ศาสตราจารย์ ระพี สาคริก
ของขวัญวันสงกรานต์ มอบให้แก่เพื่อนรักทุกคน
ระพี สาคริก
ชีวิตกับความรักพื้นฐานการจัดการศึกษาที่ควรจะเป็น
บทนำ
หากนึกถึงสัจธรรมบทหนึ่ง ซึ่งชี้ไว้ให้เห็นความจริงว่า ถ้าไม่มีวันนั้น ย่อมไม่มีวันนี้ หากแต่ละคนมีความรู้สึกลักษณะนี้อยู่ในใจ เราคงสามารถค้นพบเหตุผลได้จากทุกเรื่อง
คนไม่ลืมความจริงซึ่งอยู่ในใจตนเอง ย่อมมีโอกาสค้นพบคำตอบ จากคำถามที่ว่า เราเป็นใครและเกิดมาจากไหน อีกทั้งมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร หลังจากสิ้นไปแล้ว จะไปอยู่ในที่ไหนและจะไปเป็นอะไรกันแน่
อนึ่ง แต่ละคนที่เกิดมาสู่โลกใบที่เรายืนนี้ ต่างก็มีพื้นฐานแตกต่างกัน ดังนั้นในแต่ละช่วงของการดำเนินชีวิต ถ้าใครคิดว่าทุกคนควรเหมือนตัวเอง ย่อมเป็นสิ่งฝืนธรรมชาติซึ่งได้รับผลกระทบจากเงื่อนไขต่างๆทำให้ภายในจิตใจแตกต่างกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนหาใช่มีเพียงร่างกายที่มีชีวิตเท่านั้น หากยังมีจิตใต้สำนึกซึ่งมีทั้งเหตุและผลเป็นสิ่งกำหนดความคิดเพื่อนำปฏิบัติ ดังนั้นการคิดแบบฝืนธรรมชาติ หากถือเป็นพื้นฐานการดำเนินชีวิต ย่อมสร้างความทุกข์ใจให้กับตนเองอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ในชั้นนี้จึงขออนุญาตสรุปว่า ผู้ที่คิดหนีความทุกข์ ย่อมนำชีวิตตัวเองไปพบความทุกข์หนักมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งถึงระดับที่สอนให้ตนหวนกลับมาพบความจริงจากอีกด้านหนึ่งได้เองจึงจะมองเห็นวิถีทางในการปฏิบัติที่จะนำตนไปสู่ความสุข
อนึ่ง ภายในรากฐานจิตใจคนนับแต่ช่วงเริ่มต้นเกิดมา ย่อมมีเงื่อนไขอันหมายถึงกิเลส เพื่อหวังผลสองด้านร่วมกัน ด้านหนึ่งเพื่อกำหนดพฤติกรรมให้รู้จักเอาตัวรอด ส่วนอีกด้านหนึ่งเพื่อต้องการให้ชีวิตสามารถอยู่รอดปลอดภัย รวมถึงการมีโอกาสคิดและนำปฏิบัติเพื่อสร้างประโยชน์สุขให้กับสังคมอีกทั้งยังมีผลกลับมาสนองความต้องการให้แก่ใจตนเองร่วมด้วย
อย่างไรก็ตาม ช่วงเริ่มต้นชีวิต อาจคิดเอาตัวรอดมากกว่า ทั้งนี้เนื่องจากช่วงนั้นสภาพร่างกายและจิตใจยังไม่อาจพึ่งตนเองได้ คงต้องพึ่งพาสิ่งแวดล้อม เริ่มจากชีวิตซึ่งอยู่ใกล้ตัวใกล้ใจตนมากที่สุด อันได้แก่ การพึ่งพาแม่และพ่อ
ส่วนในด้านของแม่กับพ่อ หากชีวิตผ่านการเรียนรู้มาถึงระดับหนึ่งแล้ว ควรมีจิตใต้สำนึกที่รับผิดชอบ โดยการนึกถึงอนาคตของลูกในขณะที่ตัวเองจำต้องจากไปก่อน จึงกำหนดแนวคิดและวิธีปฏิบัติซึ่งมีผลให้โอกาสธรรมชาติที่อยู่ในใจลูกฝึกฝนตนเองเพื่อการเรียนรู้ความจริงจากความจริงที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ภายนอก ช่วยให้ชีวิตลูกมีการปรับเปลี่ยนมายืนอยู่บนฐานตนเองได้อย่างเข้มแข็ง เพื่อการดำเนินชีวิตอนาคตที่สามารถอยู่รอดปลอดภัยในขณะที่ตัวเองจำต้องจากไปก่อน ซึ่งประเด็นนี้ก็คือการคืนจิตใจให้กับธรรมชาติหรือคืนความรักให้กับพื้นดินถิ่นเกิดซึ่งถือเป็นสื่ออย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นภายใต้วิถีการเปลี่ยนแปลงเท่าที่ได้กล่าวมาแล้ว จำเป็นต้องมีพลัง เพื่อใช้เป็นพื้นฐานการขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในองค์รวม ซึ่งอยู่ในกระบวนการเปลี่ยนแปลงของชีวิตอันมีจิตใจเป็นพื้นฐานสำคัญที่สุด
