ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กันยายน 26, 2012, 01:04:12 pm »อาศัยกิเลส บำเพ็ญบารมี
:สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
และแม้ว่าเวลาบังเกิดกิเลสขึ้น เช่นเกิดราคะความติดใจยินดี
โทสะความโกรธแค้นขัดเคือง โมหะความหลงหรือเกิดความโลภอยากได้
เกิดตัณหาความดิ้นรนทะยานอยากต่าง ๆ ก็ปฏิบัติระงับใจตัวเอง
มั่นคงอยู่ในศีลที่จะไม่ประพฤติละเมิดไปตามอำนาจของกิเลส
เว้นจากการฆ่าการทำร้ายเขาได้
เว้นจากการลักขโมยเขาได้
เว้นจากประพฤติผิดประเพณีในทางกามได้
เว้นจากพูดเท็จได้
เว้นจากน้ำเมาคือสุราเมรัย
อันเป็นฐานของความประมาทได้เป็นต้น
คือแปลว่าเว้นใจตัวเองได้ เว้นกิเลสในใจของตัวเองได้
มีความอดทนเอาไว้ไม่ปล่อยกิเลสออกไปให้เป็นกรรมที่เป็นบาปเป็นอกุศล
เบียดเบียนตนเองและผู้อื่นให้เดือดร้อน
ประกอบด้วยใช้สติ ใช้ปัญญา
ใช้ความอดทน วางใจลงไปให้เป็นอุเบกขาให้ได้
คือทำตนมัธยัสถ์เป็นกลาง
ไม่ยอมให้ฝ่ายยินดีหรือยินร้ายดึงเอาไป
ดั่งนี้ก็เป็นการบำเพ็ญบารมี
เวลาโกรธขึ้นมาก็ปฏิบัติดับโกรธให้ได้
ก็เป็นการบำเพ็ญบารมีกันอย่างหนึ่งๆ
โลภอะไรขึ้นมาเมื่อเป็นสิ่งที่ไม่สมควรก็ปฏิบัติดับโลภได้
ดับได้ทีหนึ่งก็เป็นการเพิ่มบารมีขึ้นทีหนึ่ง
เพราะฉะนั้น จึงสามารถที่จะบำเพ็ญบารมี
หรือความดีได้ในทุกโอกาส
ได้ในทุกขณะ ได้ในทุกสถานที่
: สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
-http://www.mahayana.in.th/tsavok/tsavok.html
.....................................................
ทุกข์ใดดับได้ด้วยปัญญา ทุกข์นั้นจะไม่เกิดอีก