดี ครับผม):
คนที่มีจิตใจอ่อนโยนส่วนใหญ่มัก คิดถึงสิ่งใดก่อนเสมอ  ( เลือกตอบแค่ ตัวเอง กับ คนอื่น ครับผม ):
กัน-ละ-ยา-นะ-มิด เขียนเป็นภาษาไทยที่ถูกต้องว่าอย่างไรครับ:
คุณเชื่อในศรัทธาของความดีไหมครับ ( เลือกตอบแค่ เชื่อ กับ ไม่เชื่อ ครับผม):
คิดว่าความดีทำยากไหม( เลือกตอบแค่ ยาก กับ ไม่ยาก ครับผม):
ถ้าเราโกรธใคร ธรรมะจะเป็นหนทางผ่อนคลายความโกรธนั้นลงได้ใช่ไหม ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม ):
ชีวิตบางครั้งก็เหมือนเหรียญสองด้านใช่หรือไม่ครับบางครั้งก็หัวบางครั้งก็ก้อย( เลือกตอบแค่ ใช่ กับไม่ใช่ครับผม):
คุณเชื่อว่าทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดีใช่หรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
^^ ขอความกรุณาพิมพ์คำว่า ความดีนำทาง:
เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ที่วัด หรือมีใครทำบุญแล้วมาบอกให้ทราบ ทราบแล้วยกมือขึ้น (สาธุ) กรุณาพิมพ์คำนี้ครับ  สาธุ:
ท่านจะปฏิบัติตามกฏระเบียบข้อตกลงของเว็บใต้ร่มธรรมทุกประการหรือไม่ ( เลือกตอบแค่ ใช่ กับ ไม่ใช่ ครับผม):
โดยปกติชน นิ้วมือของคนเรา มีกี่นิ้ว (ตอบเป็นภาษาไทยครับ):
วัฒนธรรมไทยเมื่อเห็นผู้ใหญ่ท่านจะทำความเคารพ ด้วยการไหว้ท่านก่อนเสมอใช่หรือไม่:
บุคคลที่ไปหลายๆเว็บไซต์ โดยที่สวมบทบาทเป็นหลายๆคน โดยที่ไม่รู้ว่า แท้จริงใจเราต้องการอะไร เพื่อน หรือ ชัยชนะ:
กล่าวคำดังนี้  "ขอโทษนะ":
หากมีคน บอกว่า เราไม่ดีเราเลว แต่ใจเรารู้ว่าไม่เป็นเช่นนั้น เราจะใช้วิธีใดจัดการกับเรื่องนี้  (โต้เถียงให้แรงกว่าที่เค้าว่ามา) หรือ (เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ความดีของเราเองไม่ต้องทำอะไร):
ในโลกออนไลน์หรือโลกแห่งจิต ไม่มีใครทำอะไรเราได้ นอกเสียไปจาก (คนพาล) หรือ (ใจของเราเอง):
เคยนวดฝ่าเท้าให้ คุณพ่อคุณแม่บ้างไหม ถ้ามีโอกาส เราควรทำหรือไม่ (ควรกระทำอย่างยิ่ง หรือ ไม่ควรทำ):
พิมพ์คำว่า (แสงธรรมนำทางธรรมะนำใจ) ครับ:
ผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ ผู้ที่ทำตนให้เล็กที่สุด ผู้ที่เล็กที่สุดก็จะกลายเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุด ผู้ที่มีเกียรติคือผู้ที่ให้เกียรติผู้อื่น ฉะนั้นสมาชิกใต้ร่มธรรมควรให้เกียรติกันและกัน พิมพ์คำว่า (ฉันจะให้เกียรติสมาชิกทุกๆท่านในใต้ร่มธรรมเสมอด้วยวาจาสุภาพอ่อนน้อม):

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 27, 2012, 06:20:58 pm »



3G - จอดำ - ปิดกั้นคลื่นธรรมะ ตอกย้ำ “กสทช.” ไร้น้ำยา

กสทช. หรือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ องค์กรที่เพิ่งดำเนินงานมาได้แค่ไม่กี่ปี แต่จากผลงานที่ผ่านมา หลายๆกรณีก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงควาไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค ตั้งแต่ครั้ง 3G ที่ยืดเยื้อ กรณีจอดำการแข่งขันบอลยูโร จนมาถึงล่าสุดกับกรณีลดกำลังส่งของวิทยุชุมชนให้เหลือเพียง 100 วัตต์ เลยทำให้เกิดคำถามว่า ตกลงแล้วกสทช.มีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ให้ใครกันแน่ ผู้บริโภค หรือ นายทุน ??
       
       คลื่นวิทยุชุมชน ตกลงใครเป็นเจ้าของ
       
        ประเด็นล่าสุดที่ทำให้กลุ่มประชาชนคลางแคลงใจต่อการทำงานของกสทช. คือเรื่องของร่างประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการกระจายเสียงที่จะส่งผลให้คลื่นเล็กๆ อย่างวิทยุชุมชนถูกกลืนหายไปเพราะแรงกระทบจากสัญญาณคลื่นวิทยุหลักบดบังนั่นเอง หลังจากที่ กสทช. ได้กำหนดลดสเปกให้กำลังส่งของวิทยุกระจายเสียง สำหรับกิจการบริการสาธารณะ กิจการบริการชุมชน และกิจการทางธุรกิจ เหลือน้อยลงเพียง 100 วัตต์ จึงทำให้เมื่อวาน (22 ส.ค.) กลุ่มพระสงฆ์นับร้อยรูป กับผู้ชุมนุมอีกจำนวนหนึ่งได้มารวมตัวกันที่หน้าที่สำนักงานกสทช. เพื่อยื่นหนังสือเรื่องรายชื่อประชาชนที่ไม่ยอมรับ เพราะไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับคลื่นหลัก และกังขาว่าเอื้อประโยชน์ต่อนายทุนหรือไม่
       
        ในส่วนของการชุมนุมครั้งนี้ ผู้นำคือ พระครูอรรถกิจนันทคุณ วัดป่าคอยสืบงา จ.กำแพงเพชร ในนามของกรรมการมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พระครูก็เคยเดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมในกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่พบว่า ได้กำหนดให้กำลังส่งของวิทยุกระจายเสียง สำหรับกิจการบริการสาธารณะ กิจการบริการชุมชน และกิจการทางธุรกิจ ไม่เกิน 100 วัตต์ และความสูงของเสาอากาศ วัดจากระยะพื้นดินที่ตั้งเสาอากาศไม่เกิน 40 เมตร ซึ่งเห็นว่าไม่เป็นธรรม เพราะสัญญาณจะกระจายในวงแคบเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และจะถูกคลื่นวิทยุหลักบดบังสัญญาณ ซึ่งอาจกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับวิทยุภาคธุรกิจที่ได้รับสัมปทาน
       
