ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2012, 05:38:30 am »โกรธเขาแล้วเราได้อะไร
-http://hilight.kapook.com/view/78000-
โกรธเขาแล้วเราได้อะไร (ใยไหม)
ความโกรธที่มีอยู่ในจิตใจนั้น มักแฝงอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ปกติ แต่เมื่อใดที่เผลอใจให้ความเกลียดชังผ่านเข้ามา ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ก็จะปรากฏตัวเผยโฉม เพื่อลดคุณค่าของชีวิตเอง และเป็นสัญลักษณ์ฟ้องความด้อยค่าในตัวเรา
"การระบายความก้าวร้าวถือว่าเป็นคำแนะนำที่อันตราย"
เป็นคำอธิบายนิยามของความโกรธด้วยใจความสั้น ๆ แต่ครอบคลุมผลลัพธ์ทางความรู้สึกได้ชัดเจน โดยการวิจัยของนักวิจัยทางสังคมในสหรัฐอเมริกาสรุปใจความได้ว่า "การพยายามระบายความโกรธด้วยการทุบตีหมอนหรือวัตถุอะไรก็ตามไม่ได้ ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง"
เพราะเมื่อทบทวนอารมณ์ของความโกรธที่ผุดขึ้นมาในใจของคนเรา ล้วนแต่ทำให้ชีวิตเป็นไปในทางที่เลวร้ายเป็นส่วนมาก มองในมุมใดก็เห็นแต่เพียงความด้อยค่า อันเนื่องมาจากความเกรี้ยวกราดทางอารมณ์ที่ผุดขึ้น
เมื่อใดที่จิตใจของเราเกิดความเร่าร้อนจากความคุกรุ่นทางอารมณ์ ความรู้สึกบาดหมางทางใจย่อมถูกกระพือขึ้น เพื่อแสดงความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน ซึ่งเรามักเข้าใจว่านั่นเป็นการระบาย หรือตอบโต้ความต้องการของตัวเองให้จบลง
ทว่าความจริงกลับน่าเศร้ายิ่งกว่า เพราะความโกรธที่ประทุขึ้นในใจและแสดงผ่านการกระทำของเรามักฟ้องความด้อยค่าของชีวิตเสมอ ทำให้จิตของเราเพี้ยนจากอารมณ์ปกติในแต่ละขณะ
ความโกรธที่มีอยู่ในจิตใจนั้น มักแฝงอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ปกติ แต่เมื่อใดที่เผลอใจให้ความเกลียดชังผ่านเข้ามา ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ก็จะปรากฏตัวเผยโฉมเพื่อลดคุณค่าของชีวิตลง และเป็นสัญลักษณ์ฟ้องความด้อยค่าในตัวเรา
ความโกรธหรือความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในใจองคนเราเปรียบเช่นกับฝุ่นผงที่มีอยู่ในบ้านที่เราอาศัย ตราบใดยังไม่ทำความสะอาด ฝุ่นละอองที่มีอยู่ก็จะทับถม และรอวันเวลาที่จะทวีคูณขึ้นตามลำดับแห่งการสั่งสม ย่อมทำให้บ้านเต็มไปด้วยละอองแห่งมลภาวะ
ทำให้เราผู้อาศัยได้รับเชื้อแห่งความหมองมัว กระทั่งก่อเป็นความเลวร้ายทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อวันหนึ่งเรารู้ว่าบ้านนั้นสกปรก และใช้เครื่องมือดูดฝุ่นผงให้หมดไป สิ่งที่ตามมาก็คือความสะอาดของบ้าน และความบริสุทธิ์แห่งอากาศที่เราสูดดม
การดำรงชีวิตแต่ละขณะก็เช่นเดียวกัน ตราบใดที่เรายังไม่ฝึกจิตใจให้มีสติเพื่อกำหนดรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา สิ่งเหล่านั้นก็มักจะแฝงตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ เสมือนหนึ่งว่าไม่สามารถทำให้เรามีปัญหาได้ แต่เมื่อวันหนึ่งอารมณ์ในทางลบของจิตถูกกระตุ้น และมีพลังที่มากพอในการครอบงำใจเรา จิตที่ไม่เคยฝึกควบคุมอารมณ์ย่อมทำให้เราตรอมตรมได้เสมอ
