ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: ตุลาคม 07, 2012, 04:22:23 pm »ธั ม ม จั ก กั ป ป วั ต ต น สู ต ร
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ที่สุด สองอย่างนี้ อันบรรพชิต ไม่ควรเสพ คือ
การประกอบ ตนให้ พัวพันด้วย กามสุข ในกาม ทั้งหลาย ๑
การประกอบ ความเหน็ดเหนื่อย แก่ตน เป็น ความลำบาก ๑
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา สายกลาง ไม่เข้า ไปใกล้ ที่สุด
สอง อย่างนั้น นั่น ตถาคต ได้ตรัสรู้ แล้วด้วย ปัญญาอันยิ่ง
ทำ ดวงตา ให้เกิด ทำญาณให้เกิด
ย่อมเป็นไป เพื่อ ความสงบ เพื่อ ความรู้ยิ่ง
เพื่อ ความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน...
ปฏิปทา สายกลาง นั้น ได้แก่ อริยมรรค มีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญา อันเห็นชอบ ๑ ความ ดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยง ชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑
ดูกร ภิกษุ ทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็น ทุกขอริยสัจ คือ
ความเกิด ก็ เป็นทุกข์
ความแก่ ก็ เป็นทุกข์
ความ เจ็บไข้ ก็เป็นทุกข์
ความ ตายก็ เป็นทุกข์
ความประจวบ ด้วย สิ่งที่ไม่ เป็น ที่รักก็ เป็นทุกข์
ความ พลัดพราก จากสิ่ง เป็น ที่รักก็ เป็นทุกข์
ปรารถนา สิ่งใด ไม่ได้ สิ่งนั้นก็ เป็นทุกข์
โดย ย่นย่อ คือ "อุปาทาน ขันธ์ ๕ เป็น ทุกข์"
ดูกร ภิกษุ ทั้งหลาย ข้อนี้ แลเป็น ทุกข สมุทัย อริยสัจ คือ
ตัณหาอันทำให้เกิดอีก ประกอบด้วย
ความ กำหนัด ด้วย อำนาจ ความเพลิน
มี ปกติ เพลิดเพลินใน อารมณ์นั้นๆ คือ
กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา
ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้ แลเป็น ทุกข นิโรธ อริยสัจ คือ
ตัณหา นั่น แลดับ โดยไม่เหลือ ด้วยมรรค คือ
วิราคะ สละ สละคืน ปล่อยไป ไม่พัวพัน
ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ข้อนี้แลเป็น ทุกข นิโรธคา มินี ปฏิปทาอริยสัจ
คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ นี้แหละ คือ
ปัญญาอันเห็นชอบ ๑ ความดำริชอบ ๑ เจรจาชอบ ๑ การงานชอบ ๑
เลี้ยง ชีวิตชอบ ๑ พยายามชอบ ๑ ระลึกชอบ ๑ ตั้งจิตชอบ ๑
มหาวิ.วิ. ๔/๑๕/๑๓
-http://www.facebook.com/พระพุทธเจ้า