        อีกมุมองหนึ่งจาก นางสาวจุฑารส พรประสิทธิ์ ตัวแทนศูนย์ประสานงานเพื่อการปฏิรูปสื่อกล่าวว่า “กระแสการปฏิรูปสื่อเกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวของประชาชน ตั้งแต่เหตุการณ์พฤษภา 35 ซึ่งเราต่อสู้ขึ้นมา ดังนั้น รัฐธรรมนูญจึงเปิดช่องให้คลื่นความถี่เป็นทรัพยากรของชาติ เพื่อประโยชน์ของสาธารณะทั้งระดับชาติและท้องถิ่น ดังนั้น จึงเกิดวิทยุที่เกิดใหม่ ไม่ใช้วิทยุเถื่อน ไม่อยากให้เรียกวิทยุเถื่อน เพราะว่าเราเกิดมาในภาวะตรงนี้เป็นสมบัติของชาติ เป็นสมบัติของประชาชน ที่ผ่านมาไปผูกขาดอยู่ที่นายทุนกลุ่มๆ หนึ่งมานานแล้ว แล้วภาครัฐก็ไปเอื้อกับกลุ่มนายทุนผูกขาด ในวันนี้ประชาชนส่วนหนึ่งก็พยายามขึ้นมาทำประโยชน์สาธารณะที่อาจอยู่ในบริการของสาธารณะหรือในบริการชุมชนก็ตาม ก็ไม่ได้แสวงหากำไร
       
        เพราะฉะนั้น เพื่อความเท่าเทียมกัน วิทยุหลักซึ่งเป็นผู้ที่จะต้องคืนคลื่นความถี่ให้กับประชาชน จะต้องเอาคืนคลื่นได้แล้ว แต่มีการผ่อนผันให้ถึง 5 ปี ตรงจุดนี้คุณจะต้องคืนแต่ยังไม่ได้คืน เมื่อมีการปฏิบัติต่อเขาต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ซึ่งยังอยู่ในกระบวนการเราไม่ว่ากัน แต่พออยู่ในกระบวนการแล้วมากดดันภาคประชาชน แทนที่จะเป็นกลุ่มนายทุนที่ถือครองคลื่นวิทยุมานานแล้ว”
       
        ตอนนี้ก็ยังต้องรอฟังผลกันต่อไปว่ากสทช.จะมีเปลี่ยนแปลงร่างฉบับนี้หรือไม่ ตามความคิดเห็นของกลุ่มเสียงธรรมะกลุ่มเล็กๆที่หวังว่าจะมีช่องทางในการสื่อสารกระแสธรรมเหมือนสถานีเพลงบันเทิงตามคลื่นใหญ่ๆ บ้าง
       
       ขนานนาม “เสือกระดาษ” กรณีจอดำ
       
        เหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำให้กสทช. ถูกขนานนามว่า “เสือกระดาษ” (ประเทศ องค์การ หรือผู้ที่ทำท่าทีประหนึ่งมีอำนาจมาก แต่ความจริงไม่มี) กับเหตุปัญหาจอดำ ที่แม้จะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ปัญหาช่วยผู้บริโภคให้ได้กลับมาดูการถ่ายทอดสดบอลยูโร แต่พอถึงเวลาก็กลับทำอะไรไม่ได้ ซึ่งก็เป็นกรณีครั้งแรกของประเทศไทยที่ว่าประชาชนต้องซื้อกล่องใหม่ของผู้ได้ลิขสิทธิ์เพื่อจะได้ดูรายการนั้นๆ ซึ่งก็หวั่นใจว่าจบปัญหากล่องเจ้ากรรม GmmZ ไปแล้วในอนาคตอาจจะปวดหัวกับกล่องจากค่ายอื่นๆอีกหรือเปล่า
       
        หลังผ่านมาสดๆร้อนๆ แถมได้คำด่าตลบไล่หลังไปจนปวดหูกับ กล่องเจ้าปัญหา GmmZ ที่ทำให้คอบอลอดดูบอลยูโรไปหลายล้านครัวเรือน โดยต้องทนดูจอดำมืดสนิทอยู่หลายวันจนคนใช้จานแดงต้องยอมกดรีโมตไปดูหลินปิงแทนแก้เซ็ง
       
        ตอนแรกทาง กสทช. ก็กระตือรือร้นเป็นอย่างดีที่จะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยให้ครัวเรือนที่ใช้กล่องอื่นๆที่ไม่ใช่ GmmZ สามารถรับชมถ่ายทอดสดฟุตยอลยูโรผ่านทางช่องฟรีทีวี แต่ผ่านไปหลายนัดก็ไม่สามารถแก้ปัญหาอะไรได้ จนกระทั่งปิดฤดูกาล ในครั้งนั้น เมื่อหาทางออกไม่ได้ น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค จึงออกมากล่าวชี้แนะถึงปัญหากล่องรับสัญญาณว่า
       
        “อนาคตเราอาจซื้อกล่องมาเพียงกล่องเดียว แล้วไปซื้อสัญญาณมาลงกล่อง สามารถรับสถานีได้เป็นร้อยสถานี อาจจะทำอย่างนั้นก็ได้ ซึ่งต้องขอเวลาแก้ไข รวมทั้งการจัดทำร่างประกาศจะทำให้ครอบคลุมการนำเข้ากล่องที่บังคับให้สามารถเข้ารหัสสัญญาณได้ หรือมีช่องให้สามารถเข้ารหัสได้ด้วยการนำการ์ดเสียบ” แต่มันก็เป็นเพียงความคิดในอนาคตที่ออกมาแก้ต่างความผิดในครั้งนั้นนั่นเอง
       
        จากนั้น สุภิญญา ได้กล่าวถึงทิศทางในอนาคตต่อไปว่า กสทช.จะออกหลักเกณฑ์เพื่อรองรับการนำพาสัญญาณดาวเทียมให้ถูกกฎหมาย และจัดทำประกาศพิเศษที่เรียกว่า "มัสต์ แครี" ซึ่งประกาศนี้จะบอกชัดเจนเลยว่าการนำพาสัญญาณฟรีทีวีไปบริการผ่านเคเบิลและดาวเทียมเป็นสิ่งที่ชอบธรรมด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้มั่นใจถ้าจะเอาสัญญาณไปออก
       
