ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: กันยายน 26, 2012, 09:57:58 pm »“ไหว้พระจันทร์” ตำนานสืบสานความกตัญญู
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000118091-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
26 กันยายน 2555 18:23 น.
ชาวจีนนั้นมีขนมธรรมเนียมในการไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ และยังรวมไปถึงไหว้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูที่มนุษย์มีต่อธรรมชาติ เป็นการขอบคุณที่ทำให้ได้อยู่ดีมีสุข และเจริญรุ่งเรือง
ในวันเพ็ญเดือนแปดตามปฏิทินจีน ก็มีการไหว้เช่นเดียวกัน เป็นหนึ่งใน 8 สารทใหญ่ของชาวจีนในแต่ละปี ซึ่งการไหว้ครั้งนี้ก็คือ “ไหว้พระจันทร์” หรือจะเรียกว่า “เทศกาลจงชิว” ซึ่งเป็นช่วงที่พระจันทร์สว่างไสวงดงามโดยวันไหว้พระจันทร์ปีนี้ ตรงกับวันที่ 30 ก.ย.
สำหรับคนจีนมีความเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นตัวแทนของเพศหญิง มีความนุ่มนวล สงบร่มเย็น และยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรัก อันน่าจะมีที่มาจากตำนานความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้พระจันทร์ บ้างก็ว่า ฉางเอ๋อ หญิงงามนางหนึ่ง ได้กินยาวิเศษเข้าไป ก็สามารถเหาะเหินขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ จากนั้นก็กลายเป็นอมตะ และเป็นเทพธิดาแห่งพระจันทร์ เล่ากันว่านางเป็นเทพธิดาที่มีความเมตตาอย่างมาก เมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูกก็จะพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลก ทำให้ชาวไร่ชาวนามีน้ำในการเพาะปลูก ผู้คนจึงแสดงความกตัญญูต่อเทพธิดาด้วยการทำขนมพิเศษเพื่อนำไปเป็นเครื่องสักการะ
หรือจะเป็นเรื่องเล่าที่ว่า ศิษย์ของโฮ่วอี้ชื่อ เฝิงเหมิ่ง อิจฉาฝีมือการยิงธนูของโฮ่วอี้มาก คอยคิดแต่จะสังหารโฮ่วอี้ อยู่มาวันหนึ่ง เฝิงเหมิ่งถือโอกาสตอนที่โฮ่วอี้ออกไปล่าสัตว์บังคับให้ฉังเอ๋อ ภรรยาของโฮ่วอี้มอบยาอายุวัฒนะให้แก่ตนเอง แต่ฉังเอ๋อไม่ยอม โดยกินยาอายุวัฒนะที่มีอยู่ทั้งหมดลงท้องไป ผลก็คือ ร่างของเธอเบา และลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ในที่สุด นับแต่นั้นมา บนดวงจันทร์ก็ปรากฏนางฟ้าผู้งดงามและจิตใจดีเช่นฉังเอ๋อนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีตำนานที่แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีแนวคิดหลักคือความงดงามและจิตใจที่เมตตาของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ จึงกลายเป็นธรรมเนียมที่จะต้องสักการะ แสดงความกตัญญูต่อดวงจันทร์
อีกความเชื่อที่นับว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นมาของชนชาติจีนด้วยก็คือ ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน จักรพรรดิเจงกีสข่าน แห่งอาณาจักรมองโกล ได้เข้ามายึดครองแผ่นดินจีน และปกครองชาวจีนอย่างเข้มงวดและเผด็จการ ส่งผลให้ชาวจีนที่ถูกกดดันหลายๆ กลุ่มก่อตั้งขบวนการเพื่อปฏิวัติ และมีการนัดหมายวันปฏิวัติโดยมีอุบายจัดงานไหว้พระจันทร์ขึ้น และทำขนมก้อนใหญ่ มีไส้หนาๆ มอบให้แก่ญาติมิตร ซึ่งข้างในไส้นั้นมีจดหมายนัดแนะกำหนดเวลา เมื่อถึงช่วงเวลาตามนัด ชาวจีนต่างก็ร่วมกันต่อสู้และสามารถกู้เอกราชกลับคืนมาได้ นับจากนั้น เทศการไหว้พระจันทร์ก็ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษ
แต่ไม่ว่าจะมีตำนานความเป็นมาเช่นไร “การไหว้พระจันทร์” ก็เป็นเทศกาลที่รวบรวมญาติมิตรพี่น้องให้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นับว่าเป็นเทศกาลแห่งความกลมเกลียวของครอบครัว
-http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9550000118091-
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
26 กันยายน 2555 18:23 น.