ดังนั้นพลังภายในจิตใจตนเอง อันหมายถึง วิญญาณและความรักที่อยู่บนพื้นฐานความจริง ซึ่งสิ่งนี้ไม่อาจใช้วัตถุเป็นเครื่องมือสัมผัสได้ นอกจากรู้สึกได้จากใจ ที่มีความอิสรภาพเป็นพื้นฐาน
ซึ่งสภาพดังกล่าวย่อมมีสองด้าน ด้านหนึ่งคือพื้นฐานที่อยู่ในใจตนเอง ส่วนอีกด้านหนึ่งหมายถึง พื้นฐานซึ่งอยู่ในรากฐานจิตใจเพื่อนมนุษย์ทุกคน อันควรถือว่าเป็นศูนย์รวมจิตใจระหว่างตนกับเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังซึ่งที่อยู่ร่วมกันเป็นสัจธรรม
ความรักระดับพื้นฐานอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์นั้นภายในองค์รวมของชีวิตมนุษย์ที่เกิดมาสู่โลก ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยพื้นโลกเป็นสื่อความรักระหว่างกันและกัน อันควรถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่กำหนดวิถีทางมุ่งไปสู่ความสุขถึงที่สุดจุดจบ
จากสัจธรรมที่ชี้ไว้อย่างชัดเจนแล้วว่า เหตุของทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งปรากฏเป็นความจริงอยู่ในโลกใบที่เรายืนอยู่นี้ ล้วนมีเหตุผลอยู่ในรากฐานจิตใจมนุษย์ทุกคน นอกจากนั้นการดำเนินชีวิตของแต่ละคน พึงควรมีการปฏิบัติจากความจริงที่อยู่ในใจตนเองและผลที่ได้รับจากการกระทำ ย่อมหวนกลับมาสู่ความรู้สึกของแต่ละคนเป็นวัฏจักร ดังเช่นที่มีการกล่าวไว้ว่า กรรมย่อมสนองด้วยกรรม
ดังนั้นเราแต่ละคนจึงควรเข้าใจว่า ระบบการดำเนินชีวิตที่ได้กล่าวมาแล้วทั้งหมด คือความจริงของกระบวนการเรียนรู้ ซึ่งอยู่ในวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษยชาติ
ในเมื่อชีวิตมนุษย์ทุกคนเกิดมาจากพื้นดิน ดังนั้นสิ่งแรกอันพึงต้องคำนึงถึง น่าจะได้แก่ วิญญาณความรักที่มอบให้แผ่นดินถิ่นเกิด ซึ่งทุกคนควรมีจิตใต้สำนึกที่รำลึกรับผิดชอบในการอนุรักษ์ทรัพยากรภายในพื้นดินเป็นปฐมเหตุ เราจึงกล่าวได้ว่า ความหมายของพื้นดินในวิสัยทัศน์ของมนุษย์แต่ละคน ควรหมายถึงพื้นดินซึ่งมีความรักและความรับผิดชอบเป็นเงื่อนไขแฝงอยู่ในรากฐานจิตใจของทุกคนไม่ว่าใครมีมากมีน้อยแค่ไหนมันก็เป็นความแตกต่างระหว่างตัวบุคคล โดยเหตุที่หยั่งรู้ได้ว่าธรรมชาติได้มอบมาให้โดยกำเนิดแล้ว
สิ่งดังกล่าว น่าจะถือว่าคือการดำเนินชีวิตของแต่ละคนซึ่งมีธรรมชาติของความรักที่อยู่ในใจตนเองเป็นพื้นฐาน และจำเป็นต้องมีไว้ใช้เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นบูรนาการ เพื่อการอยู่รอดปลอดภัย ไปจนถึงวันอันเป็นที่สุดจุดจบของชีวิตตัวเอง
