ข้อความโดย: ฐิตา
« เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2013, 10:32:46 pm »พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๔ ร้อน...
ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
ตอนที่ ๔ ร้อน.....
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ วิชาการที่อัดแน่นอยู่ในมันสมองของมนุษย์นี้ ท่านผู้ฟังนิทานข้างกองฟางของกระผม ก็อาจเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งเรียนมาก ยิ่งรู้มาก ก็ยิ่งเกิดประโยชน์โพธิผลมากมาย แต่.....อุทาหรณ์ของ พลายแก้ว ที่กระผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้ ก็อาจเป็นแง่มุมอีกประเด็นหนึ่ง ที่ทำให้ท่านผู้ฟังที่รักของผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้.....ที่สำนวนโบราณท่านว่า ดาบสองคมอย่างไรเล่าครับ.....
เณรแก้วของเราเริ่มร้อนเสียแล้วละครับ ร้อนที่หนึ่งคืออาการร้อนวิชา ที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ทั้งสองสำนัก แต่ร้อนที่สองนั้น ดูจะหนักหนาสาหัสกว่ามากทีเดียวเจียวแหละ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนหนุ่มเลือดระอุกับวิชาที่ว่าด้วย "รักทั้งเรียนเสกเป่าเป็นเจ้าชู้ ผูกจิตหญิงอยู่ไม่เคลื่อนคลาย"
ยิ่งมันเกิดจะมีเหตุประจวบเหมาะเอาตรงสงกรานต์ของปีนั้นเสียด้วย ! จับบทเปิดฉากนี้ขึ้นมาด้วยความใฝ่การบุญ อันเป็นนิสัยธรรมดาของชาวไทยทั่ว ๆ ไป แต่หนึ่งในจำนวนของ ผู้มาทำบุญที่วัดป่าเลไลยในวันนั้นชื่อ พิมพิลาไลย
เรื่องมันมีอยู่ว่าพอเดือนห้าย่างเข้าหน้าสงกรานต์ แม่ศรีประจัน มารดาของแม่พิม ซึ่งเป็นเพื่อนกับ แม่ทองประศรี และก็เป็นเศรษฐีนีพอ ๆ กัน ได้พาลูกสาวซึ่งเริ่มจะเป็นสาวแล้ว กับบ่าวไพร่พากันชักแถวมาตักบาตรที่วัดป่าเลไลย ในวันเทศกาลนั้น พอดีที่เณรหนุ่มมารับบาตรแม่สาวพิม แล้วต่างฝ่ายต่างก็จำได้คลับคล้ายคลับคลา ตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนที่พลายแก้วกับแม่ จะจำต้องหนีราชภัยไปถึงเมืองกาญจน์ ก็เคยเล่นหัวกันมอมแมมมาแล้ว แต่มาครั้งนี้ ฉบับหลวงท่านว่า
เณรใจบึกบึกนึกเป็นครู่
เหมือนเคยเล่นกับกูกูจำได้
ชื่อว่าสีกาพิมพิลาไลย
สาวขึ้นสวยกระไรเพียงบาดตา ฯ
บอกตรง ๆ ครับ จะบาปก็ยอม ผมเห็นใจเณรแก้วแฮะ พอล่วงเลยเวลาจากเดือนห้ามาถึงเดือนสิบ สงกรานต์ก็ผ่านไปเทศกาลสารทไทยก็เข้ามา ตอนนี้ท่านระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นเดือนสิบ ปีระกา สัปตศก เพราะฉะนั้นเณรแก้วก็จะมีอายุล่วงเข้าสิบเก้าปี
ครานั้น ท่านผู้มีจิตมั่นในการกุศล โดยมีแม่ศรีประจันเป็นผู้นำ ก็คิดการกันว่า จะต้องจัดให้มีการเทศน์มหาชาติ เพื่อแผ่บุญกุศลอันยิ่งใหญ่ไปทั่วชาวละแวกแถบนั้น จึงได้เตรียมงานกันอย่างมโหฬาร แย่งจองกัณฑ์เทศน์กันยกใหญ่ ก็ปรากฎว่าแม่ศรีประจัน และแม่พิมจองได้กัณฑ์มัทรี
พ่อแม่พี่น้องครับ ถ้านิทานเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงก็คงต้องโทษความบังเอิญ แต่พอดีเรื่องนี้เป็นนิทาน ก็คงจะดูเหมือนกำหนดการทางวรรณคดีเสียกระมัง เพราะได้ปรากฎว่า ท่านสมภารมีผู้ต้องรับผิดชอบเทศน์กัณฑ์มัทรี ในงานบุญครั้งนี้ เกิดอาพาธไปเทศน์ไม่ไหว จึงได้มอบให้ศิษย์เอกของท่านเทศน์แทน ศิษย์เอกที่ว่าก็คือเณรแก้วนั่นเอง และอะไรมันจะเกิด มันก็ต้องเกิดอยู่ดีแหละขอรับกระผม ขอให้ฟังที่ฉบับหลวงท่านเล่าความไว้แทนเถิดขอรับ กระผมกระดาก...
