ข้อความโดย: sithiphong
« เมื่อ: ธันวาคม 08, 2012, 02:36:54 pm »อย่ายอมคนชั่ว อย่ากลัวคนเลว! วิธีสวนกลับเมื่อถูกล่วงละเมิดทางเพศ/Dr.DEN Sexociety
-http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9550000148565-
ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 ธันวาคม 2555 15:31 น.
คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
หลักการปฏิบัติเมื่อคุณผู้หญิงถูกรังควาญทางเพศมีดังนี้
โวยไปเลย
สิ่งที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับการถูกลวนลามในกรณีของนิคกี้นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น น่าเศร้าที่ผู้หญิงนับหมื่นถูกปล่อยให้ตัวสั่นหลังจากโดนล้วงโดยชายแปลกหน้าในบาร์ คลับ บนรถประจำทาง หรือแม้แต่ในถนน แต่ข้อเท็จจริงที่เธอแจ้งความนั่นแหละ ทำให้มีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการ “ไม่ยอมคนชั่ว ไม่กลัวคนเลว” ด้วยการโวยขึ้นมาของนิคกี้ครั้งนั้น อาจเป็นการป้องกันมิให้การรังควาญทางเพศที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องปรามมิให้ผู้ชายจิตทรามได้ใจ ทำให้พวกมันคิดหน้าคิดหลังก่อนลงมือทำเรื่องอัปรีย์ ว่าคุกตะรางรออยู่ข้างหน้า(นะเฟ้ย)
“เรารู้จากการวิจัยว่า ถ้าผู้ละเมิดทางเพศได้ลงมือก่ออาชญากรรม อย่างการล้วงจับอวัยวะเพศหรือบีบเต้านมของผู้หญิงแล้วนั้น ก็มีแนวโน้มว่าพวกมันจะก่อการที่เลวร้ายยิ่งขึ้นต่อไปอีก” แอนน์ คาร์เพนเตอร์ นักจิตวิทยาคลินิกพิสูจน์หลักฐานของอังกฤษกล่าว
“แน่ละ เราไม่รู้หรอกว่า พวกเขากำลังจะเป็นนักข่มขืนต่อเนื่องรายต่อไปหรือไม่ แต่สามัญสำนึกบอกเราว่าคนประเภทนี้มีขีดความสามารถที่จะทำเรื่องเลวๆ ได้มากขึ้น”
เหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงจำนวนมากไม่แจ้งความเรื่องการรังควาญทางเพศในเพศทุกรูปแบบก็คือ ความอาย
พวกเธอไม่อยากตากหน้าไปให้ปากคำกับตำรวจที่นั่งอมยิ้มต่อหน้าเธอ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากบันทึกประจำวันแผ่นเดียว ก็เลย “ช่างแม่ง”กันไปหมด
แต่ปัจจุบันสิ่งต่างๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว มีองค์กรพิทักษ์สิทธิสตรีเกิดขึ้นหลายแห่ง พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องและติดตามดำเนินคดีให้แก่ผู้หญิงที่โดนล่วงละเมิดทางเพศทุกคน มูลนิธิปวีณาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย
“ถ้าคุณกังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติอย่างไรกับคุณละก็ ให้โอกาสเรา เราจะไม่ทอดทิ้งคุณ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขององค์กรดังกล่าวยืนยัน
เข้าควบคุม
วิคกี้ ซิมิสเตอร์ แห่งองค์กรต่อต้านการรังควาญบนท้องถนนของอังกฤษกล่าวว่า
“ถ้าคุณถูกล่วงละเมิดในที่สาธารณะ จงยืนหยัดต่อหน้าผู้ชายคนนั้นและเด็ดเดี่ยวโดยปราศจากความก้าวร้าว ถามเขาไปเลย ‘ทำไมคุณทำอย่างนั้น?’ มันจะทำให้เขาอับอายและตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน
วิธีนี้จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์และเขาจะจ๋อยลงทันที”
