ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: พฤษภาคม 16, 2013, 05:18:19 pm »ผู้ไม่หลง เอาสิ่งอื่น มาเป็นแก่น
ภิกษุ ทั้งหลาย !
พรหมจรรย์นี้ มิใช่มีลาภสักการะ และเสียงเยินยอ เป็นอานิสงส์,
พรหมจรรย์นี้ มิใช่มีความ ถึงพร้อม ด้วยศีล เป็นอานิสงส์,
พรหมจรรย์นี้ มิใช่มีความ ถึงพร้อม ด้วย สมาธิเป็นอานิสงส์,
พรหมจรรย์นี้ มิใช่มี ความถึงพร้อมด้วย ญาณทัสสนะเป็นอานิสงส์.
ภิกษุ ทั้งหลาย ! ก็เจโตวิมุตติ ที่ไม่กำเริบ อันใดมีอยู่,
พรหมจรรย์นี้มี สิ่งนั้น นั่นแหละ เป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมาย
เป็นแก่นสาร เป็น ผลสุดท้ายของ พรหมจรรย์แล.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! เปรียบเหมือน บุรุษผู้ต้องการด้วย
แก่นไม้ เสาะหาแก่นไม้ เที่ยวค้นหา แก่นไม้ จนถึงต้นไม้
ใหญ่มีแก่นแล้ว ตัดเอาแก่นถือไป ด้วยมั่นใจว่า ‘นี่เป็น
แก่นแท้’ ดังนี้.
บุรุษมีตาดี เห็นคนนั้นเข้าแล้ว ก็กล่าวว่า
“ผู้เจริญคนนี้ ช่างรู้จักแก่น, รู้จักกระพี้, รู้จักเปลือกสด,
รู้จักสะเก็ด แห้ง ตาม ผิวเปลือก, รู้จัก ใบอ่อน ที่ปลายกิ่ง.
จริงดังว่า ผู้เจริญคนนี้ ต้องการแก่นไม้ เสาะหาแก่นไม้
เที่ยวค้นหาแก่นไม้ จนถึง ต้นไม้ใหญ่ มีแก่นแล้ว ก็ตัดเอา
แก่นแท้ถือไป ด้วยมั่นใจว่า ‘นี่ เป็นแก่นแท้’ ดังนี้. สิ่ง
ที่เขาจะต้องทำ ด้วยแก่นไม้ จักสำเร็จ ประโยชน์เป็นแท้”
ดังนี้.
มู. ม. ๑๒/๓๗๐/๓๕๑.
_____________________________
เจโตวิมุตติ คือ อรหัตตผล โดยมีน้ำหนัก ของ การทำสมาธิมากกว่าการ กระทำด้านอื่น ๆ
แบบของ การหลุดพ้น ยังมี อย่างอื่นอีกเช่น สัทธาวิมุตติ, ปัญญาวิมุต เป็นต้น
-http://www.facebook.com/pages/พระพุทธเจ้า/166387296709841?fref=ts