อนึ่ง เมื่อมนุษย์ที่เกิดมาจำเป็นต้องมีการอยู่ร่วมกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันของมวลมนุษยชาติที่อยู่บนผืนแผ่นดินเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากความจริงได้พิสูจน์ไว้ว่า ในด้านปริมาณซึ่งเป็นผลจากวิถีการเปลี่ยนแปลง หาใช่เป็นสิ่งอันควรถือว่ามีตัวตนให้ยึดติดได้ไม่
มวลมนุษยชาติที่อยู่ร่วมกันในโลกใบนี้ ไม่ว่ากลุ่มเล็กหรือกลุ่มใหญ่ หากมองจากด้านหนึ่งไปสู่อีกด้านหนึ่ง ถ้ามองสู่ทิศทางที่เป็นอนาคต ย่อมมีการแตกกิ่งก้านสาขา ตามวิถีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีเหตุผล
แต่การเรียนรู้เหตุรู้ผลได้ลึกซึ้งถึงความจริง อันถือได้ว่าคือรากฐานซึ่งเป็นศูนย์รวมของด้านบนที่มีการแตกกิ่งก้านสาขาและช่วยให้การมุ่งสู่อนาคตมีการกระจายเหตุและผลทำให้ภายในภาพรวมทั้งหมดสามารถเรียนรู้ได้อย่างเด่นชัดและบังเกิดความสามัคคีร่วมกัน เราควรมีจิตใต้สำนึกซึ่งหวนกลับมาทบทวนสู่อดีตเพื่อหยั่งรู้ที่มาที่ไปของชีวิตตนเองอย่างลืมเสียมิได้
แม้ในด้านศาสนา อันหมายถึงแนวคิดความเชื่อที่มีร่วมกันของแต่และกลุ่ม หากมองสู่ด้านบนหรือในมุมกว้างย่อมมีการแบ่งแยกเป็นกิ่งก้านสาขาทำให้เกิดความหลากหลาย ซึ่งแต่ละคนผู้หวังความสุขและความสงบ ควรรู้เท่าทันโดยไม่ยึดติดอยู่กับสาขาใดสาขาหนึ่ง
ซึ่งประเด็นนี้จะเกิดขึ้นได้ แต่ละคนควรละความโลภ โกรธ หลง ช่วยให้มองเห็นโอกาสที่จะหวนกลับมาทบทวนตนเอง เพื่อเห็นความจริงซึ่งมีอยู่แล้วในรากฐานจิตใจ มิฉะนั้นแล้วอาจทำให้เกิดภาวะสับสน จนถึงขั้นยากที่จะสานกลับมาสู่ความจริงซึ่งอยู่ในใจตนเองเป็นหนึ่งเดียวกันได้
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า รากฐานแนวคิดความเชื่อของคนทุกหมู่เหล่า แม้ทุกชาติศาสนา ถ้าสามารถมองเห็นความจริงซึ่งอยู่ในรากฐานจิตใจตนเองของแต่ละคนและสามารถเข้าใจรวมทั้งยอมรับได้อย่างลึกซึ้ง ย่อมหยั่งรู้ได้ว่าคือความรักอันจะนำไปสู่ความสงบสุขในอนาคต ซึ่งถือเป็นที่สุดของความแตกต่างระหว่างคนทุกชาติทุกศาสนา จึงช่วยให้สามารถเข้าใจได้ว่าความแตกต่างนั้นคือพื้นฐานทางวัตถุที่ปรากฏเปลี่ยนแปลงอยู่ท่ามกลางบรรยากาศภายนอก ส่วนภายในจิตใต้สำนึกย่อมมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน
ความจริงที่พบได้ในปัจจุบันภาพที่พบเห็นได้ในปัจจุบัน หลังจากการเปลี่ยนแปลงร่วมกันของทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งอยู่บนพื้นฐานธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมชาติของจิตใจคนในสังคม มีการก้าวไกลห่างจากความจริงเพิ่มมากยิ่งขึ้น จึงมีผลทำให้คนจำนวนมาก ตกอยู่ในสภาพลืมความจริงซึ่งมีอยู่ในรากฐานจิตใจตนเองมาโดยกำเนิด