        หลังจากการเจอมรสุมปัญหาที่ล้มเหลวครั้งนั้น กสทช.ก็ทำได้แค่ตามไล่บี้ค่าปรับกับทางทรูวิชั่นส์ โทษฐานขัดคำสั่งทางปกครองกรณีดังกล่าวเป็นจำนวนเงินวันละ 20,000 บาท หรือรวมเป็นเงินประมาณ 500,000 บาทตลอดระยะเวลาการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 ซึ่งหากไม่จ่ายค่าปรับตามคำสั่งปกครองดังกล่าวภายใน 1 เดือน ทรูวิชั่นส์จะต้องเสียค่าปรับเพิ่มอีก 2% ของเงินค่าปรับ 500,000 บาท ส่วนกรณีมีผู้บริโภค และสมาชิกทรูวิชั่นส์ประมาณ 200 รายที่ยื่นเรื่องร้องเรียนมายังกสทช.ในกรณีเดียวกัน ทาง กสทช.ได้สั่งให้ทรูวิชั่นส์จะต้องเป็นผู้ไปดำเนินการเยียวยาทั้งหมดภายใน 2 เดือนนับจากนี้ ก็หวังว่าการลงดาบคาดโทษแบบเอาจริงเอาจังและนโยบายผลงานชิ้นโบแดงอย่าง “มัสต์ แครี” จะช่วยแก้ปัญหาในระยะยาวให้กับผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง ไม่ใช้สักแต่ว่าแก้ปัญหาเอาหน้าประชาชนแค่ตอนนี้เท่านั้น
       
       กว่าจะได้ฤกษ์คลอด 3G
       
        อีกหนึ่งปัญหายืดเยื้อลากยาวน่าเบื่อจนพาประเทศถอยหลังลงคลองกับปัญหา 3G ที่ยังประมูลไม่ได้ แถมฟ้องกันไปมาอีนุงตุงนัง จนคนดูนั่งเซ็งว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้ 3G เสียที
       
        โดยเมื่อวันที่ 15 สิงหาที่ผ่านมา มีการประชุมหารือโดยสรุปได้ว่ามีการลดเพดานการถือครองคลื่นความถี่ลง สำหรับใบประมูลอนุญาตโครงข่ายโทรศัพท์ 3G บนคลื่นความถี่ 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ด้วยคลื่นความถี่ 45 เมกะเฮิรตซ์ จะแบ่งเป็น 9 ใบอนุญาต ใบอนุญาตละ 5 เมกะเฮิรตซ์ และสามารถประมูลคลื่นความถี่ได้สูงสุด ไม่เกิด 15 เมกะเฮิรตซ์ หรือจำนวน 3 ใบอนุญาต ซึ่งลดจากเดิมซึ่งถือให้ไม่เกิด 20 เมกะเฮิร์ตซ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกัน ในการประมูล มีความเป็นธรรม ในการถือครองคลื่นความถี่ เพื่อการแข่งขัน ทั้งการประมูลและการดำเนินธุรกิจ ส่วนราคาของใบอนุญาต 3G ยังคงมีการยืนยันในราคาเดิมที่ 4,500 ล้านบาทต่อคลื่นความถี่ 5 เมกะเฮิรตซ์ เนื่องจากเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว โดยคำนวณจากกลไกของราคาตลาดและอัตราเงินเฟ้อ
       
        สำหรับการเสนอราคาในการประมูลจะขยับขึ้นครั้งละ 5% หรือ 200 ล้านบาท และจะเสนอให้ที่ประชุม กสทช.พิจารณาอนุมัติวันที่ 22 ส.ค.55 จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษาภายในสิ้นเดือน ส.ค.55 และเปิดประมูลกลางเดือน ต.ค.55 ซึ่งคาดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นการสรุปทางออกเพื่อนำไปสู่การใช้ 3G อย่างเป็นรูปธรรม
       
        เมื่อมาเรียบเรียงลำดับเหตุการณ์ใหญ่ที่อยู่ในหน้าที่การดูแลของ กสทช.แล้ว เราก็พอจะเห็นข้อบกพร่องและช่องโหว่ของกฎหมายที่ไม่สามารถรักษาสิทธิของผู้บริโภคแบบเต็มร้อยได้ ดร.อานุภาพ ถิรลาภ นักวิชาการอิสระด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม จึงเป็นอีกหนึ่งคนที่มองว่า กสทช.อาจไม่ใช่องค์กรที่เข้าข้างประชาชนสักเท่าไหร่ และหลายครั้งที่ผลการตัดสินของ กสทช.เอื้อต่อภาคธุรกิจและภาครัฐ แต่ไม่เคยเหลือตกถึงมือประชาชน
       
        “องค์กรนี้ไม่เคยช่วยอะไรประชาชนเลย ตั้งแต่ยังเป็น กทช.แล้ว มาตรฐานของสัญญาให้บริการโทรคมนาคม 11 ประการ ที่ผ่านไป 6 ปีแล้ว ก็ยังไม่ได้บังคับใช้ วงโคจรดาวเทียมก็เกือบเสียไป เพราะมัวแต่โยนกันไปโยนกันมากับไอซีที บอกว่าไม่ใช่ส่วนที่ดูแล
       
        การประมูลคลื่อนความถี่ 3G ประมูลไปในราคาแพงๆแล้วประชาชนได้อะไร บอกแต่ว่ารัฐได้ประโยชน์มากขึ้น ผมว่าน่าจะเป็น รัฐได้เงินมากขึ้นมากกว่า แต่ไม่เห็นว่าจะออกมาระบุชัดเจนว่าประชาชนได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ อย่างราคาเพิ่มทุกล้านบาท ประชาชนได้ส่วนลดสิบสตางค์ หรือราคาเพิ่มอีกร้อยล้านบาท ทั้งหมู่บ้านได้รับสิทธิ์โทรฟรี แต่ก็ไม่เห็นมี ไม่เคยชี้แจงว่าได้ประโยชน์อะไร แล้วพอยิ่งแพง ภาระก็มาตกที่ผู้บริโภค ประชาชนก็ซวย ต้องจ่ายแพงมากขึ้น ตามต้นทุนที่เขาจ่ายไป
       
        ความถี่เป็นของประชาชน เหมือนเรามีที่นาอยู่ให้นายทุนเช่าไป พอได้ผลก็ต้องแบ่งข้าวกันคนละครึ่งถึงจะถูก แต่เปล่าเลยกลายเป็นว่านายทุนเอาที่นาเราไปทำ แต่เก็บผลประโยชน์ไว้กับนายหน้า ไม่ได้มาแบ่งให้เจ้าของนา ต้นทุนไม่เกิน 10 สตางค์ เอามาขายประชาชนเมกฯละบาท ได้กำไรเป็นสิบเท่า แต่ประชาชนไม่รู้ ตรงนี้ กสทช.นี่แหละต้องมากำกับดูแลไม่ให้ประชาชนโดนเอารัดเอาเปรียบ แต่นี่ก็เห็นเงียบเฉย”
       
