ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 05, 2012, 12:34:34 pm »ในหลวงตรัสขอบใจพสกนิกรที่แสดงพลังวันนี้ทำให้ทรงมีกำลังพระทัย-ทรงแนะยึดหลักเมตตาธรรมบ้านเมืองจะรอดปลอดภัย
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5EWTNPVGN4TVE9PQ==&subcatid=-
วันที่ 5 ธ.ค. เมื่อเวลา 09.54 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถเข็นเสด็จลงจากชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัตน์ พระวรชายา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ตามเสด็จ
โดยระหว่างทางประชาชนจำนวนมากสวมเสื้อสีเหลืองเฝ้ารับเสด็จ และต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วโรงพยาบาลศิริราช ยาวนานต่อเนื่องกันตลอดระยะเวลา หลังประทับรถยนต์พระที่นั่ง ขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนช้าๆ ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยและให้ประชาชนได้ชมพระบารมี มุ่งหน้าสู่พระที่นั่งอันตสมาคม
ทั้งนี้ ตลอด 2 ข้างทางเส้นทางเสด็จพระะราชดำเนินผ่าน ประชาชนเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องมิได้ขาด พร้อมกับโบกธงชาติ ธงพระปรมาธิภัยภปร. รวมถึงชูภาพฉายาลักษณ์ของพระบาทเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระอิริยาบทต่างๆ ที่ตระเตรียมมาด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความสุข บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความความปลื้มปิติไว้ไม่อยู่ที่ได้แสดงออกถึงความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยมีความสุข ด้วยหัวใจทุกดวงหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน
ต่อมาเวลา 10.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล และสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่แท่นหน้าสีหบัญชร พร้อมแล้ว พนักงานรัวกรับ เปิดพระวิสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด
ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูล พระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า
“ขอเดชะฝ่าละอองธุรพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม บัดนี้ อุดมมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาอีกวาระหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้า เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ มีความปีติ ปราโมทพ้นประมาณ ที่ได้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทร่วมกับบรรดาข้าราชการ และประชาชน จากทุกถิ่นฐานทั่วราชอาณาจักร ซึ่งพร้อมใจมาชุมนุมในมหาสมาคมอันใหญ่ยิ่งนี้ เพื่อถวายพระพรชัยมงคล ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเป็นผู้มีโชควาสนาที่เกิดมาในแผ่นดินไทยภายใต้พระบุญญาบารมี ภายใต้พระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้มีความสุขความเจริญและมีเกียรติยศเป็นที่เชิดชู เจริญฐานานุศักดิ์ และทั้งได้เฝ้าสังเกตศึกษาพระราชจิรยาโดยประจักษณ์แก่ตาแก่ใจอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดศรัทธาเชื่อมั่น ด้วยเห็นแท้แน่แก่ใจว่า พระราชกิจน้อยใหญ่ที่ทรงพระราชอุสาหะปฎิบัติบำเพ็ญด้วยพระวิริยะ และพระขันติธรรมอย่างยิ่งยวดนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ คือความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราช และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติทั้งสิ้น พระบารมีซึ่งแผ่ปกเกล้าปกกระหม่อมทุกเช้าค่ำนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงต่างสำนึก รู้อยู่ทุกเวลา ด้วยกตัญญูกตเวทิตาจิตร ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ ยังมีสมานฉันท์พร้อมใจกันถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะตั้งตัว ตั้งใจมั่นอยู่ในธรรมสุจริตและในความจงรักภักษ์ดี จะมุ่งมั่นประพฤติตัวปฏิบัติงาน ตามภาวะ ฐานะและหน้าที่ของตนให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน สืบสานพระราชปฏิธาน แห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโดย เต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ และขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล
ขออนุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้สมบูรณ์ด้วยพระอนามัย มีพระราชหฤทัยผ่องแผ้วเบิกบาน ปลอดพ้นจากเรื่องรบกวนกังวล ทรงพระเจริญ พระชนม์สุขศิริสวัสดิ์ เป็นร่มฉัตร ร่มโพธิ์ ร่มไทรของปวงข้าพระพุทธเจ้า และประชาชนชาวไทยยั่งยืนไปตลอดกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรงหน้าที่พระที่นั่งอนันตสมาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร-พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า ความว่า
“ในมหามงคลสมัย วันเฉลิมพระชมพรรษาเวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ข้าพระพุทธเข้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการไทยและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่มาชุมนุมพร้อมกันในมหาสมาคมแห่งนี้ รู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลด้วยน้ำใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักษ์ภักดี ตลอดระยะเวลาอันยาวนานภายใต้พระบารมี ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ประชาชนชาวไทยทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนประจักษ์ชัดแจ้งว่า ความสุข ความสงบร่มเย็น ความเจริญก้าวหน้าสารพัดในประเทศนี้ เป็นผลมาจากพระราชวิริยอุสาหะและพระมหากรุณาธิคุณในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญมาต่อเนื่องยาวนานโดยแท้พระเดชพระคุณที่ทรงบริบาลรักษา ตลอดจนพระบารมีที่ปกแผ่คุ้มเกล้าเหล่าปวงประชาเกินกว่าถ้อยคำที่ปวงข้าพระพุทธเจ้าจะพรรณาได้ครบถ้วน ณ มหามงคลโอกาส แห่งวันเฉลิมพระชมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2555 ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติ อัญเชิญอำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย พระเดชานุภาพของสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีต กับทั้งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล จงเป็นผลดลบันดาล ให้ใต้ผ่าละอองธุรีพระบาททรงพระเจริญเกษมสุข มีพระกมลปราถนาสิ่งใดจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตย์เป็นธงชัยของชาติและประชาชนตลอดกาลนาน ดังใจปราถนาของข้าพระพุทธเข้าทั้งปวง ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”
จากนั้นนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามสมาชิกรัฐสภา ประธานศาลฎีกาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามข้าราชการตุลาการ จากนั้นผู้บัญชาการทหารสูงสุดกราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ และทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมถวายความเคารพพร้อมกัน
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า “คำปฏิณาณ และสัญญาที่พวกท่านได้กล่าวนั้น เป็นที่ประทับใจมาก ไมตรีจิต ทั้งหลายตลอดจนชาวไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมกันมาด้วยความปราถนาดี และความพร้อมเพียงกัน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมาก มากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปราถนาดีของท่าน เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่ทำให้ความพร้อมเพียงให้เกิดขึ้น ดีขึ้นทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมอันดี ปราศจากมีคุณธรรมข้อนี้ประจำในจิตใจก็มีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็จะอยู่รอด ปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไป ได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างแน่นอนขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านและชาติไทยให้มีแต่ความผาสุขร่มเย็น เลื่องลือไกล”
-http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRNMU5EWTNPVGN4TVE9PQ==&subcatid=-