โดยเฉพาะความโกรธที่ฝังตัวอยู่ข้างในจิตใจ ทุกครั้งที่แสดงตัวตนออกมา ย่อมนำชีวิตก้าวไปสู่ความร้าวฉานทางอารมณ์ และการแตกหักแห่งมิตรภาพระหว่างคนที่รู้จัก ทำให้ความงดงามที่พึงมีในตน และคนรอบข้างปิดฉากลง เพราะความโกรธเป็นเจ้านายคอยบังคับบัญชา
แต่ถ้าเรามีสติในการเกี่ยวข้องกับความรู้สึกเกลียดชังอยู่บ่อย ๆ จิตใจที่ดีย่อมมีโอกาสช่วยบรรเทาความรู้สึกที่เลวร้ายให้เบาบางลง กระทั่งสามารถทำให้ความรู้สึกที่เดือดดาลในใจลดลง และกลับคืนสู่ภาวะปกติได้
เปรียบคนที่สามารถบำบัดความรู้สึกโกรธให้สงบลงนั้น เป็นเช่นกับผู้ที่รู้จักดูแลบ้านเรือนให้ปราศจากละอองฝุ่น ด้วยการหมั่นเช็ดถูบ้านคือชีวิตให้มีความสะอาดอยู่เป็นนิจ คอยป้องกันไม่ให้ความเศร้าหมองเข้ามารบกวน จึงทำให้บ้านคือชีวิตนั้นงดงามและน่าชม ประหนึ่งว่าสามารถที่จะสร้างห้องฟอกอากาศทางจิตให้มีความแจ่มใสได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ความสงบแห่งจิตจึงเป็นเพื่อนเดินทางไปสู่จุดหมายของความสุขที่แท้จริงได้อย่างสง่างาม
ปราชญ์ทั้งหลายจึงพยายามเลี่ยงจากความรู้สึกโกรธอยู่เสมอ ไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามาครอบงำใจตน เพราะรู้ว่าความร้ายกาจ ที่เกิดจากความรู้สึกเกลียดชังย่อมนำพาไปสู่หายนะอีกมากมาย ทำให้ชีวิตที่เคยปกติสุขกลับกลายเป็นสนามอารมณ์ในทันที รวมทั้งการไม่พยายามที่จะให้ความโกรธลุกลามไปสู่ผู้คนด้วยกัน
เพราะโกรธเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเราจะได้คุณค่าอะไรขึ้นมา นอกเสียจากความด้อยค่าที่พร้อมจะซ้ำเติมเราทุกเมื่อ และที่สำคัญไม่ว่าเราจะโกรธคนอื่นด้วยสาเหตุใด แต่คนที่ประสบกับความรู้สึกอึดอัดขัดเคืองและเป็นทุกข์ก็คือตัวเรา แม้คิดว่าผู้ที่เราโกรธเกลียดจะทุกข์ด้วยเพียงใด แต่ความเป็นจริงก็คือ มีเพียงเราเท่านั้นที่ตกเป็นทาสของความเกรี้ยวกราดทางอารมณ์ของตน
ด้วยเหตุนี้ความโกรธเกลียด จึงมิคู่ควรที่สัตบุรุษจะพึงสร้างให้มีในตน เพราะคนที่มีความโกรธครอบงำใจ ล้วนก้าวไปสู่ภาวะของการลืมตน และหลีกห่างจากความดีอย่างน่าใจหาย
บางครั้งกว่าจะกลับมายืนอยู่ในจุดที่เป็นคนดีและมีความปกติได้ สิ่งที่ทำลงไปเพราะแรงผลักของความรู้สึกเกลียดชังอาจเป็นเครื่องหมายแสดงความด้อยค่าสำหรับชีวิตตราบจนวันสิ้นลม
คนที่โกรธชื่อว่าเป็นคนโง่ แต่คนที่โกรธตอบนั้นแสดงถึงความเป็นคนที่โง่กว่า
จงถามตัวเองให้มากเวลาที่ความคุกรุ่นทางอารมณ์พัดผ่านเข้ามา และตอบใจของตัวเองด้วยว่า "โกรธแล้วเราได้อะไรขึ้นมา ?"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือทำใจเสียบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
โดย : พระชุติปัญโญ
http://hilight.kapook.com/view/78000
.