        ถึงแม้ กสทช. เพิ่งจะเข้ามาทำงานแต่ก็สร้างผลงานและชื่อเสียงให้ประชาชนได้จดจำว่าเป็นองค์กรที่ดูแลกำกับในด้านวิทยุ โทรทัศน์ และการสื่อสาร ที่ครอบคลุมผลประโยชน์หลักๆของประเทศ ก็ไม่อยากจะด่วนสรุปตัดสินว่าองค์กรนี้ดีหรือไม่ดี เพราะคิดว่าประชาชนทุกคนคงรู้ดีว่าผลประโยชน์นั้นตกอยู่ที่ใครกันแน่
       
       ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE


 :19: http://astv.mobi/AKNhyDd
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2012, 12:54:51 pm »



๑๑) ทำลายความมั่นคงของสถาบันพุทธศาสนา
...แนวคิดของ กสทช. ที่ลดเสาสัญญาณและกำลังส่งของสถานีเช่นนี้ ทำให้พื้นที่กระจายเสียงของสถานีวิทยุที่ดีเนื้อหามีคุณภาพอย่างนี้ ต้องถดถอยลงไปอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะเป็นการบ่อนทำลายความมั่นคงของสถาบันพุทธศาสนา ซึ่งเป็นสถาบันศาสนาหลักของชาติแล้ว ยังบั่นทอนทรัพยากรมนุษย์ที่ถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาประเทศให้เสื่อมสิ้นลงไป ซึ่งมิอาจตีค่าความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงจากแนวคิดของ กสทช. ในครั้งนี้ให้เป็นตัวเงินได้ ...

๑๒ ) สถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน
...เป็นสถานีวิทยุที่ทำประโยชน์ให้กับโลกอย่างมากมาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีโฆษณาหารายได้แม้แต่วินาทีเดียว ออกอากาศตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของชาวพุทธที่มีใจเสียสละ อยากให้คนไทยได้รับฟังเสียงธรรมอันล้ำเลิศ เพื่อปลดเปลื้องตนออกจากทุกข์ได้...

๑๓) ทองคำ ๑๓ ตัน-ค้ำจุนเศรษฐกิจของชาติ
...จากพระธรรมเทศนาขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ออกอากาศทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนนี้เอง ที่ทำให้ประชาชนชาวไทยผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ร่วมแรงกายแรงใจเสียสละประโยชน์ส่วนตนมาช่วยชาติ ด้วยการนำทองคำที่สะสมมาทั้งส่วนตัวและของบรรพบุรุษ กราบถวายองค์หลวงตา เพื่อให้ไปสว่างไสวอยู่ในท้องพระคลัง ค้ำจุนเศรษฐกิจของชาติไปชั่วลูกชั่วหลาน....

๑๔) ทองคำเข้าสู่คลัง-ธรรมเข้าสู่ใจ
...การช่วยชาติครั้งนี้ พระหลวงตาเทศน์ไว้ว่า นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของชาติแล้ว การเทศนาว่าการของท่านในแต่ละแห่ง ได้ถูกนำมาถ่ายทอดทางสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนไปทั่วประเทศ ทำให้ผู้ฟังได้รับข้ออรรถธรรม นำเข้าสู่จิตใจ จะได้รู้เนื้อรู้ตัว จิตใจเกิดความสงบร่มเย็น เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน บ้านเมืองจะร่มเย็นเป็นสุขได้ด้วยธรรมเข้าสู่ใจ...

๑๕) หลวงตาอุ้มชาติ ศาสน์ กษัตริย์ - กสทช.สกัดวิทยุหลวงตา
...จริงๆแล้ว กสทช. ควรส่งเสริมสถานีฯเนื่องจากเนื้อหาการออกอากาศของสถานีเสียงธรรมเพื่อประชาชนเป็นกุศลธรรมยกระดับจิตล้วนๆ ซึ่งสถานีเกิดจากแรงศรัทธาของสาธุชนล้วนๆไม่ได้หารายได้กำไรผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น กสทช.ควรจะส่งเสริมให้มากๆ จึงจะเป็นการดีการชอบ ไม่ใช่มาข่มเหงรังแกให้ลดกำลังส่งลง...

๑๖) ยื่นหนังสือคัดค้าน กสทช.
...เครือข่ายเสียงธรรมเพื่อประชาชน-ประชาชน 151,767 คน ขอลงนามคัดค้าน ตามชื่อ-หมายเลขประจำตัวประชาชน และลายมือชื่อ ไม่ยอมรับร่างประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง เนื่องจากเป็นมหาภัยร้ายแรงต่อการรับฟังและปฏิบัติธรรมของประชาชนทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น...

๑๗) ปฏิญาณตน
...เฉพาะพระพักตร์พระบรมรูป พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระรูป พลเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน พระบิดาแห่งกิจการวิทยุกระจายเสียงไทย และเบื้องหน้าพระสงฆ์เถรานุเถระทั้งหลาย อันประชุมอยู่ ณ ที่นี้...

๑๘) ขอพึ่งพระบารมี
...ข้าพเจ้าทั้งหลาย เดินทางมาจากสารทิศ ประชุมรวมกันในที่นี้ ขอถวายสักการะ และขอพึ่งพระบารมีจากสองพระองค์
ล้นเกล้ารัชกาลที่ ๕ และพระราชโอรส ผู้ทรงพระมหากรุณาธิคุณ ในการพัฒนาการสื่อสาร รวมถึงวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย ด้วยมุ่งหวังประโยชน์สุข แห่งพสกนิกรในสยามประเทศ...