วันที่ 5 ธ.ค. เมื่อเวลา 09.54 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประทับรถเข็นเสด็จลงจากชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัตน์ พระวรชายา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ ตามเสด็จ
โดยระหว่างทางประชาชนจำนวนมากสวมเสื้อสีเหลืองเฝ้ารับเสด็จ และต่างเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วโรงพยาบาลศิริราช ยาวนานต่อเนื่องกันตลอดระยะเวลา หลังประทับรถยนต์พระที่นั่ง ขบวนรถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนช้าๆ ด้วยความเร็ว 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยและให้ประชาชนได้ชมพระบารมี มุ่งหน้าสู่พระที่นั่งอันตสมาคม
ทั้งนี้ ตลอด 2 ข้างทางเส้นทางเสด็จพระะราชดำเนินผ่าน ประชาชนเปล่งเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องมิได้ขาด พร้อมกับโบกธงชาติ ธงพระปรมาธิภัยภปร. รวมถึงชูภาพฉายาลักษณ์ของพระบาทเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระอิริยาบทต่างๆ ที่ตระเตรียมมาด้วยแววตาเปี่ยมด้วยความสุข บางคนถึงกับกลั้นน้ำตาแห่งความความปลื้มปิติไว้ไม่อยู่ที่ได้แสดงออกถึงความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ประชาชนชาวไทยมีความสุข ด้วยหัวใจทุกดวงหลอมรวมเป็นดวงเดียวกัน
ต่อมาเวลา 10.40 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกพระที่นั่งอนันตสมาคม พระบรมวงศานุวงศ์ องคมนตรี เลขาธิการพระราชวัง ราชเลขาธิการ สมาชิกราชสกุล และสตรีผู้มีบรรดาศักดิ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปทรงยืนเฝ้าฯ ที่แท่นหน้าสีหบัญชร พร้อมแล้ว พนักงานรัวกรับ เปิดพระวิสูตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกสีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ชาวพนักงานกระทั่งแตรมโหระทึก ประโคมแตรฝรั่ง ทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพ ถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ยิงปืนใหญ่เฉลิมพระเกียรติฝ่ายละ 21 นัด
ครั้นสุดเสียงประโคมแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูล พระกรุณาถวายพระพรชัยมงคล แทนพระบรมวงศานุวงศ์ ความว่า
“ขอเดชะฝ่าละอองธุรพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม บัดนี้ อุดมมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาอีกวาระหนึ่ง ข้าพระพุทธเจ้า เหล่าพระบรมวงศานุวงศ์ มีความปีติ ปราโมทพ้นประมาณ ที่ได้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทร่วมกับบรรดาข้าราชการ และประชาชน จากทุกถิ่นฐานทั่วราชอาณาจักร ซึ่งพร้อมใจมาชุมนุมในมหาสมาคมอันใหญ่ยิ่งนี้ เพื่อถวายพระพรชัยมงคล ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงเป็นผู้มีโชควาสนาที่เกิดมาในแผ่นดินไทยภายใต้พระบุญญาบารมี ภายใต้พระมหากรุณาชุบเลี้ยงให้มีความสุขความเจริญและมีเกียรติยศเป็นที่เชิดชู เจริญฐานานุศักดิ์ และทั้งได้เฝ้าสังเกตศึกษาพระราชจิรยาโดยประจักษณ์แก่ตาแก่ใจอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดศรัทธาเชื่อมั่น ด้วยเห็นแท้แน่แก่ใจว่า พระราชกิจน้อยใหญ่ที่ทรงพระราชอุสาหะปฎิบัติบำเพ็ญด้วยพระวิริยะ และพระขันติธรรมอย่างยิ่งยวดนั้น ล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ คือความผาสุกร่มเย็นของอาณาประชาราช และความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติทั้งสิ้น พระบารมีซึ่งแผ่ปกเกล้าปกกระหม่อมทุกเช้าค่ำนี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งปวงต่างสำนึก รู้อยู่ทุกเวลา ด้วยกตัญญูกตเวทิตาจิตร ในมหามงคลสมัยพิเศษนี้ ยังมีสมานฉันท์พร้อมใจกันถวายสัตย์ปฏิญาณว่า จะตั้งตัว ตั้งใจมั่นอยู่ในธรรมสุจริตและในความจงรักภักษ์ดี จะมุ่งมั่นประพฤติตัวปฏิบัติงาน ตามภาวะ ฐานะและหน้าที่ของตนให้สำเร็จผลเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน สืบสานพระราชปฏิธาน แห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทโดย เต็มกำลังสติปัญญาและความสามารถเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ และขอพระราชทานถวายพระพรชัยมงคล
ขออนุภาพคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์พระบรมเดชานุภาพแห่งสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีตทุกพระองค์ จงพร้อมกันอภิบาลรักษาใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้สมบูรณ์ด้วยพระอนามัย มีพระราชหฤทัยผ่องแผ้วเบิกบาน ปลอดพ้นจากเรื่องรบกวนกังวล ทรงพระเจริญ พระชนม์สุขศิริสวัสดิ์ เป็นร่มฉัตร ร่มโพธิ์ ร่มไทรของปวงข้าพระพุทธเจ้า และประชาชนชาวไทยยั่งยืนไปตลอดกาลนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ”
จากนั้น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ เสด็จพระราชดำเนินไปเฝ้าฯ ณ ท้องพระโรงหน้าที่พระที่นั่งอนันตสมาคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามคณะรัฐมนตรี ข้าราชการทหาร-พลเรือน และราษฎรทุกหมู่เหล่า ความว่า
“ในมหามงคลสมัย วันเฉลิมพระชมพรรษาเวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง ข้าพระพุทธเข้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการไทยและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่าที่มาชุมนุมพร้อมกันในมหาสมาคมแห่งนี้ รู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นหาที่สุดมิได้ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เข้าเฝ้าฯ เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลด้วยน้ำใจที่เปี่ยมด้วยความจงรักษ์ภักดี ตลอดระยะเวลาอันยาวนานภายใต้พระบารมี ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ประชาชนชาวไทยทั้งหมดทั้งสิ้นล้วนประจักษ์ชัดแจ้งว่า ความสุข ความสงบร่มเย็น ความเจริญก้าวหน้าสารพัดในประเทศนี้ เป็นผลมาจากพระราชวิริยอุสาหะและพระมหากรุณาธิคุณในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญมาต่อเนื่องยาวนานโดยแท้พระเดชพระคุณที่ทรงบริบาลรักษา ตลอดจนพระบารมีที่ปกแผ่คุ้มเกล้าเหล่าปวงประชาเกินกว่าถ้อยคำที่ปวงข้าพระพุทธเจ้าจะพรรณาได้ครบถ้วน ณ มหามงคลโอกาส แห่งวันเฉลิมพระชมพรรษา 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2555 ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระบรมราชานุญาติ อัญเชิญอำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัย พระเดชานุภาพของสมเด็จพระมหากษัตริย์ในอดีต กับทั้งอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล จงเป็นผลดลบันดาล ให้ใต้ผ่าละอองธุรีพระบาททรงพระเจริญเกษมสุข มีพระกมลปราถนาสิ่งใดจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตย์เป็นธงชัยของชาติและประชาชนตลอดกาลนาน ดังใจปราถนาของข้าพระพุทธเข้าทั้งปวง ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ”
จากนั้นนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามสมาชิกรัฐสภา ประธานศาลฎีกาเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพ แล้วกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล ในนามข้าราชการตุลาการ จากนั้นผู้บัญชาการทหารสูงสุดกราบบังคมทูลพระกรุณาและกล่าวนำทหารรักษาพระองค์ถวายสัตย์ปฏิญาณ และทหารกองเกียรติยศ 3 เหล่าทัพถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี ผู้เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทในมหาสมาคมถวายความเคารพพร้อมกัน
ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสว่า “คำปฏิณาณ และสัญญาที่พวกท่านได้กล่าวนั้น เป็นที่ประทับใจมาก ไมตรีจิต ทั้งหลายตลอดจนชาวไทยทุกคนที่พรั่งพร้อมกันมาด้วยความปราถนาดี และความพร้อมเพียงกัน อย่างที่ได้เห็นในวันนี้ทำให้ข้าพเจ้าปลื้มใจ มีกำลังใจมาก มากขึ้น ด้วยความเชื่อเสมอว่า ความเมตตาปราถนาดีของท่าน เป็นปัจจัยอย่างสำคัญที่ทำให้ความพร้อมเพียงให้เกิดขึ้น ดีขึ้นทั้งในหมู่คณะและในชาติบ้านเมือง ถ้าคนไทยเรายังมีคุณธรรมอันดี ปราศจากมีคุณธรรมข้อนี้ประจำในจิตใจก็มีความหวังได้ว่าบ้านเมืองไทย ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็จะอยู่รอด ปลอดภัย และดำรงมั่นคงต่อไป ได้ตลอดรอดฝั่ง อย่างแน่นอนขออำนาจแห่งคุณพระรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จงคุ้มครองรักษาท่านและชาติไทยให้มีแต่ความผาสุขร่มเย็น เลื่องลือไกล”