-http://hilight.kapook.com/view/78000-
โกรธเขาแล้วเราได้อะไร (ใยไหม)
ความโกรธที่มีอยู่ในจิตใจนั้น มักแฝงอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ปกติ แต่เมื่อใดที่เผลอใจให้ความเกลียดชังผ่านเข้ามา ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ก็จะปรากฏตัวเผยโฉม เพื่อลดคุณค่าของชีวิตเอง และเป็นสัญลักษณ์ฟ้องความด้อยค่าในตัวเรา
"การระบายความก้าวร้าวถือว่าเป็นคำแนะนำที่อันตราย"
เป็นคำอธิบายนิยามของความโกรธด้วยใจความสั้น ๆ แต่ครอบคลุมผลลัพธ์ทางความรู้สึกได้ชัดเจน โดยการวิจัยของนักวิจัยทางสังคมในสหรัฐอเมริกาสรุปใจความได้ว่า "การพยายามระบายความโกรธด้วยการทุบตีหมอนหรือวัตถุอะไรก็ตามไม่ได้ ช่วยอะไรให้ดีขึ้นเลย มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง"
เพราะเมื่อทบทวนอารมณ์ของความโกรธที่ผุดขึ้นมาในใจของคนเรา ล้วนแต่ทำให้ชีวิตเป็นไปในทางที่เลวร้ายเป็นส่วนมาก มองในมุมใดก็เห็นแต่เพียงความด้อยค่า อันเนื่องมาจากความเกรี้ยวกราดทางอารมณ์ที่ผุดขึ้น
เมื่อใดที่จิตใจของเราเกิดความเร่าร้อนจากความคุกรุ่นทางอารมณ์ ความรู้สึกบาดหมางทางใจย่อมถูกกระพือขึ้น เพื่อแสดงความรู้สึกที่ซ่อนเร้นอยู่ข้างใน ซึ่งเรามักเข้าใจว่านั่นเป็นการระบาย หรือตอบโต้ความต้องการของตัวเองให้จบลง
ทว่าความจริงกลับน่าเศร้ายิ่งกว่า เพราะความโกรธที่ประทุขึ้นในใจและแสดงผ่านการกระทำของเรามักฟ้องความด้อยค่าของชีวิตเสมอ ทำให้จิตของเราเพี้ยนจากอารมณ์ปกติในแต่ละขณะ
ความโกรธที่มีอยู่ในจิตใจนั้น มักแฝงอยู่ท่ามกลางชีวิตที่ปกติ แต่เมื่อใดที่เผลอใจให้ความเกลียดชังผ่านเข้ามา ความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ก็จะปรากฏตัวเผยโฉมเพื่อลดคุณค่าของชีวิตลง และเป็นสัญลักษณ์ฟ้องความด้อยค่าในตัวเรา
ความโกรธหรือความเกลียดชังที่ฝังอยู่ในใจองคนเราเปรียบเช่นกับฝุ่นผงที่มีอยู่ในบ้านที่เราอาศัย ตราบใดยังไม่ทำความสะอาด ฝุ่นละอองที่มีอยู่ก็จะทับถม และรอวันเวลาที่จะทวีคูณขึ้นตามลำดับแห่งการสั่งสม ย่อมทำให้บ้านเต็มไปด้วยละอองแห่งมลภาวะ
ทำให้เราผู้อาศัยได้รับเชื้อแห่งความหมองมัว กระทั่งก่อเป็นความเลวร้ายทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อวันหนึ่งเรารู้ว่าบ้านนั้นสกปรก และใช้เครื่องมือดูดฝุ่นผงให้หมดไป สิ่งที่ตามมาก็คือความสะอาดของบ้าน และความบริสุทธิ์แห่งอากาศที่เราสูดดม
การดำรงชีวิตแต่ละขณะก็เช่นเดียวกัน ตราบใดที่เรายังไม่ฝึกจิตใจให้มีสติเพื่อกำหนดรู้อารมณ์ต่าง ๆ ที่เข้ามา สิ่งเหล่านั้นก็มักจะแฝงตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ เสมือนหนึ่งว่าไม่สามารถทำให้เรามีปัญหาได้ แต่เมื่อวันหนึ่งอารมณ์ในทางลบของจิตถูกกระตุ้น และมีพลังที่มากพอในการครอบงำใจเรา จิตที่ไม่เคยฝึกควบคุมอารมณ์ย่อมทำให้เราตรอมตรมได้เสมอ