๑๙) เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน
.... ในปัจจุบันสมัย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ กสทช.จัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนในด้านต่าง ๆ
กฎหมายยังกำหนด ให้มีวิทยุ ๓ ประเภทเพื่อเอื้อต่อการจัดการ ให้สามารถปฏิรูปสื่อที่มีคุณภาพ เป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง ได้แก่
๑ วิทยุที่มุ่งโฆษณาหากำไร หรือวิทยุบริการธุรกิจ ส่วน ๒ และ ๓ เป็นวิทยุที่ไม่แสวงหากำไร ได้แก่ วิทยุบริการสาธารณะ และ วิทยุบริการชุมชน


๒๐) กสทช. ไม่เป็นธรรม
...แต่ กสทช.กลับไม่ใช้ความเป็นธรรม ดึงดันจะลดเสาลดกำลังส่ง แก่บรรดาวิทยุรายใหม่ แต่เอื้อประโยชน์แบบไร้ขอบเขต แก่วิทยุรายเก่า ให้ผูกขาดอำนาจรัฐไว้กับกลุ่มทุน เห็นแก่คนบางกลุ่มยิ่งกว่าชาติกว่าประชาชน
จนส่งผลกระทบร้ายแรง ต่อวิทยุทั้งหลายที่ดี ที่ไม่มีโฆษณา ได้กระจายเสียงสาระความรู้ เป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน...

ภาพ เหตุการณ์ทั้งหมด https://www.facebook.com/media/set/?set=a.325882337507238.73443.272363436192462&type=3

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.441460399232169.102828.100001046379172&type=1
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2012, 12:53:25 pm »



๑) ธรรมค้ำจุนโลก   
...เสียงธรรมเป็นเสียงที่ประเสริฐเลิศโลก เพราะทำคนให้พ้นจากทุกข์ได้ ยิ่งเสียงธรรมดังกัมปนาทกึกก้องไปไกลเท่าไร ก็ยิ่งทำให้คนฟังได้รับประโยชน์อย่างมากมาย ผิดกับเสียงกิเลสที่มีแต่ทำคนให้ไปตกนรกหมกไหม้
(   หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

๒) ปกป้องเสียงธรรม..เสียงของพ่อแม่ครูอาจารย์กรรมฐาน
...คณะสงฆ์และประชาชน ศิษย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน รวมตัวกันคัดค้านร่างประกาศ “หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง” ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
แถลงการณ์จากคณะศิษย์ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ ๒๒ ส.ค ๒๕๕๕

๓) ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ
....การต้องคัดค้านร่างประกาศของ กสทช. ฉบับนี้ เนื่องจากความไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ที่ส่อว่าจะขัดต่อเจตนารมณ์ของบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐

๔) หลักเกณฑ์ที่ กสทช. ร่างประกาศฉบับนี้
...จะทำให้เครือข่ายวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชน ฯ ซึ่งกระจายเสียงธรรมะ ของพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ต้องลดกำลังส่ง และลดความสูงของเสาลง ทำให้ผู้ที่เคยได้รับฟังส่วนใหญ่จะไม่สามารถรับฟังได้อีกต่อไป...

๕) กลายเป็นแค่หอกระจายข่าว
...กสทช.จะบังคับให้สถานีวิทยุชุมชนลดกำลังส่งจาก 10,000 วัตต์ ให้ลดลงเหลือเพียง 100 วัตต์ และลดความสูงของเสาส่งจาก 120 เมตร ให้เหลือเพียง 40 เมตร ซึ่งจะส่งผลให้การออกอากาศเป็นแค่หอกระจายข่าวของหมู่บ้านเท่านั้น...

๖) ไม่มีความเป็นธรรมในการจัดสรรคลื่นความถี่
... ด้วยร่างประกาศ กสทช. เรื่องหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียงโดยเฉพาะประเด็นมาตรฐานทางเทคนิค เป็นสิ่งปรากฏชัดแจ้งถึงแนวคิดในการจัดสรรคลื่นความถี่และการปฏิบัติหน้าที่ของ กสทช. ชุดปัจจุบันว่า ไม่มีความเป็นธรรมในการจัดสรรคลื่นความถี่ ขัดแย้งต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ส่งผลเสียหายต่อสถานีวิทยุเพื่อสังคมทั้งหลายที่ทุ่มเททำประโยชน์สาธารณะโดยไม่แสวงกำไรในทางธุรกิจ...

๗) รับฟังได้แต่ไม่ชัดเจน
...โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีวิทยุเพื่อสาธารณะด้านพุทธศาสนา เป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงทางศาสนาซึ่งเป็นสถาบันหลักหนึ่งของประเทศ เพราะทำให้ขอบเขตการกระจายเสียงของสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนและสถานีอื่นที่ทำหน้าที่เช่นเดียวกันนี้ลดลง เป็นผลให้พระป่าสายปฏิบัติรับฟังหลักธรรมคำสอนจากสถานีวิทยุเหล่านี้ไม่ได้หรือรับฟังได้แต่ไม่ชัดเจน

๘) หวังยึดเอาธรรมะเป็นที่พึ่ง
....พุทธศาสนิกชนจำนวนมหาศาลที่กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ของประเทศส่วนใหญ่ โดยเฉพาะคนชรา คนเจ็บไข้ ฯลฯ ที่ไม่สามารถไปวัดฟังธรรมได้ต้องสูญเสียโอกาสในการรับฟังธรรมะซึ่งอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของชีวิตแล้วก็เป็นได้ แม้กระนั้นการฟังธรรมะการยึดธรรมะจากหลักธรรมคำสอนเป็นที่พึ่งเพื่อถือปฏิบัติ และเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตที่ดี...

๙) ยกระดับจิตใจ
...เสียงธรรมะ ย่อมเป็นการยกระดับจิตใจ เป็นการเสริมสร้างพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาประเทศ ดังจะเห็นจากปรัชญาในการพัฒนาประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทย ที่ต่างมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพทั้งร่างกายและจิตใจของคนในประเทศทั้งสิ้น...


๑๐ ) ไม่เป็นการปฏิรูปสื่อ
...ร่างประกาศ กสทช. ฉบับนี้ ทำให้วงการศาสนาทุกศาสนาเดือดร้อนได้ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะธรรมยุติ มหานิกาย คริสต์ อิสลาม ร่าง ก.ม. นี้คลื่นวิทยุชุมชนอื่นๆ เช่น วิทยุบริการสาธารณะ เพื่อเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ผู้พิการ ก็ได้รับผลกระทบด้านลบเช่นเดียวกัน ร่าง กสทช.ฉบับนี้จึงส่อว่าขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและการปฏิรูปสื่อ เพราะการปฏิรูปสื่อ คือ ต้องให้ประชาชนได้ถือครองและจัดรายการซึ่งเนื้อหาที่เป็นคุณและสาธารณประโยชน์อย่างแท้จริง...
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2012, 12:45:43 pm »


























ศิษย์ “หลวงตามหาบัว” ชี้ กสทช.บีบวิทยุชุมชนขัด รธน. จี้เอาประโยชน์ ปชช.เป็นตัวตั้ง ในรายการ สภากาแฟ สภาประชาชน ( 23 ส.ค. 55 ) จาก astv

<a href="http://www.youtube.com/v/PfGGQ63CddI" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/PfGGQ63CddI</a>
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 10:09:44 pm »


พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.