ชาวจีนนั้นมีขนมธรรมเนียมในการไหว้พระ ไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ และยังรวมไปถึงไหว้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ซึ่งแสดงถึงความกตัญญูที่มนุษย์มีต่อธรรมชาติ เป็นการขอบคุณที่ทำให้ได้อยู่ดีมีสุข และเจริญรุ่งเรือง
ในวันเพ็ญเดือนแปดตามปฏิทินจีน ก็มีการไหว้เช่นเดียวกัน เป็นหนึ่งใน 8 สารทใหญ่ของชาวจีนในแต่ละปี ซึ่งการไหว้ครั้งนี้ก็คือ “ไหว้พระจันทร์” หรือจะเรียกว่า “เทศกาลจงชิว” ซึ่งเป็นช่วงที่พระจันทร์สว่างไสวงดงามโดยวันไหว้พระจันทร์ปีนี้ ตรงกับวันที่ 30 ก.ย.
สำหรับคนจีนมีความเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นตัวแทนของเพศหญิง มีความนุ่มนวล สงบร่มเย็น และยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรัก อันน่าจะมีที่มาจากตำนานความเชื่อเกี่ยวกับการไหว้พระจันทร์ บ้างก็ว่า ฉางเอ๋อ หญิงงามนางหนึ่ง ได้กินยาวิเศษเข้าไป ก็สามารถเหาะเหินขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์ จากนั้นก็กลายเป็นอมตะ และเป็นเทพธิดาแห่งพระจันทร์ เล่ากันว่านางเป็นเทพธิดาที่มีความเมตตาอย่างมาก เมื่อถึงฤดูกาลเพาะปลูกก็จะพรมน้ำอมฤตลงมาบนพื้นโลก ทำให้ชาวไร่ชาวนามีน้ำในการเพาะปลูก ผู้คนจึงแสดงความกตัญญูต่อเทพธิดาด้วยการทำขนมพิเศษเพื่อนำไปเป็นเครื่องสักการะ
หรือจะเป็นเรื่องเล่าที่ว่า ศิษย์ของโฮ่วอี้ชื่อ เฝิงเหมิ่ง อิจฉาฝีมือการยิงธนูของโฮ่วอี้มาก คอยคิดแต่จะสังหารโฮ่วอี้ อยู่มาวันหนึ่ง เฝิงเหมิ่งถือโอกาสตอนที่โฮ่วอี้ออกไปล่าสัตว์บังคับให้ฉังเอ๋อ ภรรยาของโฮ่วอี้มอบยาอายุวัฒนะให้แก่ตนเอง แต่ฉังเอ๋อไม่ยอม โดยกินยาอายุวัฒนะที่มีอยู่ทั้งหมดลงท้องไป ผลก็คือ ร่างของเธอเบา และลอยขึ้นไปสู่ดวงจันทร์ในที่สุด นับแต่นั้นมา บนดวงจันทร์ก็ปรากฏนางฟ้าผู้งดงามและจิตใจดีเช่นฉังเอ๋อนี้
นอกจากนี้ก็ยังมีตำนานที่แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็ยังมีแนวคิดหลักคือความงดงามและจิตใจที่เมตตาของเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ จึงกลายเป็นธรรมเนียมที่จะต้องสักการะ แสดงความกตัญญูต่อดวงจันทร์
อีกความเชื่อที่นับว่าเกี่ยวข้องกับความเป็นมาของชนชาติจีนด้วยก็คือ ช่วงหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน จักรพรรดิเจงกีสข่าน แห่งอาณาจักรมองโกล ได้เข้ามายึดครองแผ่นดินจีน และปกครองชาวจีนอย่างเข้มงวดและเผด็จการ ส่งผลให้ชาวจีนที่ถูกกดดันหลายๆ กลุ่มก่อตั้งขบวนการเพื่อปฏิวัติ และมีการนัดหมายวันปฏิวัติโดยมีอุบายจัดงานไหว้พระจันทร์ขึ้น และทำขนมก้อนใหญ่ มีไส้หนาๆ มอบให้แก่ญาติมิตร ซึ่งข้างในไส้นั้นมีจดหมายนัดแนะกำหนดเวลา เมื่อถึงช่วงเวลาตามนัด ชาวจีนต่างก็ร่วมกันต่อสู้และสามารถกู้เอกราชกลับคืนมาได้ นับจากนั้น เทศการไหว้พระจันทร์ก็ถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของบรรพบุรุษ
แต่ไม่ว่าจะมีตำนานความเป็นมาเช่นไร “การไหว้พระจันทร์” ก็เป็นเทศกาลที่รวบรวมญาติมิตรพี่น้องให้มาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา นับว่าเป็นเทศกาลแห่งความกลมเกลียวของครอบครัว