โดยเฉพาะความโกรธที่ฝังตัวอยู่ข้างในจิตใจ ทุกครั้งที่แสดงตัวตนออกมา ย่อมนำชีวิตก้าวไปสู่ความร้าวฉานทางอารมณ์ และการแตกหักแห่งมิตรภาพระหว่างคนที่รู้จัก ทำให้ความงดงามที่พึงมีในตน และคนรอบข้างปิดฉากลง เพราะความโกรธเป็นเจ้านายคอยบังคับบัญชา
แต่ถ้าเรามีสติในการเกี่ยวข้องกับความรู้สึกเกลียดชังอยู่บ่อย ๆ จิตใจที่ดีย่อมมีโอกาสช่วยบรรเทาความรู้สึกที่เลวร้ายให้เบาบางลง กระทั่งสามารถทำให้ความรู้สึกที่เดือดดาลในใจลดลง และกลับคืนสู่ภาวะปกติได้
เปรียบคนที่สามารถบำบัดความรู้สึกโกรธให้สงบลงนั้น เป็นเช่นกับผู้ที่รู้จักดูแลบ้านเรือนให้ปราศจากละอองฝุ่น ด้วยการหมั่นเช็ดถูบ้านคือชีวิตให้มีความสะอาดอยู่เป็นนิจ คอยป้องกันไม่ให้ความเศร้าหมองเข้ามารบกวน จึงทำให้บ้านคือชีวิตนั้นงดงามและน่าชม ประหนึ่งว่าสามารถที่จะสร้างห้องฟอกอากาศทางจิตให้มีความแจ่มใสได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ความสงบแห่งจิตจึงเป็นเพื่อนเดินทางไปสู่จุดหมายของความสุขที่แท้จริงได้อย่างสง่างาม
ปราชญ์ทั้งหลายจึงพยายามเลี่ยงจากความรู้สึกโกรธอยู่เสมอ ไม่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นเข้ามาครอบงำใจตน เพราะรู้ว่าความร้ายกาจ ที่เกิดจากความรู้สึกเกลียดชังย่อมนำพาไปสู่หายนะอีกมากมาย ทำให้ชีวิตที่เคยปกติสุขกลับกลายเป็นสนามอารมณ์ในทันที รวมทั้งการไม่พยายามที่จะให้ความโกรธลุกลามไปสู่ผู้คนด้วยกัน
เพราะโกรธเขาแล้ว ไม่รู้ว่าเราจะได้คุณค่าอะไรขึ้นมา นอกเสียจากความด้อยค่าที่พร้อมจะซ้ำเติมเราทุกเมื่อ และที่สำคัญไม่ว่าเราจะโกรธคนอื่นด้วยสาเหตุใด แต่คนที่ประสบกับความรู้สึกอึดอัดขัดเคืองและเป็นทุกข์ก็คือตัวเรา แม้คิดว่าผู้ที่เราโกรธเกลียดจะทุกข์ด้วยเพียงใด แต่ความเป็นจริงก็คือ มีเพียงเราเท่านั้นที่ตกเป็นทาสของความเกรี้ยวกราดทางอารมณ์ของตน
ด้วยเหตุนี้ความโกรธเกลียด จึงมิคู่ควรที่สัตบุรุษจะพึงสร้างให้มีในตน เพราะคนที่มีความโกรธครอบงำใจ ล้วนก้าวไปสู่ภาวะของการลืมตน และหลีกห่างจากความดีอย่างน่าใจหาย
บางครั้งกว่าจะกลับมายืนอยู่ในจุดที่เป็นคนดีและมีความปกติได้ สิ่งที่ทำลงไปเพราะแรงผลักของความรู้สึกเกลียดชังอาจเป็นเครื่องหมายแสดงความด้อยค่าสำหรับชีวิตตราบจนวันสิ้นลม
คนที่โกรธชื่อว่าเป็นคนโง่ แต่คนที่โกรธตอบนั้นแสดงถึงความเป็นคนที่โง่กว่า
จงถามตัวเองให้มากเวลาที่ความคุกรุ่นทางอารมณ์พัดผ่านเข้ามา และตอบใจของตัวเองด้วยว่า "โกรธแล้วเราได้อะไรขึ้นมา ?"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือทำใจเสียบ้าง แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น
โดย : พระชุติปัญโญ
http://hilight.kapook.com/view/78000
.