แถลงการณ์ฉบับที่ ๑
เรื่อง ชี้แจงความจริงกรณีมีการให้ข่าวบิดเบือน

พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช.
มีการให้ข่าวบิดเบือนแก่หนังสือพิมพ์
โดยกล่าวให้ร้ายป้ายสี หรือกล่าวข้อมูลอันเป็นเท็จ
แก่พระกัมมัฏฐานลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ในกรณีดำเนินการเรื่องเสาสัญญาณสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ


อ่านรายละเอียดทั้งหมดได้ที่เว็บหลวงตา ข้างล่างนี้ครับ

http://www.luangta.com/info/news_text.php?cginews_id=446&type
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 10:03:34 pm »

สภาทนายความ มอบ เจษฎา อนุจารี ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง กสทช. หลังคณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาด มูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ ร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย กรณี จัดสรรคลื่นความถี่ไม่เป็นธรรม …

เมื่อวันที่ 22 ส.ค. นายสัก กอแสงเรือง นายกสภาทนายความ กล่าวว่า ตามที่คณะสงฆ์วัดป่าบ้านตาด ในนามมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน และผู้รับฟังสถานีวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนกว่า 3,000 คน ยื่นหนังสือเพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่สภาทนายความ เนื่องจากกรณีที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. จัดสรรคลื่นความถี่อันเป็นสาธารณะสมบัติของชาติอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสภาทนายความได้รับเรื่องร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายไว้แล้ว

เบื้องต้น ได้มอบหมายให้ นายเจษฎา อนุจารี อุปนายกฝ่ายนโยบายและแผนงานสภาทนายความ เป็นผู้รับผิดชอบ โดยจะแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงการดำเนินการของ กสทช. ในการจัดสรรคลื่นความถี่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่สาธารณชน และหากปรากฏข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องกับการกระทำที่เป็นความผิดทางอาญาก็จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในทางคดีอาญา อีกทั้งการดำเนินคดีทางปกครองหากพบว่ามีการกระทำทางปกครองที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย และละเมิดสิทธิประชาชนต่อไป.

ไทยรัฐออนไลน์
0000




กรรมการมูลนิธิเสียงธรรมเพื่อประชาชน พร้อมตัวแทนศูนย์ประสานงานเพื่อการปฏิรูปสื่อ …
ร้องเรียน “ASTVผู้จัดการออนไลน์” หลัง กสทช.ออกร่างหลักเกณฑ์วิทยุชุมชน กำหนดให้กำลังส่งไม่เกิน 100 วัตต์ เสาอากาศสูงไม่เกิน 40 เมตร ชี้ไม่เป็นธรรมเมื่อเทียบกับคลื่นหลัก กังขาเอื้อประโยชน์นายทุนหรือไม่ เตรียมประชุม 12 ส.ค….

“พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าวอีกว่า หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโณ อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด ผู้ล่วงลับเคยเทศน์ไว้ว่า วิทยุเป็นประโยชน์แก่โลก เสียงธรรมไม่ค่อยจะได้ยินกัน แต่ในวิทยุอื่นๆ มีแต่จะเสียงกิเลสท่วมท้น พูดง่ายๆ ว่าเสียงดนตรี เสียงเพลง เสียงธรรมไม่ค่อยมี แต่เสียงความบันเทิงท่วมท้นไปหมด เพราะฉะนั้นพอจะมีเสียงธรรมก็ถูกกลั่นแกล้ง กีดกัน อ้างร่างกฎหมายมาบังคับไม่ให้ออกอากาศ ต่อมาก็บังคับความสูง ความต่ำของวิทยุ ท่านบอกว่าเรื่องเหล่านี้ท่านสังเวชมาก เพราะเสียงธรรมที่จะเป็นประโยชน์แก่โลกไม่ค่อยมี กลีบมีแต่เสียงกิเลสตัณหา เสียงฟืนเสียงไฟทั่วไปหมด เป็นอันตรายต่อโลกกลับไม่ประกาศ กฎหมายข้อใดก็ไม่แสดงออกมาที่จะคอยบอกว่าให้มีความพอดีหรือไม่ กสทช.กลับมาตั้งมาตรฐานเช่นนี้ ตนในฐานะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว เห็นว่า กสทช.กำลังทำสิ่งที่เป็นอันตรายแก่โลกอย่างมาก”


<a href="http://www.youtube.com/v/o26h_jfWB_I" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/o26h_jfWB_I</a>

<a href="http://www.youtube.com/v/fAKKQCsHNB4" target="_blank" rel="noopener noreferrer" class="bbc_link bbc_flash_disabled new_win">http://www.youtube.com/v/fAKKQCsHNB4</a>
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 10:02:39 pm »




ศิษย์ "หลวงตามหาบัว" ชี้กสทช.บีบวิทยุชมชนขัดรธน. จี้เอาประโยชน์ปชช.เป็นตัวตั้ง

ศิษย์ "หลวงตามหาบัว" จี้กสทช.ทบทวนหลักเกณฑ์ลดกำลังส่งคลื่นวิทยุชุมชนแบบเหมารวม ชี้เป็นการขัดรัฐธรรมนูญชัดเจน เพราะเอาคลื่นหลักเป็นตัวตั้งแทนที่จะตัดสินจากการทำประโยชน์ให้สาธารณะ ด้าน "ปานเทพ" ซัดกสทช.จิตใจคับแคบมองเงินเป็นหลัก ระบุปฏิรูปสื่อไม่ได้ก็ปฏิรูปประเทศไม่ได้
      
       วันที่ 22 ส.ค. คณะลูกศิษย์หลวงตามหาบัว ประกอบด้วย พระครูอรรถกิจนันทคุณ (พระอาจารย์นพดล) พระครูนิรมิตวิยากร (พระอาจารย์วิทยา) พระครูวัชรธรรมาจารย์ (พระอาจารย์จิรวัฒน์) พระอาจารย์รัฐวีร์ ฐิตวีโร และ ผศ.ดร.สุรศักดิ์ ศิริพรอดุลศิลป์ นักวิชาการ พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ร่วมสนทนาในรายการ "คนเคาะข่าว" ถึงกรณี "กสทช.บีบสเปกวิทยุชุมชน"
      
       จากกรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ออกร่างประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง ที่พบว่า ได้กำหนดให้กำลังส่งของวิทยุกระจายเสียง สำหรับกิจการบริการสาธารณะ กิจการบริการชุมชน และกิจการทางธุรกิจ ไม่เกิน 100 วัตต์ และความสูงของเสาอากาศ วัดจากระยะพื้นดินที่ตั้งเสาอากาศไม่เกิน 40 เมตร โดยไม่นำกฎเกณฑ์นี้ไปบังคับใช้กับคลื่นหลักด้วย จึงมองว่าไม่มีความเป็นธรรมต่อสถานีวิทยุที่สร้างประโยชน์ให้แก่สาธารณะ
      
       โดยพระอาจารย์นพดล กล่าวว่า ก่อนนี้เราค้านไปหลายครั้งแล้ว แต่ดูไม่มีท่าทีดีขึ้น วันนี้เลยนำรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงชื่อคัดค้าน 1.5 แสนคน ไปยื่นกสทช.โดยเสนอให้จัดประเภทสถานีแบบเอาประโยชน์ต่อสาธารณะเป็นหลัก แต่หากเป็นแบบเดิมนั้นขัดกฎหมาย ไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ประชาชน
      
       พระครูนิรมิตวิยากร กล่าวว่า ที่คัดค้านเรื่องนี้เพราะอยากเห็นกสทช.จัดสรรคลื่นวิทยุอย่างลงตัว เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะจริงๆ จะได้ปฏิรูปสื่อได้สำเร็จ ไม่ได้มุ่งหวังทำเพื่อสถานีวิทยุเสียงธรรม แต่อยากเห็นความถูกต้องความเป็นธรรม
      
       แล้วนี่เห็นว่าพอเราเรียกร้องไม่เอา 100 วัตต์ เลยจะเพิ่มให้เป็น 500 วัตต์ นั่นมันไม่ใช่เหตุผล แล้วไม่มีทางทำได้ที่จะให้ทุกสถานีมีกำลังส่งเท่ากันหมด ทำไมกสทช.ถึงไม่ส่งเสริมรายการที่มีคุณภาพ ตามที่รัฐธรรมนูญเขียนไว้ นั่นเป็นหน้าที่ของกสทช. ไม่ต้องให้พระมาพูด
      
       ส่วนเรื่องคลื่นรบกวน แทนที่จะดูว่าสถานีไหนรบกวนก็เรียกมาปรับปรุงเป็นรายๆไป ไม่เช่นนั้นสถานีที่ทำดีๆอยู่แล้วก็พลอยเสียไปด้วย
      
       พระอาจารย์รัฐวีร์ กล่าวว่า ควรมองทุกสถานีเสมอกันก่อน ทั้งคลื่นหลักและที่เกิดใหม่ แล้วค่อยแบ่งตามคุณภาพ ว่าคลื่นไหนทำประโยชน์อย่างแท้จริง สถานีเสียงธรรมอยู่มาเป็น 10 ปี ไม่เกิดปัญหา กสทช.โผล่มาไม่ถึงปีความวุ่นวายเกิดขึ้นแล้ว นี่แค่สถานีเดียวรวบรวมรายชื่อได้ถึงกว่า 1.5 แสนคน ถ้ารวมสถานีอื่นด้วยคงเยอะกว่านี้มาก
      
       จากนั้นนายนายสุรศักดิ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมในแง่กฎหมายว่า รัฐธรรมนูญปี 50 ได้พูดถึงเรื่องการปฏิรูปสื่อไว้ในมาตรา 47 ดังนี้ "วรรคแรก คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรการสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ
      
       วรรคสอง ให้มีองค์กรของรัฐที่เป็นอิสระทำหน้าที่จัดสรรคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่งและกำกับดูแลวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ทั้งนี้ตามที่กฎหมายบัญญัติ
      
       วรรคสาม การดำเนินการตามวรรคสองต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของประชาชนทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น ทั้งในการศึกษา วัฒนธรรม ความมั่นคงของรัฐและประโยชน์สาธารณะอื่น รวมทั้งการแข่งขันอย่างเสรีเป็นธรรม รวมทั้งต้องจัดให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วม ในการดำเนินการสื่อมวลชนสาธารณะ"
      
       ซึ่งที่กล่าวมา วิทยุแสงธรรมเข้าข่ายตามรัฐธรรมนูญหมดเลย เราต้องมานิยามกันใหม่ตามหลักของการปฏิรูปสื่อ คลื่นหลักไม่ได้หมายความว่าคลื่นที่ได้รับสัมปทานเดิมจากรัฐ แต่ต้องเป็นคลื่นที่ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเปล่า ต้องมาดูว่าสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 47 หรือเปล่า เพราะถ้าเอาความคิดเดิมๆ คลื่นหลักคือคลื่นที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ มันเป็นการปฏิรูปตรงไหน
      
       วรรคสี่ ยังระบุด้วยว่า "การกำกับการประกอบกิจการตามวรรคสองต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการควบรวม การครองสิทธิข้ามสื่อ หรือการครอบงำ ระหว่างสื่อมวลชนด้วยกันเองหรือโดยบุคคลอื่นใด ซึ่งจะมีผลเป็นการขัดขวางเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารหรือปิดกั้นการได้รับข้อมูลข่าวสารที่หลากหลายของประชาชน"
      
       การลดกำลังส่งสถานีวิทยุเสียงธรรมจาก 10,000 วัตต์ เหลือ 100 วัตต์ คำนวณแล้วพื้นที่กระจายเสียงหายไป 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ อย่างนี้ถือเป็นการขัดขวางเสรีภาพและปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนหรือเปล่า แล้วที่ประชาชนทั่วไปเข้าใจกันว่าสถานีวิทยุ 7 พันกว่าแห่งที่เกิดขึ้นเป็นวิทยุชุมชน จริงๆแล้วนิยามของวิทยุชุมชน ต้องไปดูที่พรบ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2251 มาตรา 10 ได้แบ่งประเภทวิทยุเป็น 3 ประเภท 1.บริการสาธารณะ 2.บริการชุมชน และ 3.ภาคธุรกิจ
      
       ฉะนั้นถ้าจะให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์การปฏิรูปสื่อ ตามมาตรา 47 ต้องพิจารณาว่า 7 พันกว่าสถานี อันไหนเป็นประเภทไหนก่อน ค่อยดูว่าแต่ละประเภทควรมีกระบวนการควบคุม ให้ใบอนุญาตอย่างไร ถึงจะถูกต้องและเป็นธรรม
      