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยู่กับเขาตามลำพัง กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ หนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สมัยนี้ความก้าวหน้าทางการสื่อสารไร้สายของเราก้าวหน้าไปมากแล้ว การส่งข้อความข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต เป็นไปได้รวดเร็วและกว้างขวาง
ยิ่งผู้หญิงส่งข้อความว่า “พฤติกรรมเลวทรามอย่างนี้ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ มากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มสูงยิ่งขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรวจ จะใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้น"
วิคกี้ยังกระตุ้นให้ผู้หญิงคุยกับเพื่อนๆ ก่อนออกไปเที่ยวกลางคืนและปรึกษากันว่า พวกเธอจะร่วมกันทำอย่างไร ถ้าหนึ่งในพวกเธอเป็นที่หมายตาอันไม่พึงปรารถนาจากชายคนหนึ่ง และถ้าคุณเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคุณไม่รู้จัก กำลังบอกผู้ชายคนหนึ่งว่า พฤติกรรมของเขามันล้ำเส้นมากไปแล้ว ก็ให้คุณช่วยหนุนหลังเธอด้วย
“ถ้าเราปล่อยให้พฤติกรรมประเภทนั้นกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายคนนั้นซึ่งอาจทำอะไรที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น ก็จะไม่ถูกแยกแยะออกจากผู้ชายดีๆ คนอื่นๆ เพราะเขากลายเป็นคนปกติทั่วไปเสียแล้วนี่” วิคกี้กล่าว
เพราะฉะนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลาย อย่าอายไม่เข้าเรื่อง อย่ายอมคนชั่ว อย่ากลัวคนเลว
ผู้ชายที่ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงซึ่งอ่อนแอกว่านั้น ล้วนเป็นคนขี้ขลาดทั้งสิ้น อย่าไปกลัวมัน
ถ้าคุณโวยขึ้นมาท่ามกลางสาธารณชน แล้วมันจะทำร้ายร่างกายคุณ เราก็เชื่อว่ารอบข้างคุณยังมีผู้ชายดีๆ อีกมากที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ
-http://www.manager.co.th/CelebOnline/ViewNews.aspx?NewsID=9550000148565-
ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 ธันวาคม 2555 15:31 น.
คอลัมน์ Sexociety โดย Dr.DEN
หลักการปฏิบัติเมื่อคุณผู้หญิงถูกรังควาญทางเพศมีดังนี้
โวยไปเลย
สิ่งที่ไม่ธรรมดาเกี่ยวกับการถูกลวนลามในกรณีของนิคกี้นั้น ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น น่าเศร้าที่ผู้หญิงนับหมื่นถูกปล่อยให้ตัวสั่นหลังจากโดนล้วงโดยชายแปลกหน้าในบาร์ คลับ บนรถประจำทาง หรือแม้แต่ในถนน แต่ข้อเท็จจริงที่เธอแจ้งความนั่นแหละ ทำให้มีการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการ “ไม่ยอมคนชั่ว ไม่กลัวคนเลว” ด้วยการโวยขึ้นมาของนิคกี้ครั้งนั้น อาจเป็นการป้องกันมิให้การรังควาญทางเพศที่ร้ายแรงกว่านั้น เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี เป็นการป้องปรามมิให้ผู้ชายจิตทรามได้ใจ ทำให้พวกมันคิดหน้าคิดหลังก่อนลงมือทำเรื่องอัปรีย์ ว่าคุกตะรางรออยู่ข้างหน้า(นะเฟ้ย)
“เรารู้จากการวิจัยว่า ถ้าผู้ละเมิดทางเพศได้ลงมือก่ออาชญากรรม อย่างการล้วงจับอวัยวะเพศหรือบีบเต้านมของผู้หญิงแล้วนั้น ก็มีแนวโน้มว่าพวกมันจะก่อการที่เลวร้ายยิ่งขึ้นต่อไปอีก” แอนน์ คาร์เพนเตอร์ นักจิตวิทยาคลินิกพิสูจน์หลักฐานของอังกฤษกล่าว
“แน่ละ เราไม่รู้หรอกว่า พวกเขากำลังจะเป็นนักข่มขืนต่อเนื่องรายต่อไปหรือไม่ แต่สามัญสำนึกบอกเราว่าคนประเภทนี้มีขีดความสามารถที่จะทำเรื่องเลวๆ ได้มากขึ้น”