พอสบพักตร์เณรพยักให้ทันใด
ด้วยน้ำใจผูกพันกระสันหา
เชิญกระหยับมานี่เถิดสีกา
ท่านสมภารไม่มาอาพาธไป
จึงให้ข้าเจ้ามาเทศนา
ท่านเจ้ากัณฑ์จะว่าเป็นไฉน
นางพิมยิ้มตอบไปทันใด
ไหนไหนก็เหมือนกันไม่ฉันทา ฯ
จากความในฉบับหลวงที่ได้ยกมาเล่าสู่กันฟังดังนี้แล้ว ท่านผู้ล้อมวงอยู่ข้างกองฟาง ก็คงจะสัมผัสถึงความรู้สึกของพ่อเณรของเราได้อยู่นะขอรับ แต่ถ้ายังไม่ชัดเจน ในฉบับหลวงท่านก็ได้ขยายความต่อไป ถึงความรู้สึกของเณรแก้ว ภายหลังจากที่ได้เทศน์มหาชาติกัณฑ์มัทรีจบไปแล้ว กลับมานอนก่ายหน้าผากอยู่ในกุฏิตอนดึกของคืนวันนั้น
ดึกกำดัดลมพัดมาอ่อนอ่อน
พระจันทรแสงสว่างกระจ่างไข
เงียบสงัดทั้งวัดป่าเลไลย
เจ้าเณรน้อยละห้อยไห้คะนึงนาง
โอ้พิมนิ่มนวลของเณรแก้ว
เจ้าไปแล้วจะรำลึกถึงพี่บ้าง
ฤางามปลื้มแม่จะลืมน้ำใจจาง
แต่ครุ่นครางครวญคิดจนค่อนคืน ฯ
ตอนที่สี่นี้มีชื่อว่า ร้อน...นะครับท่านผู้ฟัง เช้าวันต่อมา เณรแก้วก็ไปบิณฑบาตที่บ้านแม่พิม แต่แทนที่จะได้พบแม่พิมสมดังเจตนา กลับได้พบกับนางพี่เลี้ยงของแม่พิมที่ชื่อ สายทอง อันจะเป็นชะนวนระเบิดอย่างยิ่งของแม่พิม ทั้งในครั้งนี้ และครั้งต่อ ๆ ไป
ฝ่ายแม่พิมนั้น โดยวิสัยกุลสตรีโบราณ เมื่อคาดว่าชายที่ตนพึงใจจะต้องพยายามหาทางพบหน้า ก็ให้รู้สึกกระดากจนไม่สามารถจะสู้หน้าหรือสบตาด้วยได้ ในกรณีของแม่พิมจึงได้แต่ส่งแม่สายทองไปตักบาตรให้แทน ส่วนตนนั้นก็ได้แต่แฝงบังเงาม่านคอยเหลือบมองดูแต่เพียงในห้องนอนของตน แต่กระนั้นก็ยังอดถามพี่สายทองไม่ได้ว่า เมื่อตอนที่ตักบาตรนั้น เห็นพูดจากันว่ากระไรบ้าง ข้างแม่สายทองก็ชอบเย้ายั่วแหย่อยู่เป็นทุนเดิมแล้ว จึงแกล้งทิ้งปริศนาด้วยการตอบ คำถามของน้องเลี้ยงของตน อย่างที่แม่พิมจะต้องกระวนกระวายไปทั้งวันว่า
เจ้ากูเกี้ยวข้าแล้วนะเณรพลาย
พอได้ยินคำตอบของพี่สายทองในลักษณะนี้เข้า ความรู้สึกเดิมที่แม่พิมมีเพียงพิษรัก มารุมล้อมเท่านั้น ก็ทำให้เกิดเป็นแรงหึง เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็ถูกใจแม่สายทองนัก
เพราะด้วยความรักน้อง อยากให้น้องมีความสุขสมหวัง แม่สายทองก็ยอมกระทั่งวางเดิมพัน ด้วยความรักของแม่พิมที่มีต่อตน ยั่วจนแม่พิมร้อน
ตอนที่สี่นี้มีชื่อว่า ร้อน.....
แม่สายทองลงทุนขนาดที่ยอมไปเล่นน้ำในลำธารข้างวัด เพื่อที่จะได้พบปะเจรจากับเณรแก้ว จะได้นัดแนะให้มาพบแม่พิม เอาขนาดนั้นเชียว
และตอนค่ำ เมื่อกลับมานอนกับแม่พิมในห้องตามปกติแล้ว ก็ยังอุตส่าห์เห่กล่อม แม่พิม ทั้ง ๆ ที่แม่พิมก็ไม่ใช่เด็กหัวจุก แต่กำลังเป็นสาว...แล้ว... ในฉบับหลวงท่านให้แม่สายทอง กล่อมแม่พิมว่า
หาวนอนไปนอนเสียเถิดฤา
จูงมือพิมน้อยไปในที่
สวมสอดกอดรัดแล้วพัดวี
นอนเถิดพี่จะกล่อมให้พิมนอน
โอ้ว่าสงสารกุมารเอ๋ย
กระไรเลยเตร็ดเตร่เที่ยวเร่ร่อน
ไม่คิดยากหมายฝากชีวาวอน
ต่างเมืองอุตส่าห์จรกระเจิงมา
อกจะหักด้วยความรักไม่เหมือนคิด
หมายมิตรก็ไม่สมปรารถนา
จึงหลีกเลี่ยงเลยลัดเข้าวัดวา
ทรมาบวชเบื่อระทมใจ ฯ
ได้ฟังบทเห่กล่อมออดอ้อนแบบนี้แล้ว ท่านผู้ฟังลองเอาใจท่านไปใส่ใจ นางสาวพิมพิลาไลย ดูเถิดครับ ถ้าท่านเป็นเธอท่านจะรู้สึกอย่างไร.....
ผมบอกท่านทั้งหลายมาตั้งสองครั้งแล้วว่า
ตอนที่สี่นี้มีชื่อว่า ร้อน.....
คราวหน้าพบกันครับ.