หลายคนจึงคิดได้ไม่ถึงว่า ตนเป็นคนซึ่งเกิดมาจากพื้นดินเหมือนทุกคน ดังนั้นนับวันจึงทำให้รากฐานความคิดตื้นเขินยิ่งขึ้น จนกระทั่งไม่อาจเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งถึงความรักอันเป็นสัจธรรมของชีวิตตนเอง
อนึ่ง เมื่อมีสิ่งนั้นเกิดขึ้นย่อมมีสิ่งนี้เกิดขึ้นร่วมด้วย ดังนั้นจึงพบความจริงได้ว่า ทุกวันนี้คนในสังคมนับตั้งแต่สองคนขึ้นไป ส่วนใหญ่กำลังพบกับภาวะร้าวฉานระหว่างกันและกันรุนแรงยิ่งขึ้น นับตั้งแต่ความเข้าใจที่ห่างจากกัน ระหว่างผู้ใหญ่กับชนรุ่นหลัง ระหว่างเพื่อนกับเพื่อน ระหว่างผู้ร่วมงานไม่ว่ากลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ ไปจนกระทั่งถึงความร้าวฉานภายในครอบครัว
ทั้งนี้ ย่อมมีเหตุผลสืบเนื่องมาจากวิถีการเปลี่ยนแปลงซึ่งอาจทำให้บังเกิดความรุนแรงชัดเจนยิ่งขึ้นจนกระทั้งถึงทำลายล้างสังคมทุกวันนี้
ภายในรากฐานจิตใจคนแต่ละฝ่ายที่มีการสัมผัสกันและกัน แม้ว่าในอดีตจะมีธรรมชาติแตกต่างกัน แต่ก็ยังไม่ห่างกันจนถึงขั้นส่งผลกระทบอย่างรุนแรง จึงยังคงมีเหตุผลที่เชื่อมโยงถึงซึ่งกันและกันได้ไม่ยาก เช่นที่กล่าวกันว่า พูดกันด้วยเหตุและผลให้เข้าใจกันได้
ในช่วงก่อนๆ หากขุดค้นปัญหาความแตกต่างระหว่างกันของเงื่อนไขที่อยู่ในใจมนุษย์กับมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากระดับความรักพื้นดิน ซึ่งแต่ละคนควรมีอยู่ในรากฐานแม้จะต่างระดับกัน หากพบว่าแต่ละฝ่ายมีความแตกต่างระหว่างกันไม่มากนัก ควรรักษาสภาพดังกล่าวเอาไว้ให้มั่นคงอยู่ได้ จึงมีผลช่วยให้การร่วมมือร่วมใจกัน บังเกิดความมั่นคงในระยะยาว
มาถึงช่วงนี้ หากฝ่ายหนึ่งสามารถอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่นเอาไว้ในรากฐานจิตใจให้มั่นคงอยู่ได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมีความอ่อนแอ หลังจากได้รับผลกระทบโดยอิทธิพลวัตถุ ทำให้หลุดจากความจริงอันควรมีอยู่ในจิตวิญญาณตนเองได้ง่าย ฝ่ายที่ยังมั่นคงอยู่ได้ อาจช่วยประคับประคองกันไว้ได้ แม้ต้องทนทุกข์ทรมานใจมากแค่ไหน ทั้งนี้เนื่องจากมีความอดทนสูงกว่า
อนึ่ง ธรรมชาติภายในจิตใต้สำนึกของแต่ละคนย่อมมีข้อจำกัดมากน้อยแตกต่างกัน ดังนั้นถ้ามีรากฐานจิตใจอ่อนแอด้วยกันทั้งสองฝ่าย ย่อมเกิดภาวะร้าวฉานบานปลายออกไปจนกลายเป็นเรื่องหันหลังให้กันได้ไม่ยาก และคงไม่ใช่เพียงในครอบครัวเท่านั้น แม้ในกลุ่มงานอาชีพจนถึงขั้นระดับชาติซึ่งอาจเกิดขึ้นระหว่างฝ่ายถืออำนาจบริหารกับประชาชนคนทั่วไป ย่อมมีผลทำให้เกิดการนองเลือด
มีกรณีตัวอย่างความตื้นเขินทางความคิดที่พบเห็นได้ทั่วไปในขณะนี้ หากมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโอกาสวันแห่งความรัก โดยเหตุที่คนไทยได้รับอิทธิพลครอบงำจากวัฒนธรรมทางวัตถุซึ่งถูกถ่ายทอดมาจากชนชาติตะวันตกมีผลทำให้รากฐานจิตใจคนส่วนใหญ่ขาดการพึ่งตนเองได้อย่างเข้มแข็ง