       ปรัชญาการตั้งวิทยุสาธารณะประเภทบริการสาธารณะและบริการชุมชน ห้ามมีโฆษณา แต่ส่วนของวิทยุภาคธุรกิจสามารถมีได้ ฉะนั้นไม่ต้องบังคับเรื่องกำลังส่ง มันจะอยู่ได้หรือไม่ได้ด้วยตัวของมันเอง เพราะทำสถานีวิทยุต้องใช้เงินทั้งนั้น แล้วนี่ถูกบีบทั้งไม่ให้มีโฆษณาแล้วยังมาบีบกำลังส่งอีก
      
       นายปานเทพ กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนคำว่าคลื่นหลักไว้เลย ตามมาตรา 47 เขียนไว้ว่า คลื่นความถี่ที่ใช้ในการส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และวิทยุโทรคมนาคม เป็นทรัพยากรการสื่อสารของชาติ เพื่อประโยชน์สาธารณะ นอกจากนี้ ตามมาตรา 305 กำหนดไว้ชัดเจนว่ากสทช. ต้องไม่ดำเนินการที่กระทบกระเทือนการอนุญาต สัมปทานหรือสัญญาที่ชอบด้วยกฎหมายที่ได้กระทำขึ้นก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้จนกว่าการอนุญาตสัมปทานหรือสัญญานั้นจะสิ้นผล
      
       และไม่ได้ห้ามเลยว่าห้ามคลื่นที่เกิดขึ้นใหม่มาทาบรัศมีเท่าคลื่นที่ได้สัมปทานไปแล้ว การทำแบบนี้ของกสทช.จะปฏิรูปสื่อได้อย่างไร เพราะคลื่นที่ได้สัมปทานเดิมเต็มไปด้วยสถานีวิทยุเพลง ทั้งๆที่ควรจะยึดประโยชน์สาธารณะเป็นเป้าหมายสูงสุด เมื่อปฏิรูปสื่อไม่ได้ ก็ปฏิรูปประเทศไม่ได้
      
       กสทช.เที่ยวนี้มีจิตใจคับแคบเกินไป ไม่สามารถแบ่งแยกได้ว่าอะไรเป็นประโยชน์ต่อประชาชน เอาใจแต่คลื่นหลัก แล้วพยายามกำจัดกลุ่มธุรกิจรายเล็กรายย่อย ทั้งที่ความเป็นจริง ต้องเปิดให้แข่งขันกันได้อย่างเป็นธรรม แล้วเอาประโยชน์สาธารณะเป็นตัวตั้ง แต่นี่กลับยึดเงินเป็นตัวตั้ง

เพิ่มเติม  http://astv.mobi/A4pHxMS

คลิปครับ http://www.manager.co.th/vdo/defaultrun.aspx?NewsID=5550000109224

http://www.manager.co.th/vdo/defaultrun.aspx?NewsID=5550000109225
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 10:01:41 pm »




“ศิษย์หลวงตามหาบัว” ยื่นหนังสือต้าน กสทช.กำหนดสเปก วิทยุชุมชน”


วันนี้ (22 ส.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีกลุ่มพระสงฆ์นับร้อยรูป และกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่ง มารวมตัวเพื่อยื่นหนังสื่อต่อกสทช. เรื่องรายชื่อประชาชนที่ไม่ยอมรับร่างประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง

พระครูอรรถกิจนันทคุณ วัดป่าคอยสืบงา จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า จุดประสงค์ที่มายื่นหนังสือต่อกสทช. เพื่อขอให้ยุติร่างประกาศหลักเกณฑ์การอนุญาตทดลองประกอบกิจการกระจายเสียง เนื่องจากมองว่าการแก้ไขเรื่องกำลังส่งคลื่นไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะหลักสำคัญอยู่ที่มาตรฐานทางเทคนิคตามประเภทของการประกอบกิจการวิทยุ ซึ่งวันนี้ถ้าไม่มีความคืบหน้าหรือคำตอบจากกสทช. จะมีการวิเคราะห์สถานการณ์อีกครั้ง ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะมารวมตัวเพื่อรอฟังคำตอบที่กสทช.เช่นเดิม

“การเผยแพร่ธรรมะเป็นกิจของสงฆ์ โดยคลื่นวิทยุเป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ศาสนา ซึ่งตอนตั้งสถานีวิทยุพระก็เป็นผู้ทำ ดังนั้นหากพระไม่รักษาและใครจะเป็นคนเรียกร้อง” พระครูอรรถกิจนันทคุณ กล่าว

รายการพลังพลเมือง จึงได้รับเกียรติสัมภาษณ์ กลุ่มศิษย์หลวงตามหาบัว ชี้แจงความจริง … ขอขอบคุณ พระครูอรรถกิจนันทคุณ วัดป่าคอยสืบงา จ.กำแพงเพชร และกลุ่มศิษย์หลวงตามหาบัว ด้วยนะครับ

  :19:  http://www.thaitvd.tv/home/?p=2796


ติดตามฟังได้ ตั้งแต่ นาทีที่ 18.41

http://www.youtube.com/watch?v=t8YymSmzA8U#
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 10:00:06 pm »











วันพฤหัสบดีที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ นี้
กสทช. นัดแถลงข่าวเรื่องผลการประชุมคัดค้าน
ของคณะศิษยานุศิษย์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
ที่มาชุมนุมคัดค้านร่างประกาศ กสทช.ฯ
ในกรณีสั่งให้ลดสัญญาณวิทยุ คลื่น ๑๐๓.๒๕ MHZ
“เสียงธรรมเพื่อประชาชน” จาก ๑,๐๐๐ กิโลวัตต์
เหลือเพียงไม่เกิน ๑๐๐ กิโลวัตต์
ขอเชิญชวนทุกท่านติดตามความคืบหน้าเป็นระยะๆ นะค่ะ


จาก เว็บ ธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?t=42897
ข้อความโดย: มดเอ๊กซ
« เมื่อ: สิงหาคม 24, 2012, 09:59:26 pm »





บรรยากาศ...พ่อแม่ครูบาอาจารย์นำพาคณะศิษย์
มาชุมนุมคัดค้านร่างประกาศ กสทช. ฯ
ณ สำนักงาน กสทช. ซ.สายลม เขตพญาไท กรุงเทพฯ


-----------------------------------------

พระพุทธเจ้าแท้ ธรรมแท้อยู่ที่ใจ
การเฝ้าดูใจตนเองด้วยสติปัญญา
คือการเฝ้าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์อย่างแท้จริง

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

-----------------------------------------

เพื่อนๆ ว่า “ยุคมืด” ยุคที่คนดีจะถูกเหยียบย่ำ คนชั่วจะได้รับยกย่อง มาถึงหรือยังครับ ???

กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยจะถอยจม
สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=41199