เหตุผลหนึ่งที่ผู้หญิงจำนวนมากไม่แจ้งความเรื่องการรังควาญทางเพศในเพศทุกรูปแบบก็คือ ความอาย
พวกเธอไม่อยากตากหน้าไปให้ปากคำกับตำรวจที่นั่งอมยิ้มต่อหน้าเธอ แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากบันทึกประจำวันแผ่นเดียว ก็เลย “ช่างแม่ง”กันไปหมด
แต่ปัจจุบันสิ่งต่างๆ มันเปลี่ยนไปแล้ว มีองค์กรพิทักษ์สิทธิสตรีเกิดขึ้นหลายแห่ง พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องและติดตามดำเนินคดีให้แก่ผู้หญิงที่โดนล่วงละเมิดทางเพศทุกคน มูลนิธิปวีณาเป็นตัวอย่างที่เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมในประเทศไทย
“ถ้าคุณกังวลว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะปฏิบัติอย่างไรกับคุณละก็ ให้โอกาสเรา เราจะไม่ทอดทิ้งคุณ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขององค์กรดังกล่าวยืนยัน
เข้าควบคุม
วิคกี้ ซิมิสเตอร์ แห่งองค์กรต่อต้านการรังควาญบนท้องถนนของอังกฤษกล่าวว่า
“ถ้าคุณถูกล่วงละเมิดในที่สาธารณะ จงยืนหยัดต่อหน้าผู้ชายคนนั้นและเด็ดเดี่ยวโดยปราศจากความก้าวร้าว ถามเขาไปเลย ‘ทำไมคุณทำอย่างนั้น?’ มันจะทำให้เขาอับอายและตกเป็นเป้าสายตาของสาธารณชน
วิธีนี้จะทำให้คุณกลายเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์และเขาจะจ๋อยลงทันที”
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณอยู่กับเขาตามลำพัง กลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ หนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
สมัยนี้ความก้าวหน้าทางการสื่อสารไร้สายของเราก้าวหน้าไปมากแล้ว การส่งข้อความข่าวสารทางอินเตอร์เน็ต เป็นไปได้รวดเร็วและกว้างขวาง
ยิ่งผู้หญิงส่งข้อความว่า “พฤติกรรมเลวทรามอย่างนี้ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ มากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีแนวโน้มสูงยิ่งขึ้นว่า เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตำรวจ จะใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างจริงจังมากขึ้น"
วิคกี้ยังกระตุ้นให้ผู้หญิงคุยกับเพื่อนๆ ก่อนออกไปเที่ยวกลางคืนและปรึกษากันว่า พวกเธอจะร่วมกันทำอย่างไร ถ้าหนึ่งในพวกเธอเป็นที่หมายตาอันไม่พึงปรารถนาจากชายคนหนึ่ง และถ้าคุณเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งคุณไม่รู้จัก กำลังบอกผู้ชายคนหนึ่งว่า พฤติกรรมของเขามันล้ำเส้นมากไปแล้ว ก็ให้คุณช่วยหนุนหลังเธอด้วย
“ถ้าเราปล่อยให้พฤติกรรมประเภทนั้นกลายเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายคนนั้นซึ่งอาจทำอะไรที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น ก็จะไม่ถูกแยกแยะออกจากผู้ชายดีๆ คนอื่นๆ เพราะเขากลายเป็นคนปกติทั่วไปเสียแล้วนี่” วิคกี้กล่าว
เพราะฉะนั้น คุณผู้หญิงทั้งหลาย อย่าอายไม่เข้าเรื่อง อย่ายอมคนชั่ว อย่ากลัวคนเลว
ผู้ชายที่ล่วงละเมิดทางเพศต่อผู้หญิงซึ่งอ่อนแอกว่านั้น ล้วนเป็นคนขี้ขลาดทั้งสิ้น อย่าไปกลัวมัน
ถ้าคุณโวยขึ้นมาท่ามกลางสาธารณชน แล้วมันจะทำร้ายร่างกายคุณ เราก็เชื่อว่ารอบข้างคุณยังมีผู้ชายดีๆ อีกมากที่พร้อมจะช่วยเหลือคุณ