เมื่อกล่าวถึงวันแห่งความรัก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จากด้านทางการ ซึ่งมีการสนับสนุนให้ความร่วมมือแก่หญิงและชายเข้าสู่พิธีมงคลสมรส ช่วยให้อ่านได้ว่า ทุกวันนี้ เมื่อกล่าวถึงความรัก เรามักมุ่งมองไปยังความรักระหว่างเพศ เพราะคนส่วนใหญ่ตกอยู่ในความประมาททำให้เกิดการลืมตัวจึงมองได้ไม่ถึงความรักสัจธรรม อันควรมีอยู่ในรากฐานจิตใจของแต่ละคน
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไร เมื่อมีด้านหนึ่งก็ย่อมมีอีกด้านหนึ่ง กล่าวคือ หลังจากแต่งงานแล้วก็หย่าร้างกันได้ไม่ยาก ทุกวันนี้เราจึงพบว่ามีความแตกแยกเกิดขึ้นในครอบครัวไทยแทบจะทั่วไปหมด ผู้ซึ่งอยู่นอกแวดวงที่มีความแตกแยกเกิดขึ้น หากใครสามารถเข้าถึงใจคนทั่วไปได้อย่างลึกซึ้ง อาจได้รับการระบายความในใจให้มีโอกาสรู้ความจริงได้เอง
เรื่องส่วนตัวกับส่วนรวมไม่มีในโลกหลังจากกล่าวมาถึงประเด็นนี้ คิดว่ามีสิ่งน่าสนใจอย่างหนึ่ง นั่นคือรู้จัก ชีวิตคนเราไม่ว่าร่างกายจะอยู่ห่างกันแค่ไหน อีกทั้งไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัวมาก่อน หากการปฏิบัติสะท้อนให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้ได้ว่า เป็นที่ไว้วางใจได้สนิทถึงระดับหนึ่ง สิ่งที่ซ่อนเร้นเป็นความลับในใจตนเอง แม้กระทั่งระหว่างสามีกับภรรยาซึ่งถือเป็นความลับส่วนตัว ก็ยังสามารถระบายให้รู้ความจริงได้ไม่ยาก ดังเช่นสัจธรรมได้ชี้ไว้ว่า ความลับไม่มีในโลก
ดังนั้น ความหมายของคำว่าความลับไม่มีในโลก จึงหาใช่ หมายถึง การสอดรู้สอดเห็นในสิ่งซึ่งอีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการให้รู้ เพราะนั่นคือการเสียมารยาทที่ดี หากหมายถึงรากฐานจิตใจที่สามารถสื่อถึงผู้คนทั่วไปได้อย่างปราศจากกรอบกำหนด
แม้กระทั่งสิ่งที่บางคนเรียกว่า ความลับภายในครอบครัว ซึ่งหลายคนถือเป็นเรื่องส่วนตัว หลังจากสังคมเปลี่ยนแปลงมาถึงยุคนี้
แม้ผู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หากมีใจศรัทธาถึงกัน ย่อมสามารถเปิดเผยความจริงให้รู้กันได้ไม่ยาก
ดังนั้นคำว่าความลับไม่มีในโลก จึงควรให้ความสำคัญแก่ประเด็นหลังมากกว่า ทั้งนี้เนื่องจากมีผลสืบเนื่องมาจากรากฐานจิตใจระหว่างทั้งสองฝ่ายซึ่งสามารถเชื่อมโยงถึงกันและกันได้โดยแท้ จึงไม่ก่อให้เกิดการปิดบังอำพรางจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจึงช่วยให้สามารถสัมผัสกับได้อย่างมีความสุข
ขออนุญาตสรุปประเด็นสำคัญไว้ชั้นหนึ่งก่อนว่า ผู้ที่สามารถเอาชนะใจตนเองได้อย่างชัดเจนแล้ว ย่อมไม่มีการคิดแบ่งแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวมออกจากกัน อีกทั้งรู้ความจริงว่าความลับหาใช่เป็นสิ่งมีตัวตนให้ยึดมั่นถือมั่นไม่ คงมีแค่ความจริงใจซึ่งมอบให้เพื่อนมนุษย์ทุกคนอันถือเป็นอมตะของชีวิตตนเอง