ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2012, 08:39:47 pm »ส่องทาง สว่างใจ
"แสงส่องใจ"
พระธรรมเทศนา โดย สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๙
"อันความคิดและสติปัญญาของบุถุชนเราแตกต่างจากของพระพุทธเจ้าอย่างหาคำมาอธิบายให้ถูกไม่ได้ ดังนั้นจึงมีความตรงกันข้ามกันอยู่ในแทบทุกเรื่อง ที่เป็นความตรัสรู้และที่เป็นความคิดเห็นของเราบุถุชนทั้งหลาย เป็นต้นในความสุขและความทุกข์ ที่เราเข้าใจว่าเป็นสุขก็ทรงแสดงว่าไม่น่าใคร่ไม่น่าปรารถนาพอใจ เพราะที่เราเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดสุขก็ทรงแสดงว่าเป็นสิ่งที่จะนำให้เกิดความทุกข์ ดังนี้เป็นต้น จึงสมควรที่จะใช้วิธีบริหารจิตโดยตรงคือ โดยยอมเชื่อ ว่าไม่ว่าในเรื่องใดสิ่งใดทั้งนั้น ถ้าความคิดความเห็นของเราผิดจากพระพุทธเจ้าแล้ว เราเป็นฝ่ายผิด ต้องแก้ไขให้ถูกตามของพระพุทธเจ้าให้เต็มสติปัญญาความสามารถ....
ความโลภ ความโกรธ ความหลง นั้นเปรียบได้กับสัตว์ร้ายหรือห้วงเหว ที่มีอยู่เต็มตามทางแห่งชีวิตของทุกคน ถ้าเราเดินไปตามทางที่มีประทีปส่องสว่าง คือทางที่มีคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าประกาศบอกอยู่ตลอดเวลา ว่านั่นคือสัตว์ร้าย ให้หลีกเลี่ยงด้วยการทำเช่นนั้นเช่นนี้ หรือนั่นคือเหว ให้หลีกให้พ้นโดยการเลี่ยงไปทางนั้นทางนี้ เหล่านี้เป็นต้น เมื่อเลือกเดินทางของพระพุทธเจ้าแล้ว เรียกว่ามีศรัทธาในพระพุทธเจ้า จึงควรใช้ศรัทธาให้ถูกต้องเต็มกำลังความสามารถ อย่าท้อแท้ลังเล ทรงสอนให้หลีกเลี่ยงอะไรควรตั้งใจปฏิบัติตาม ทรงสอนให้ทำอย่างไรควรตั้งใจทำอย่างนั้น ที่แน่นอนที่สุดคือ ทรงสอนให้ไม่ทำบาปไม่ทำชั่วทั้งปวง ให้ทำบุญทำกุศลทำคุณงามความดีทุกอย่าง และให้ทำใจให้ผ่องใส คือไม่ให้ขุ่นมัวมืดมิดด้วยอำนาจของกิเลสคือโลภโกรธหลง เมื่อมุ่งมาบริหารจิต ก็ต้องถือว่าเดินอยู่บนทางที่ทรงชูประทีปให้เห็นสว่างชัดเจน เป็นแสงส่องทาง หรือแสงส่องใจนั่นเอง.
"แสงส่องใจ"
พระธรรมเทศนา โดย สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๙
-http://board.palungjit.com/f14/ส่-อ-ง-ท-า-ง-ส-ว่-า-ง-ใ-จ-63764.html